วันที่ 31 ธ.ค. ที่บ้านพักเมืองทองธานี นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลแถลงนโยบายที่กระทรวงต่างประเทศ ว่า การแถลงของ รัฐบาลครั้งนี้เป็นโมฆะ 100 เปอร์เซ็นต์
เพราะตนไม่ได้รับแจ้งจากประธานสภาฯเลยว่าจะมีการย้ายที่แถลงนโยบาย หากเป็นแบบนี้ต่อไปใครก็ทำได้ นึกจะย้ายไปไหนก็ย้าย ไม่จำเป็นต้องบอกใคร การทำแบบนี้มันมากเกินไป แล้วสังคมจะมองอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์เองก็มีผู้ใหญ่ในพรรคเป็นจำนวนมาก ที่เก่งเรื่องกฎหมาย ทั้งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ทำไมยังทำแบบนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าขัดต่อระเบียบการประชุม และขัดรัฐธรรมนูญ
“ต่อไปผมจะดูซิว่านักกฎหมาย หรือตุลาการจะว่าอย่างไร จะเอากันแบบนี้จริงๆหรือ แบบนี้เท่ากับว่าหมดแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว กฎหมายของประเทศนี้ใช้ไม่ได้ และผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ และจะต้องส่งไปทุกแห่งที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย และจะได้เห็นกันว่าขื่อแปอยู่ที่ไหน แล้วต่อจากนี้ไปบั้นปลายจะเหลืออะไร เมื่อโจรมาปล้นเอารัฐบาลไป แล้วรู้ทั้งรู้ว่าเป็นโจร แต่ถ้าศาลตัดสินเข้าข้างโจรว่าการปล้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ต่อไปก็ไม่ต้องใช้กฎหมายแล้ว” นายเสนาะกล่าว
นายเสนาะกล่าวว่า ก่อนหน้านี้การออกพระกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาในวันที่ 29-30 ธ.ค. ก็กำหนดไว้ชัดว่าจะต้องประชุมที่รัฐสภา
ในเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ประชุมไม่ได้ นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ก็เลื่อนประชุมมาเป็นวันที่ 30 ธ.ค. แต่ทำไมนายชัยไม่แจ้งให้สมาชิกคนอื่นให้ทราบว่าจะมีการย้ายที่ ทั้งที่ประธานสภาฯก็รู้ว่าต้องแจ้ง แต่กลับเอารถไปรับเฉพาะคนของตัวเอง และให้ ส.ว.เซ็นชื่อเข้าประชุมตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.
“มันไม่ใช่ว่าการกระทำครั้งนี้จะมากไป แต่มันบ้าไปแล้ว ถูลู่ถูกังเอาประโยชน์ให้ตัวเองทุกอย่าง อย่างนี้บ้านนี้เมืองนี้ก็หมด ไม่มีอะไรเหลือ ตั้งแต่เล่นการเมืองไม่เคยพบเคยเจอ และไม่ใช่ว่าฝ่ายค้านเขาไม่ต้องการไปร่วมประชุม ไม่เหมือนกับที่พรรคประชาธิปัตย์ทำเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ในตอนที่รัฐบาลนายสมชาย วงสวัสดิ์ แถลง เพราะตอนนั้นประชาธิปัตย์ตั้งใจไม่ร่วมประชุมเอง” นายเสนาะกล่าว