บทวิเคราะห์:จับตาการเมืองร้อนเดือนก.ค.คลี่คลายหรือวิกฤติ?

7 กรกฎาคม 2549 19:34 น.
สถานการณ์การเมืองเดือนก.ค.คงร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังที่เงียบงายไปในช่วงแห่งการเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ซึ่งมีหลายปรากฏการณ์ของปัญหา ที่ทำให้คิดไปในทิศทางเดียวกันว่าการเมืองจะคลี่คลายหรือวิกฤติ กันแน่?

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ***ตะวัน ส่องแสง

----------------------------------

สาเหตุประการสำคัญ ที่ชวนให้คิดกันว่าการเมืองจะร้อนแรงขึ้นคือ ประเด็นแรก แกนนำพันธมิตรฯนัดชุมนุมใหญ่ 14 ก.ค.นี้ บริเวณท้องสนามหลวง รวมพลมุ่งหน้าสู่ทำเนียบจี้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีลาออก โดยได้แถลงข่าชี้แจงถึงท่าทีการเคลื่อนไหวภายใต้สถานการณ์การเมือง หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาระบุเรื่อง "ผู้มีบารมีเหนือรัฐธรรมนูญ"

โดยแกนนำพันธมิตรฯ ระบุถึงพฤติกรรมของ "ระบอบทักษิณ" ระหว่างเป็นรัฐบาลรักษาการ มีการจาบจ้วงสถาบัน ซึ่งการประชุมแกนนำพันธมิตรฯมีมติร่วมกันว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะต้องร่วมกันแสดงพลังปกป้องประชาธิปไตย โดยการเชิญชวนประชาชนมาชุมนุมกันที่บริเวณท้องสนามหลวง ตั้งแต่เวลา 8.00 น. ของวันศุกร์ที่ 14 ก.ค.นี้

จากนั้นได้ประกาศร่วมกันเดินขบวนไปทำเนียบรัฐบาลประมาณ 9.00 น.เพื่อเรียกร้องให้พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบให้ชัดเจนถึงคำว่า"ผู้มีบารมีเหนือรัฐธรรมนูญ"เป็นใครกันแน่ และเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออก หลังจากดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรียืดเยื้อกินเวลามาเกิน 120 วันตามกรอบของกฏหมายรัฐธรรมนูญ

ประเด็นต่อมา พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) หากศาลเลือกกกต.ครบ 5 คน พร้อมจะลาออกทันที โดยให้เหตุผล มีการคิดมานานแล้ว และถ้าเลือกตั้งส.ว.เสร็จจะพิจารณาตัวเองลาออกไป

คำกล่าวของพล.ต.อ.วาสนา "ผมไม่ได้ท้าทาย แต่หากลาออกไปผมก็ไม่เดือดร้อน แต่ติดปัญหาเรื่องภาระหน้าที่ที่ยังค้างคาอยู่ ถ้าลาออกไปตอนนี้ก็จะถูกครหาว่าละทิ้งหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติ ผมก็โดนอีก"

พร้อมชี้แจงความคิดให้เห็นถึง การลาออกจะมีการเกี่ยวกับหลายเรื่อง โดยเฉพาะถ้าสามารถสรรหากกต. 2 คนแทนตำแหน่งที่ว่าง ก้พร้อมที่จะลาออกทันที "มาทำสัญญากันก็ได้ และจะเขียนหนังสือไว้ล่วงหน้าถ้ามีคนห่วงว่าจะไม่ทำตามจริง"

"ผมไม่ได้ท้าทาย แต่ถ้าถึงวันนั้นผมไม่ออก ก็มาฆ่าแม่งเลย ช่วยไปบอกสื่อทุกฉบับด้วย ผมไม่ใช่คนกะล่อน พูดวันนี้อย่างนี้แล้วพรุ่งนี้เป็นอีกอย่าง ผมคิดว่าการสรรหากกต.ใหม่ประมาณ 1 เดือนก็แล้วเสร็จ คงไม่เหมือนกรณีการสรรหาของตนที่สรรหาใช้เวลาถึง 5 เดือน" พล.ต.อ. วาสนา กล่าวย้ำ

เป็นคำพูดยืนยันถึงความคิดของประธานกกต.ชัดเจน โดยหากสรรหากกต.ครบ 5 คนแล้ว และแม้ว่าตัวเขาเองลาออกไป เหลืออีก 4 คน ก็สามารถทำงานต่อไปได้ แล้วค่อยสรรหามาเพิ่มอีก 1 คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะมองประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติอยู่แล้ว ส่วนกกต.อีก 2 คนจะอยู่หรือจะลาออกหรือไม่ ก็ไม่รู้ เพราะจะไปบังคับไม่ได้

เป็นประการหนึ่ง ที่สะท้อนให้เห็นถึงปรากฏการณ์ของกรรมการกกต.ที่หมดความชอบธรรม และจะทำหน้าที่กรรมการเลือกตั้งต่อไป และเป็นสาเหตุหนึ่งสามารถวัดองศาความร้อนแรงของการเมืองเดือนก.ค.ได้ชัดเจน

ประเด็นที่สาม อัยการสูงสุดส่งสำนวนและคำร้องให้ยุบ 5 พรรคถึงมือศาลรัฐธรรมนูญแล้ว โดยอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้นายอรรถพล ใหญ่สว่าง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ นำสำนวนและคำร้องขอให้ยุบพรรคการเมือง 5 พรรค ประกอบด้วย พรรคประชาธปไตยก้าวหน้า พรรคพัฒนาชาติไทย พรรคแผ่นดินไทย พรรคไทยรักไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว

โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นัดพิจารณาครั้งแรก 13 ก.ค. 2549 ขณะที่ ศาลอาญานัดพิพากษาคดี "ถาวร"ฟ้อง 3 กกต. ในวันที่ 25ก.ค. 2549 ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งนี้

โดยศาลจะตัดสินออกมาอย่างไร ถือเป็นบทพิสูจน์ความชัดเจนการเมืองเดือนก.ค.ว่าสถานการณ์การเมืองจะคลี่คลายหรือวิกฤติ?

นั่นหมายถึงเหตุการณ์พุ่งเป้าไปถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทย ที่คุมอำนาจทางการเมืองอยู่ในขณะนี้ ว่าจะลงเอยอย่างไร เพราะโดยนัยทางการเมืองแล้ว หลายฝ่ายคิดกันว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณ ลงจากอำนาจทางการเมืองไปแล้ว จะมีความชัดเจน โดยมีการปฏิรูปทางการเมือง มีการจัดการเลือกตั้งกันใหม่

เพราะหากพรรคไทยรักไทย คุมอำนาจทางการเมืองอยู่นั้น การเลือกตั้งครั้งใหม่ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง หลายอย่างพรรคไทยรักไทย ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของระบอบทักษิณ ก็ยังใช้อำนาจ และกติกาที่เป็นอยู่เดิม

บทพิสูจน์สถานการณ์ทางการเมืองเดือนก.ค.ร้อนแรง จะคลี่คลายหรือวิกฤติอยู่ที่"ระบอบทักษิณ" จะยังดำรงในอำนาจทางการเมืองหรือเปลี่ยนไปจากเดิมนั่นเอง