นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เมื่อช่วงเย็นวันนี้ (5 ม.ค.)
ธปท.มองว่าช่วงครึ่งแรกของปี2552 เศรษฐกิจไทยอาจจะยังไม่ดีนัก ธปท.คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 0.5-2.5% โดยจะมีการประเมินตัวเลขใหม่อีกครั้ง แต่เชื่อว่าตั้งแต่ไตรมาส 3 ไปแล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้นหลังจากรัฐบาลวางมาตรการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดผลโดยเร็ว ซึ่งภายในเดือน ม.ค.นี้ แผนกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลจะได้ประกาศออกมาเพื่อช่วยดูแลเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมให้ความมั่นใจว่าไทยจะไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด แม้อัตราเงินเฟ้อในเดือน ธ.ค.51 จะอยู่ในระดับต่ำที่ 0.4% เพราะรัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะเงินฝืด โดยจะเตรียมอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบในจำนวนที่มากพอและดำเนินการอย่างรวดเร็ว
นายกรัฐมนตรี ยังเน้นให้ธปท.ทำงานอย่างมีอิสระและมีเอกภาพ พร้อมทั้งจับตาความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
โดยรัฐบาลเห็นว่า ธปท.มีบทบาทสำคัญในการดูแลและบริหารเศรษฐกิจ และมีสถานะพิเศษในฐานะที่เป็นธนาคารกลางที่ต้องดำรงความเป็นอิสระในการทำงาน ซึ่งวัตถุประสงค์ของการพารัฐมนตรีเศรษฐกิจเข้าพบกับผู้บริหาร ธปท.ในครั้งนี้นอกจากจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจแล้ว ยังต้องปรับความเข้าใจในการทำงานที่ตรงกัน มีเป้าหมายที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยยืนยันว่า ธปท.จะไม่มีปัญหาถูกแทรกแซงการทำงานจากฝ่ายการเมืองอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกันได้มีความเห็นที่ตรงกันเกี่ยวกับผลกระทบของเศรษฐกิจโลกและภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน
และรัฐบาลต้องการรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อประชาชน ทั้งในเรื่องการจ้างงาน รายได้ของประชาชน ในขณะที่ความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ หรือเงินทุนสำรองระหว่างประเทศยังไม่ใช่ความเสี่ยงที่เป็นสถานการณ์เฉพาะหน้าในขณะนี้ สำหรับนโยบายดอกเบี้ยนั้น เป็นเรื่องที่ กนง.จะเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจ แต่หาก ธปท.และรัฐบาลมีความเห็นที่ตรงกัน แนวโน้มการลดดอกเบี้ยก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ให้ผู้ที่รับผิดชอบเป็นผู้ตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ปัญหาสภาพคล่องในระบบขนาดนี้ไม่ได้มุ่งเน้นที่ปริมาณเงินหรืออัตราดอกเบี้ย แต่เป็นปัญหาเรื่องการประเมินความเสี่ยงและการตัดสินใจของธนาคารพาณิชย์ที่จะปล่อยสินเชื่อ ดังนั้นกลไกที่ต้องแก้ไขให้ตรงจุด คือการค้ำประกันสินเชื่อ ซึ่งรัฐบาลต้องพึ่งพาสถาบันการเงินของรัฐให้เข้ามาดูแล
นอกจากนี้ การจัดหา Soft Loan จาก ธปท.มีข้อจำกัดทางกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตาม และรัฐบาลจะไม่ทำผิดกฎหมาย
ดังนั้นนโยบายที่รัฐบาลจะทำ นอกจากงบประมาณกลางปีแล้ว ยังจะเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.), รัฐวิสาหกิจ และใช้กลไกของแบงก์รัฐในการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ เช่น ภาคเกษตร, SMEs เป็นต้น ซึ่งนโยบายการบริหารเศรษฐกิจนั้นได้วางเป้าหมายที่ต้องให้น้ำหนักเท่ากันทั้งการดูแลให้เศรษฐกิจเติบโตได้ อัตราเงินเฟ้อไม่สูง ขาดดุลงบประมาณไม่มาก และไม่กระทบฐานะการคลัง ส่วนนโยบายอ้ตราแลกเปลี่ยน ธปท.ต้องดูแลค่าเงินไม่ให้เกิดความผันผวนมาก แต่อย่าให้ฝืนตลาด และต้องไม่เสียความสามารถทางการแข่งขัน ซึ่งค่าเงินบาทในระดับปัจจุบันยังถือว่าสามารถแข่งขันได้
สำหรับเกณฑ์ Basel II ที่จะใช้กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่จะมีผลบังคับใช้ปลายปีนั้น ไม่ใช่ข้อจำกัดในการที่ธนาคารพาณิชย์จะปล่อยสินเชื่อ ส่วนจะชะลอการบังคับใช้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบอร์ด ธปท.
นายกฯเชื่อไทยไม่สู่ภาวะเงินฝืดกลางปีศก.ดีขึ้น
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง นายกฯเชื่อไทยไม่สู่ภาวะเงินฝืดกลางปีศก.ดีขึ้น
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!


กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday