นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งจะวินิจฉัยคำร้องของกกต.กลางที่ขอให้เพิกถอนผู้สมัคร
กรณีนายอดุลย์ เหลืองบริบรูณ์ ผู้สมัครส.ส. พรคชาติไทยพัฒนา จ.อุทัยธานี แจ้งรายชื่อพร้อมสำเนาใบสมัครไม่ตรงตามกำหนดของบังคับของนายทะเบียนพรรคการเมือง ว่า หากศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งวินิจฉัยว่า ผู้สมัครมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน และทำให้เขตนั้นเหลือผู้สมัครคนเดียว บุคคลนั้นก็ต้องทำคะแนนให้ได้ถึงร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจึงจะถือว่าได้รับเลือก และโดยภาพรวม หากมีการการตัดสิทธิผู้สมัครจะกระทบกับฐานเสียงของรัฐบาลอย่างแน่นอน
"การที่นักการเมืองรู้ตัวว่า ไม่มีสิทธิสมัคร แต่ไปสมัคร ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส,และการได้มาซึ่งส.ว.บัญญัติว่า มีความผิดจำคุก 1-10 ปี ปรับ 1 แสนถึง 2 แสนบาท นอกจากนี้ต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ทั้งนี้พรรคการเมืองนั้นจะถือเป็นผู้สนับสนุนด้วยเพราะศาลเคยมีคำวินิจฉัยกรณีลักษณะแบบนี้มาแล้ว" นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวอีกว่า การสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเป็นเรื่องสำคัญ เพราะพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นพรรคที่ตั้งขึ้นใหม่เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว จึงมีประเด็นว่า รู้ก่อนที่พรรคชาติไทยจะถูกยุบพรรคหรือไม่
อย่างไรก็ดีกกต.ไม่ได้มอวว่า พรรคชาติไทยพัฒนามีการรับสมัครสมาชิกย้อนหลังหรือไม่ ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลการเลือกตั้งกกต.ถือว่าทุกพรรคบริสุทธิ์ การอนุมัติให้ผู้สมัครสมัครได้เป็นดุลยพินิจขอ งกกต.จังหวัดซึ่งกกต.ถือว่ากกต.จังหวัดใช้ดุลยพินิจโดยชอบ การจะไปพิจสูจน์ว่า มีการเข้าข้างพรรคการเมืองหรือไม่จึงเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายอดุลย์ เหลืองบริบรูณ์ ผู้สมัครพรรคชาติไทยพัฒนา จ.อุทัยธานี หากศาลตัดสินให้เพิกถอนการสมัคร จะกระทบกับผู้สมัครของพรรคชาติไทยพัฒนาอีก 11 คน
เนื่องจากกกต.ตรวจสอบพบว่า มีผู้สมัครของพรรคชาติไทยพัฒนาจำนวน 12 ราย ส่งหลักฐานการสมัครไม่ตรงตามกำหนดของนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยพบว่า ผู้สมัครทั้ง 12 ราย สมัครเป็นสมาชิกพรรคระหว่างวันที่ 8-9 ตุลาคม 2551 ตามระเบียบของนายทะเบียนพรรคการเมือง พรรคการเมืองจะต้องส่งเอกสารหลักฐานมาที่นายทะเบียนภายในวันศุกร์ของสัปดาห์ที่สมัคร ขณะที่พรรคชาติไทยส่งหลักฐานมายังกกต.ในวันที่ 12 ธันวาคม 2551ซึ่งถือเป็นการส่งเกินกำหนดไปกว่าหนึ่งเดือน เพราะกำหนดส่งจริงต้องส่งภายในวันที่ 10 ตุลาคม 51