"ปลื้ม" เปิดตัว 3 รองผู้ว่าฯกทม. "อภิรัตน์" อดีตผู้บริหารกรุงเทพฯรวมอยู่ด้วย โอ่เหลือรองผู้ว่าฯอีก 1 จะเปิดตัวหลังได้รับตำแหน่ง โพลม.รังสิตชี้ "สุขุมพันธุ์" นำโด่งคว้าชัยฟัน 45.81 เปอร์เซนต์ "แซม" อันดับสอง
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ "ปลื้ม" ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หมายเลข 8 นำทีมที่ปรึกษา อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณสวนลุมพินี พร้อมทั้งแถลงข่าว "เปิดตัวทีมรองผู้ว่าฯ กทม." เมื่อวันที่ 3 มกราคม ว่า ขณะนี้ได้ทำการคัดเลือกรองผู้ว่าฯ กทม. ที่จะมาช่วยตนทำงาน มีทั้งหมด 3 คน ประกอบด้วย 1.นายอภิรัตน์ ศิวพรพิทักษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง และรองผู้อำนวยการสำนักการโยธา เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ด้านโยธาธิการและด้านการจราจร 2.นายปุณณิศร์ ศกุนตนาค อดีตผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ทั้งไทยและต่างประเทศ เป็นรองผู้ว่าฯ กทม.ด้านการเงินและงบประมาณ และ3.นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา อดีตผู้บริหารธนาคารหลายแห่งและที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ด้านโครงการพัฒนาชีวิตคนเมือง และโครงการเฉพาะกิจในการยกระดับ กทม.
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ กล่าวว่า สำหรับรองผู้ว่าฯ กทม.ที่เหลืออีก 1 ตำแหน่ง จะเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.ด้านสังคมนั้น จะเปิดตัวหลังจากได้รับตำแหน่งแล้ว ส่วนงานด้านการศึกษา ด้านศิลปวัฒนธรรม การแพทย์ และงานสาธารณสุข ตนจะขอคำปรึกษาจากที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน และจะมอบให้ผู้บริหารของ กทม.ที่รับผิดชอบนำไปปฏิบัติเพื่อให้งานเดินเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ตนไม่มีกลยุทธ์อะไรพิเศษ แต่อยากให้คนกรุงเทพฯได้ศึกษาประวัติของทีมงานและที่ปรึกษาก่อนตัดสินใจเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.
"ทีมรองผู้ว่าฯ กทม. 2 ใน 3 คนเป็นคนที่คุณพ่อผม (ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล) การันตีในเรื่องความสะอาด และประสบการรณ์ในการทำงาน และทุกคนผ่านการพูดคุยกับผมและเชื่อมั่นว่าทุกคนพร้อมที่จะมาทำงานด้วยใจจริง ไม่ได้เข้ามาเพื่อเล่นการเมืองอย่างแน่นอน และผมมีความพร้อมไม่น้อยไปกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ" ม.ล.ณัฏฐกรณ์ กล่าวและว่า สำหรับกระแสของตนขณะนี้ ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ฐานเสียงที่ตนคาดหวังคือผู้ใหญ่อายุตั้ง 35 ปีขึ้นไป ที่จะเปิดใจและให้โอกาสตนได้เข้ามาทำงาน นอกจากนี้ ฐานเสียงของพรรคการเมืองต่างๆก็ต้องเปิดใจด้วย เพราะหากคนกรุงเทพฯต้องการล้างไพ่เครือข่ายการเมืองจาก 2 พรรคใหญ่ ก็มีแต่ตนเท่านั้นที่จะชนะพรรคประชาธิปัตย์ได้
ด้าน ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครหมายเลข 2 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลงพื้นที่หาสียงโดยนั่งรถไฟฟ้าบีทีเอส จากสถานีสะพานตากสิน ไปยังสถานีอ่อนนุชเพื่อสำรวจเส้นทางรถไฟฟ้า พร้อมแถลงนโยบายด้านขนส่งมวลชน ว่า จะขยายระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสจากที่มีอยู่เดิม ได้แก่ 1.ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าจากสถานีสะพานตากสิน ถึงสถานีสมเด็จพระเจ้าตากสิน ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร จะให้เสร็จ และทดลองเดินรถได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2552 2.ส่วนต่อขยายจากสถานีอ่อนนุช ถึงซอยแบริ่ง ระยะทาง 5.25 กิโลเมตร และจากถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินถึงบางหว้า ระยะทาง 5.3 กิโลเมตรจะแล้วเสร็จภายในปี 2554 นอกจากนี้ จะผลักดันให้มีการขยายส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าไปยังปริมณฑล ได้แก่ แบริ่ง ไป จ.สมุทรปราการ และ สายหมอชิต ไปสะพานใหม่ โดยจะประสานกับรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาจราจรอย่างครบวงจร
"ที่ผ่านมาการที่ผู้ว่าฯ กทม. และรัฐบาลอยู่คนละฝ่าย การทำงานมักจะมีการปีนเกลียวกัน โครงการใหญ่ๆของ กทม. จึงไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ในอนาคตผมมีแนวคิดที่อยากจะตั้งหน่วยงานที่มีการรวมศูนย์กลางอำนาจหน้าที่ด้านจราจรโดยเฉพาะ และต้องให้เมืองหลวงเป็นผู้ดูแลเพียงหน่วยงานเดียว เพื่อให้การบริหารงานด้านจราจรมีประสิทธิภาพมากขึ้น" ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กล่าว
วันเดียวกัน วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้เปิดเผยผลการพัฒนาเทคนิคการจัดเก็บข้อมูลที่เรียกว่า "การสำรวจผลวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ" (Analytical Expertise Survey) โดยทำการคัดเลือกผู้ให้ข้อมูลเป็นการกำหนดแบบเจาะจง โดยกำหนดคุณสมบัติผู้ให้ข้อมูลว่าต้องมีศักยภาพในการวิเคราะห์ชุมชน เป็นผู้นำชุมชน หรือแกนนำสำคัญของชุมชน รวมทั้งติดตามการหาเสียงของการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อย่างใกล้ชิด โดยคำถามมีลักษณะให้ผู้ตอบทำการวิเคราะห์ฐานเสียงในละแวกบ้านหรือชุมชนที่ตนเป็นสมาชิก เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วจำนวนหนึ่ง จึงทำการตัดข้อมูลที่บ่งชี้ทิศทางเดียว เพื่อให้เหลือตัวอย่างซึ่งเป็นระดับแกนนำเพียง 132 รายเท่านั้น โดยทำการเก็บข้อมูลเพียงวันเดียวคือ วันที่ 30 ธันวาคม 2551 ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น.
วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม เปิดเผยผลสำรวจว่า การสำรวจครั้งนี้ ไม่ถือเป็นผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไป แต่ถือเป็นผลการวิเคราะห์ของกลุ่มบุคคลในระดับแกนนำสำคัญของชุมชน ผู้นำชุมชน นักวิชาการ ที่ติดตามข่าวสารทางการเมืองอย่างใกล้ชิด และมีอิทธิพลทางความคิดต่อชุมชน มีถิ่นอาศัยอยู่ในเขต กทม. ทั้ง 50 เขต ผลการวิเคราะห์ของแกนนำชุมชน ด้านผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีผลที่น่าสนใจ คือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จะเป็นผู้ว่าฯ กทม. ด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 45.81
ทั้งนี้ ผลการวิเคราะห์ของแกนนำชุมชน สรุป ได้ 3 ประเด็น คือ 1. การทำรังสิตโพลล์ครั้งนี้ ถือเป็นการทดลองทางวิชาการครั้งที่สอง ด้านวิธีวิทยาของการวิจัยทางสังคมศาสตร์ ที่เรียกว่า “การสำรวจผลวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ” ที่ใช้กลุ่มผู้รู้จริงเพียง 132 ราย น้อยมากเมื่อเทียบกับโพลล์ทั่วไป และอาจเป็นวิธีใหม่ของสังคมไทย ที่สามารถดูแนวโน้มขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมได้ทางหนึ่ง 2. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งในทุกๆ กรณี โดยมีนายยุรนันท์ ภมรมนตรี นายแก้วสรร อติโพธิ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล และนางลีนา จังจรรจา เป็นอันดับที่สอง สาม สี่ และห้าตามลำดับ รวมทั้งโอกาสการทำตามนโยบายหาเสียงด้วยเช่นกัน และ3.ประเด็นปัจจัยที่ช่วยในการตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม. ไม่ว่าจะเป็น นโยบายหาเสียง การสังกัดพรรคการเมือง ผลงานในอดีต และความมีชื่อเสียง ยังถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หรือนักการเมือง ต้องคำนึงถึงมากกว่าการใช้หัวคะแนนชี้นำ หรือ เงินซื้อเสียง
ปลื้ม เปิดตัว3รองผู้ว่าฯโอ่อีก 1 ก็เจ๋งรอเผยหลังชนะ โพลม.รังสิตชี้ สุขุมพันธุ คว้าชัย แซมตามหลัง
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ปลื้ม เปิดตัว3รองผู้ว่าฯโอ่อีก 1 ก็เจ๋งรอเผยหลังชนะ โพลม.รังสิตชี้ สุขุมพันธุ คว้าชัย แซมตามหลัง