นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนกระแสข่าวลอบทำร้ายนายกรัฐมนตรีนั้น ตนไม่ประมาท แต่จะปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
เมื่อถามว่า จากการตรวจสอบ ใครเป็นคนต้องการทำร้ายนายกฯ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า มีกลุ่มที่เคลื่อนไหว บางทีอาจเป็นเรื่องของอารมณ์ก็ได้ เมื่อถามว่า ความรุนแรงที่จะทำร้ายอยู่ระดับใด นายอภิสิทธิ์ตอบว่า บางทีคำพูดต่างๆที่ใช้อาจจะเกินเลยไป ยกตัวอย่างตอนที่ชุมนุมหน้ารัฐสภา แม้แกนนำจะประกาศว่าทุกอย่างไม่มีปัญหา แต่มีรายงานว่ามีน้ำกรดและอาวุธด้วย ซึ่งไม่รู้ว่าแกนนำทราบหรือไม่ อาจไม่ทราบก็ได้ อาจมีคนบางกลุ่มมีอารมณ์รุนแรง เราจึงต้องไม่ประมาท เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ เพราะต้องลงพื้นที่ตลอด นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ไม่มีสิทธิกลัว เราอาสามาทำหน้าที่ ก็ต้องเดินหน้าทำงาน ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แต่ไม่ได้ตั้งตนในความประมาท ส่วนจะต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปอลดภัยหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ
แต่การทำงานตราบเท่าที่อยู่เป็นสิ่งสำคัญกว่า เราพยายามวางแผนการทำงานให้เห็นผลใน 2-3 เดือน อย่างน้อยต้องทำให้ประเทศมีความเชื่อมั่นของประชาชน และเวทีโลก ทั้งนี้รัฐบาลจะอยู่ได้นานหรือไม่ขึ้นอยู่กับการทำงาน และการเมืองในสภา จะทำให้ดีที่สุด ส่วนผลจะเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบ
ส่วนการหารือผู้เกี่ยวข้องเรื่องก๊าซแอลพีจีนั้น ในวันที่ 5 ม.ค. ตนเป็นห่วงเรื่องการปรับราคา
เพราะราคาในตลาดโลกได้ปรับเปลี่ยนไปแล้ว ส่วนการแบ่งตลาดเป็น 2 ภาคคือ การขนส่งและครัวเรือน ทำให้การควบคุมยากมาก ดังนั้น วันที่ 5 ม.ค. จะเรียก รมว.พลังงาน และคณะกรรมการนโยบายพลังงานมาหารือ เพื่อดูว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไรบ้าง ซึ่งน่าจะมีการปรับแนวทางจากเดิม