ปิดตำนาน ผรุสวาท สมัคร สุนทรเวช

ขอย้อนเหตุการณ์ที่ทำให้นายสมัครต้องลงจากเก้าอี้นายกฯก็เนื่องมาจาก "ปาก" อีกนั่นแหละ เพราะท่านไปจัดรายการ "ชิมไปบ่นไป"

ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี จึงต้องเลือกนายกฯคนใหม่ ซึ่งฝ่ายที่สนับสนุนนายสมัคร ก็ยังคงพลักและดันนายสมัครให้เป็นนายกฯแต่ก็มีกระแสต่อต้านจากสังคมและคนในพรรคพลังประชาชนบางกลุ่มไม่อยากให้นายสมัครเป็นนายกฯอีก

 
เหตุผล คือ "บุคคลิกแข็งกร้าวและวาจาที่ไม่ยอมใคร"ทำให้ชื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคขณะนั้นถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯเพราะมีบุคลิกลักษณะที่ตรงกันข้ามกับนายสมัคร คือ "ประนีประนอม"
 
นับตั้งแต่นั้นมานายสมัคร สุนทรเวชได้หายออกไปจากวงการเมือง หลบเลี่ยงไม่พบสื่อแม้แต่ "ตลาดสด"สถานที่โปรดปรานก็ยังไม่ยอมไป 
 
ทำให้สีสันการเมืองไทยดู"จืดชืด"ไปเลย หลายคนบ่นคิดถึง "สมัครหายไปไหน"
 
มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่านายสมัคร ป่วยเป็นโรค "มะเร็ง" แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจน
 
กระทั่งวันที่ 2 ตุลาคม นายสมัครเดินทางเข้ารักษาอาการป่วยโรคมะเร็งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หลังจากเกิดอาการปวดท้องรุนแรง แพทย์ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ มีกระเช้าเข้าเยี่ยมนายสมัครเป็นจำนวนมากทั้งจากในวังและนักการเมือง ทหาร ตำรวจ และประชาชนทั่วไป

นับแต่นั้นมาคนไทยไม่มีโอกาสได้เห็นภาพ "นายสมัคร สุนทรเวช" ผ่านทางสื่อต่างๆอีกหลังจากลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชาชน

ในที่สุดภาพนายสมัคร พร้อมภรรยาคุณหญิงสุรัตน์ ก็ปรากฎขึ้นอีกครั้ง ขณะที่เดินทางไปรักษาโรคมะเร็งตับ ที่สถาบันมะเร็งฮุสตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
 
"สีหน้าแววตา" ที่เคยดุดันจางหายไปมีแต่ความ"เฉยเมยหม่นหมอง"เข้ามาแทนที่ นั่นเพราะว่า เมื่อไปถึงสนามบินที่รัฐเท็กซัส กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในมลรัฐเท็กซัส  ต้อนรับสุดแสนเจ็บปวด ชูป้าย " พันธมิตรHouston (ไม่) ต้อนรับอ้ายคนขายชาติ" ซ้ำเติม "เวรกรรม ไม่ต้องรอชาติหน้า " ไม่สนใจว่านายสมัครกำลังป่วยหนักอยู่

ท่าทางที่สงบนั่งเหยือกเย็นผิดเผกแปลกตาไม่เหมือนกับนายสมัครที่ไม่ยอมให้ใครสบประมาทได้ง่ายๆ แม้แต่คำถามที่ผู้สื่อข่าวถามให้ "กวนใจ"  ก็ตอกกลับหน้าหงายกันเป็นแถว หรือแม้แต่กลุ่มพันธมิตรที่ชอบโบกมือตบไล่ ส.ส.หรือรัฐมนตรีก็ไม่มีใครกล้ามาตบไล่นายสมัคร
 
แม้จะมีข้อความที่รุนแรงแต่นายสมัครก็สามารถ"อดกลั้น" ไว้สำเร็จนั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จา ทำเหมือนมองไม่เห็น ไม่รู้สึกรู้สาอะไร จนทำให้คนประท้วงต้องล่าถอยกลับกันไปเอง เก็บความคับแค้นเขียนจดหมายมาระบายความรู้สึก

ขอคัดมาบางช่วงบางตอน 


"นับตั้งแต่ที่ผมพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ที่ผมรับผิดชอบเรื่องบ้านเมืองไปแล้ว ผมก็ไม่พยายามที่จะแสดงความคิดเห็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับทางการบ้านการเมือง โดยเมื่อเดือนเศษๆ ที่ผ่านมา ผมต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทางเมืองไทย และเมื่ออาการค่อยทุเลาลงแล้ว หมอทางเมืองไทยก็ตกลงกับหมอทางสหรัฐอเมริกาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญให้ผมเดินทางมารักษาตัวเพื่อให้อาการของโรคที่เป็นอยู่หายเสร็จเด็ดขาด

เมื่อตอนที่ผมอยู่เมืองไทย คนอย่างผมก็ไปไหนมาไหนโดยไม่เคยเจอใครที่จะมาแสดงอาการด่าทอว่ากล่าวผมตลอดระยะเวลา 7 เดือนที่ผมทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองอยู่"

ผมมาถึงเมืองฮุสตัน เมื่อเย็นวันที่ 5 พฤศจิกายน มีคนไทย 3-4 คน มายกป้ายด่าทอผม ด้วยถ้อยคำหยาบคาย กล่าวหาว่าผมเป็นไอ้คนขายชาติ และบอกว่ากรรมเวรไม่ต้องรอชาติหน้า ถือป้ายตั้งแต่ผมออกจากเครื่องที่ผมเดินทางกันไป 3 คนพ่อแม่ลูก กับญาติสนิทอีก 2 คนรวมเป็น 5 คน เข้าลิฟต์มันก็วิ่งถือป้ายเข้ามายืนอยู่ในลิฟต์ด้วย ออกไปรอเอากระเป๋าก็วิ่งเที่ยวชูป้าย เที่ยวถ่ายรูป ถ่ายดักหน้าดักหลัง ปากก็ตะโกนร้องคำเหมือนกับผมเป็นอาชญากรตัวสำคัญที่ทำลายบ้านเมือง ออกมายืนรอรถข้างนอกประตู ก็ออกมาวิ่งเที่ยวชูป้ายวิ่งข้ามฟากถนนไปมา แล้วไอ้เจ้าผู้ชายก็มายืนตะโกนด่าอยู่ข้างรถที่ผมขึ้นไปนั่ง ว่า ผมเป็นไอ้ขายชาติๆๆๆๆ ตะโกนอยู่ข้างรถเหมือนเจ็บแค้นใจแทนพี่น้องคนไทยทั้งชาติทำนองนั้น

ตลอดระยะเวลาที่ 3-4 คน เที่ยววิ่งแสดงกิริยาอย่างที่ว่า ผมไม่ได้แสดงกิริยาตอบโต้อะไร เพราะแม้แต่หน้าของเขา 3-4 คน ที่มาแสดงกันนั้น ผมก็ว่า ไม่อยากมองหรือจดจำ

ผมคิดอยู่ในใจเพียงว่า เมื่อผมมีโอกาสนั่งเขียนหนังสือผมก็คิดจะเขียนมาถึงผู้จัดรายการความจริงวันนี้ เพื่อบอกความจริงให้พวกที่เขามาแสดงกันอย่างที่ว่า โดยที่คนพวกนี้เขาไม่เคยรู้หรือแกล้งไม่รู้เลยว่าใครเป็นใคร เช่น คนอย่างผมได้ทำอะไรให้กับบ้านเมือง ตลอดระยะเวลา 7 เดือนที่ผมอยู่ในหน้าที่ ผมจะบอกให้ว่า  คนอย่างผม นายสมัคร สุนทรเวช นั้นเป็นนักการเมืองที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดเรื่องเอาชาติบ้านเมืองไปขายให้กับใครที่ไหน

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีความจงรักภักดี และมีความเคารพเทิดทูน สถาบันสูงสุดของบ้านเมืองมาตลอด โดยไม่ต้องไปประกาศให้ใครในบ้านเมืองรู้ เพราะทั้งชีวิตผมและวงศ์ตระกูลผมที่สืบย้อนขึ้นไป 2 ชั่วคนได้สนองงานถวายพระราชวงศ์จักรี ทั้งคุณตา คุณลุง คุณพ่อและคุณตาของผม โดยเมื่อถึงยุคของผม ผมก็ได้สนองงานถวายทุกวาระที่ผมได้รับหน้าที่เป็นฝ่ายบริหารบ้านเมือง


อยากให้รู้ว่า แม้ผมจะทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะเป็นเวลาเพียง 7 เดือน ผมก็ได้ทำหน้าที่ของผม ให้สถาบันที่มีหน้าที่ดูแลความมั่นคงของบ้านเมืองให้เข้าใจและไม่มีปัญหาที่จะไปทำให้เกิดความแตกแยกในกองทัพ รวมทั้งการให้ความสนับสนุนและส่งเสริมกิจการงานของกองทัพเป็นที่เข้าใจและพอใจของทุกฝ่าย

ผมต้องเขียนมาถึงรายการความจริงวันนี้ก็เพราะผมต้องการให้พี่น้องประชาชนคนไทยที่รู้จักผมมาตลอด ชี้นำในการดำเนินงานทางการเมืองของผม ว่าผมไม่เคยคิดว่าคนอย่างผมที่ได้เข้ามาทำหน้าที่ทางการเมืองในช่วงที่ต้องมากอบกู้สถานะของประเทศจนเป็นปกติ จะมาถูกคนไทยที่มาอยู่ต่างแดนที่แม้ว่าตั้งแต่เข้ามายังไม่เคยเห็นหน้ากัน มาแสดงอะไรกับคนอย่างผมที่เดินทางมารักษาตัวกันเพียง 5 คน อย่างที่เล่ามาให้ทราบแล้วในตอนต้น
 

"เหมือนกับผมเป็นคนเลวทรามต่ำช้าที่เป็นผู้ทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย จนต้องมาเขียนป้ายประณามและมายืนตะโกนด่าซ้ำๆ ซากๆ ว่าผมเป็นไอ้ขายชาติๆๆ อยู่ข้างรถผม"

ขอเล่าความทุกข์ใจของผมมาถึงพี่น้องประชาชนชาวไทยที่ยังมีใจเป็นชนชาติเดียวกันให้ทราบความจริงผ่านรายการความจริงวันนี้ ทั้งนี้ เพราะกิจกรรมที่ทำกันอย่างไม่ลืมหูลืมตาของคนกลุ่มเล็กๆ ที่กระจายกันทั่วไปในแหล่งที่มีคนไทยอยู่ทั่วโลกอย่างที่ทำกันนี้ เป็นกิจกรรมที่คนเป็นหัวโจกดำเนินการจะมีความภาคภูมิใจ อย่างไรก็ตามเถิด แต่นี่เป็นกิจกรรมที่ทำลายความเป็นชาติไทยที่มีความรักความผูกพันกันมายาวนานตลอดชีวิตของคนไทยเรา อย่างน่าเศร้าน่าสลดใจเป็นที่สุด
 
ลงชื่อ "สมัคร สุนทรเวช"

ถ้อยคำในจดหมายลายมือของอดีตนายกฯที่เขียนระบายความอัดอั้นตันใจ ยอมรับว่า "ทุกข์ใจ" ที่ถูกคนชาติเดียวกันประณามด้วยคำหยาบคาย ประหนึ่งว่าคำผรุสวาทเด้งเข้าแบบที่คิดไม่ถึงว่าจะมีใครกล้าทำกับ นายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งคนพวกนี้คงทำได้เฉพาะในยามที่อ่อนแรงเท่านั้น
 
เพราะในวันที่"แข็งแรง"มีกำลังพอไม่มีทางที่นายสมัคร จะยอมให้ใครมาใช้วาจาสามหาวซึ่งหน้าเป็นอันขาด หากจดหมายฉบับนี้เปลี่ยนเป็นโฟนอินคงจะดุเดือนเลือดพล่านยิ่งกว่านี้
 
แล้วก็ไม่ผิดหวังเมื่อจดหมายฉบับนี้ออกอากาศไปเรียกคะแนนสงสารได้มากทีเดียว ดังนั้นขอจบ "ผรุสวาทสมัคร" ไว้แต่เพียงเท่านี้ หวังว่าจากนี้ไปนายสมัครคงเลือกใช้ "วรรณศิลป์"มากกว่า"วาทะศิลป์" 

สุดท้ายขอให้นายสมัครหายป่วยเร็วๆ

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์