คม-ชัด-ลึก
ดร.สุเมธ ชวนคนไทยรับเอา ประโยชน์สุข เป็นเป้าหมายชีวิต ไม่ใช่แค่ความร่ำรวย ระบุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตามแก้ปัญหาให้พสกนิกรด้วยความเหนื่อยยาก ล้วนเป็นปัญหาที่ประชาชนเป็นผู้ก่อขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าเศรษฐกิจ สังคม หรือแม้แต่การเมือง วอนเลิกทะเลาะกัน แนะยึดหลัก 4 ประการ ที่พระราชทานเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ช่วยพระเจ้าแผ่นดินแบกภาระที่ทรงแบกไว้ ด้าน สวัสดิ์ วัฒนายากร เผยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแบกรับทุกปัญหาของประชาชนจนปวดพระศอ (คอ) และพระอังสา (หัวไหล่) บ่อย ๆ
(9 ก.ค.) ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาและที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) บรรยายในงาน 60 ปี ครองราชย์ ประโยชน์สุขประชาราษฎร์ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่าคำว่าสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นอยู่คู่กับความเป็นประเทศไทยมาโดยตลอด ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ แล้ว
จะเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของไทยทรงอยู่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด แทบจะกล่าวได้ว่าไม่มีที่ใดที่ไม่ทรงเคยไป โดยเฉพาะที่ทุรกันดารซึ่งพสกนิกรต้องการความช่วยเหลือ โดยเป้าหมายของพระองค์นั้นคือเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ซึ่งประกอบทั้งความร่ำรวยและความสุขที่ยั่งยืน ซึ่งตนขอชักชวนให้ประชาชนนำคำว่า ประโยชน์สุข มาเป็นเป้าหมายในการดำเนินชีวิตด้วยคือไม่ใช่ร่ำรวยเพียงอย่างเดียว
ดร.สุเมธ กล่าวด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระทัยความทุกข์ยากของประชาชนและทรงตามเข้าไปแก้ปัญหาอย่างเหนื่อยยากแทบทุกด้าน ตั้งแต่บนฟ้าจรดพื้นน้ำ อาทิ มีโครงการฝนหลวง โครงการฝาย อ่างเก็บน้ำ เขื่อน โครงการส่งเสริมอาชีพ และเมื่อพสกนิกรนำน้ำบริสุทธิ์นั้นมาใช้แล้วกลายเป็นน้ำเสีย พระองค์ก็ยังทรงตามมาพัฒนาโครงการบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยสู่ทะเลให้อีกด้วย ดังนั้น การที่เราจะทำอะไรควรไตร่ตรองให้ดี อย่าไปเพิ่มภาระหนักให้แก่พระเจ้าแผ่นดิน
ทรงใช้ธรรมชาติคือความธรรมดามาแก้ไขปัญหาสลับซับซ้อนที่พวกเราเป็นคนก่อขึ้นทั้งสิ้น อยากจะเตือนพวกเรา ไม่ว่าปัญหาเศรษฐกิจ สังคม แม้กระทั่งปัญหาการเมือง ก็พวกเรานี่แหละที่ก่อ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ทรงตามแก้ด้วยความเหนื่อยยาก เพราะฉะนั้นใครก่ออย่างนี้ก็คำนึงบ้าง จะทิ้งขยะก็คิดไว้ว่าพระเจ้าแผ่นดินต้องไปแก้ จะเทน้ำเสียทิ้งก็ต้องคำนึงว่าเอาภาระไปใส่ไว้ให้ท่านอีก ทะเลาะเบาะแว้งกันเมื่อไหร่ก็ทรงตามแก้อีก ขอฝากไว้ด้วย หยุดเสียนะครับ ดร.สุเมธกล่าว
ดร.สุเมธ ยังขอให้ประชาชนคนไทยปฏิบัติตามพระบรมราโชวาท 4 ประการ ที่พระราชทานเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระหนักที่พระเจ้าแผ่นดินต้องทรงแบกแผ่นดินและพวกเราที่อยู่บนแผ่นดินเอาไว้ อย่าเพิ่มภาระให้แผ่นดินนั้นหนักขึ้น ซึ่งคิดว่าจะเป็นของขวัญที่พระองค์ทรงปรารถนามากที่สุด และสุดท้ายสิ่งเหล่านี้ก็จะกลับมาเป็นประโยชน์ต่อตัวเราทั้งสิ้น และขอให้ปฏิบัติตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตัดสินใจด้วยเหตุผล ไม่หลงตามระบบทุนนิยม และสร้างภูมิคุ้มกันตนเองไว้เผื่อในยามวิกฤติด้วยเสมอ สำหรับข้าราชการขอให้ภูมิใจในความเป็นข้าราชการที่ต้องรับราชการคือการรับงานของพระราชามาดำเนินการ
ด้านนายสวัสดิ์ วัฒนายากร องคมนตรี ขึ้นบรรยายเรื่อง พระอัจฉริยภาพด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ ว่าโครงการพระราชดำริเกี่ยวกับน้ำจำนวนมากนั้นสามารถแก้ปัญหาน้ำได้ครบวงจร ทำให้พสกนิกรมีน้ำบริโภค น้ำใช้ และยังแก้ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม น้ำเสีย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยขณะที่ตนเป็นอธิบดีกรมชลประทาน สังเกตเห็นว่าทรงมีความสนพระทัยและเชี่ยวชาญอย่างมากในการอ่านแผนที่ 1 : 50,000 ซึ่งเป็นแผนที่สำหรับนายช่างและนักบินใช้ โดยทรงวางแผนและอ่านแผนที่ราวกับทรงเห็นเป็นภาพสามมิติ ทรงพระปรีชาคำนวณปริมาณน้ำเก็บกักในพื้นที่หนึ่ง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งยามที่ต้องตามเสด็จเข้าไปยังพื้นที่ตนจะให้นายช่างเป็นผู้ถวายรายงาน เพราะจะทรงซักถามอย่างละเอียดถึงตัวเลขต่าง ๆ
พระราชทานสัมภาษณ์นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟิก เมื่อปี 2525 ไว้ว่า ในประเทศอื่น พระมหากษัตริย์เปรียบดังยอดปิรามิด มีประชาชนเป็นฐาน แต่สำหรับประเทศไทยเป็นปิรามิดหัวกลับ ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินต้องแบกรับปัญหาของประชาชนไว้ทั้งหมด ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าปวดพระสอ (คอ) และพระอังสา (หัวไหล่) อยู่บ่อย ๆ และตลอดเวลาที่ผ่านมาก็เป็นสิ่งพิสูจน์ว่าทุกข์ของประชาชนคือทุกข์ของพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อประชาชนมีความสุข พระองค์ก็ทรงดีพระทัยมาก นายสวัสดิ์ กล่าว
ด้านนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี บรรยายหัวข้อ พระอัจฉริยภาพด้านการบริหารจัดการ ว่าทรงเป็นนักบริหารที่ยอดเยี่ยม ทรงให้โอกาสคนทำงานทุกคน โดยการบริหารงานอย่างบูรณาการ ทำงานเป็นทีม ยึดหลักภูมิสังคมในการเข้าไปพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ ทรงกำหนดแนวทางชัดเจน เลือกใช้วิธีการอย่างรอบคอบเหมาะสมกับแต่ละที่ นำเสนอบรรทัดฐานที่สอดคล้องกับความต้องการของพสกนิกร ใช้งบประมาณอย่างประหยัดโดยคำนึงถึงประโยชน์สุขของราษฎรก่อนสิ่งอื่นใด ทั้งนี้ โครงการพระราชดำริต่าง ๆ จะไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการที่รัฐบาลทำ แต่จะเสริมให้การช่วยเหลือราษฎรทำได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สำหรับงาน 60 ปี ครองราชย์ ประโยชน์สุขประชาราษฎร์ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดขึ้นในวันนี้เป็นวันสุดท้าย ได้รับความสนใจจากประชาชนมาร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ การร่วมถวายพระพร นิทรรศการโครงการพระราชดำริ รวมไปถึงลายพระหัตถ์ที่ทรงออกแบบโครงการต่าง ๆ และภาพ ส.ค.ส.ที่ทรงพระราชทานหลายฉบับ