ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เสียดายถ้าสามารถประชุมด้วยกันได้ จะวิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์ตามนโยบายที่รัฐบาลเขียนไว้ จะไม่มีโวหารอย่างพรรคประชาธิปัตย์เคยทำ
โดยเฉพาะในเรื่องการแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำมีการเขียนไว้ว่าจะทำให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ม.ค. 2552 เสนอมาได้อย่างไร เหมือนไม่ได้อ่านจะทำทันได้อย่างไร เทวดามาช่วยก็ยังไม่ทัน หลายๆเรื่องได้หาเสียงจะทำโครงการเมกกะโปรเจกต์ จะมีรถไฟฟ้า 3 สาย 5 สาย แต่ในนโยบายไม่มีใส่ไว้ ดูนโยบายรัฐบาลแล้วนายกฯแค่เรียนเก่ง ทำงานเป็นหรือไม่ ก็ไม่รู้ บอกว่าจะแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติให้เสร็จในเดือนนี้ จะทำอย่างไร หากอยู่ใกล้จะเอาไม้เรียวตีคนละสามที ทำไมยาเสพติดไม่คิดแก้ไข ช่วงหาเสียงบอกจะสร้างรถไฟฟ้าสีต่างๆแต่เอาเข้าจริงกลับไม่มีสักอย่าง
เมื่อถามว่า นโยบายประชานิยมของรัฐบาลคล้ายว่าจะนำนโยบายของพรรคพลังประชาชนมาใช้ ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า ไม่อยากวิจารณ์
เพราะรัฐบาลบอกกับสังคมว่าเป็นนโยบายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯทำมา ตั้งแต่ต้นนั้นดีแก้ไขปัญหารากหญ้าและคนจน สำคัญที่สุดคือขอบอกกับนายอภิสิทธิ์ว่ามาตรการหกเดือนฯที่รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ดำเนินการไว้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้คิดจึงขอเรียนพรรคประชาธิปัตย์ด้วยความเคารพว่าคิดใหม่เสียในส่วนนี้ เพราะเคยบอกว่าผิดวินัยทางการเงินการคลัง แต่วันนี้กลับเห็นดีเห็นงาม หัดอับอายเสียบ้าง
เมื่อถามว่า การอภิปรายครั้งนี้จะต้องระวังเป็นพิเศษหรือไม่ เพราะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ส.ส. ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า ถูกต้องเพราะอาจจะโดนฟ้องหมิ่นประมาทได้
เช่น กรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศไปแสดงความเห็นในบางรายการ หากนำมาเปิดเผยนายกษิตคงต้องมุดใต้ถุนเพราะเคยไปวิจารณ์ผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน ตรงนี้ปฏิเสธและเถียงไม่ได้เพราะหลักฐานมันชัดเจน