หลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายรัฐบาลไปแล้ว
มีเสียงสะท้อนออกมาใน 2 แง่มุม ทั้งเห็นด้วยกับการเปลี่ยนไปแถลงนโยบายที่กระทรวงการต่างประเทศ เพราะไม่อยากให้เกิดความรุนแรงในการปราบปรามกลุ่มเสื้อแดงที่ล้อมรัฐสภา
จุดนี้นายกฯอภิสิทธิ์คงเห็นบทเรียนจากเหตุการณ์ 7 ตุลาคมแล้ว จึงเลือกการเปลี่ยนสถานที่ไปเลย
แต่อีกมุมก็มองว่าการแอบไปแถลงนโยบายฝ่ายเดียวไม่เหมาะสม ไม่สง่างาม ถึงแม้เสียงส.ส.และส.ว.จะเกินกึ่งหนึ่งก็ตาม แต่ก็เป็นส.ส.ของประชาธิปัตย์ พรรคร่วมรัฐบาล และส.ว.บางส่วน
ซีก "เพื่อไทย" พรรคฝ่ายค้านจึงเตรียมยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่าการย้ายสถานที่แถลงนโยบายไม่ได้แจ้งให้ส.ส.ทราบล่วงหน้า
ฉะนั้น ถึงแม้ว่าจะผ่านกระบวนการ "แถลงนโยบาย" แล้ว แต่รัฐบาลก็ยังมีอุปสรรคขวากหนามรออยู่อีกมาก
โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำที่รุมเร้า ซึ่งต้องเร่งแก้ให้ได้โดยด่วน
และปัญหาความขัดแย้งทางสังคม ที่ดูแล้วยังไม่มีท่าทีจะผ่อนคลายลง
กลุ่มเสื้อแดงประกาศว่าจะนัดหมายประชาชนมาชุมนุมกดดันรัฐบาลให้ยุบสภาช่วงหลังปีใหม่
เมื่อวันขึ้นปีใหม่ 1 ม.ค. นายอภิสิทธิ์ไปทำบุญตักบาตรที่ท้องสนามหลวงก็โดนสาวเสื้อแดงใช้ตีนตบเข้าไล่แบบประชิดตัว
ก่อนหน้านี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรรณ รองนายกฯก็โดนพิษตีนตบฮือไล่จนหนีเตลิดมาแล้วที่อุบลราธานี
ยังมีรายงานข่าวว่า นายกรัฐมนตรีถูกโทรศัพท์หลายสายโทร.เข้าไปข่มขู่
ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของฝ่ายไม่ชอบหน้านายกฯ
ส่วนจะเสื้อแดงหรือไม่ ต้องสอบสวนกันให้ชัด
แต่นายอภิสิทธิ์คงต้องโดนแบบนี้อีกนาน เพราะทั้งหมดนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
ม็อบเสื้อเหลืองใช้มือตบฮือขับไล่ ล้อมกรอบ ตะโกนด่าทอ
บางครั้งก็รุนแรงถึงขนาดใช้ขวดน้ำ-รองเท้าปาใส่
โทรศัพท์รุมด่าก็มีมาแล้ว แกนนำพันธมิตรบางคนประกาศให้ม็อบช่วยกันโทรศัพท์ไปด่าและข่มขู่อดีตนายกฯบางคน หรือคนที่มีแนวคิดที่แตกต่าง
ถึงขนาดแจ้งเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่กันบนเวทีปราศรัย
เรื่องที่นายกฯอภิสิทธิ์ประสบในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และคงทำใจไว้แล้วว่าต้องเจอ "หนามยอกเอาหนามบ่ง" หากยังไม่สามารถสร้างความสมานฉันท์ขึ้นได้
นับว่ายังโชคดีที่ไม่โดนโกเต๊กปาใส่บ้านพัก
ว่างๆ นายกฯอภิสิทธิ์น่าจะขึ้นไปดูท้าวมหาพรหมบนหลังคาทำเนียบดูบ้าง
อาจโดนม็อบเสื้อแดงแอบทำคุณไสยปิดเนตรแล้วก็ได้!?