หลังจากชะตาพลิกผัน พิษธงสีเขียวๆ สั่งพลิกขั้วการเมืองจนทำให้ ”พลพรรคเพื่อไทย” ต้องพากันย้ายขบวนไปนั่งอยู่ซีกฝ่ายค้าน
แถมเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ยังต้องมาเจอวิกฤติภายในพรรค "ไร้หัว ไร้บุคลากร" จนถูกปรามาสว่าเป็นฝ่ายต้านอ่อนแอที่มาเป็นแม่ทัพ-นายกอง นำทีมฝ่ายค้าน จนต้องให้สิงห์เหลิมรับหน้าที่หัวหน้าทีมขัดตาทัพไปก่อน
ขณะที่ ส.ส.ประเภทหัวหมู่ทะลวงฟันชั้นดี ที่จะออก ปะ ฉะ ดะ กับฝ่ายตรงข้าม ก็ล้วนมีแต่ประเภทหน้าซ้ำ ทำหน้าที่ซ้อนกันไปมา ไม่ว่าจะเป็นหน่วยกล้าตายเสื้อแดง ตู่ "จตุพร" สุนัย จุลพงศธร "เสี่ยปึ้ง" สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ขณะที่ตำแหน่งกระบอกเสียงสำคัญอย่างโฆษกพรรค ก็กำลังถูกแมงเม้าท์แถวตึกชินวัตรไหมไทยซุบซิบกันคึกว่า ค่ายเพื่อไทย กำลังอยู่ในภาวะไร้คนทำงาน จนต้องยกเก้าอี้ให้นักการเมืองมือใหม่อย่างอดีตดาราอย่าง "พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์"
ทำนองว่า ยังไม่รู้คิว รู้จังหวะกับบรรดากระจอกข่าว ขณะที่ประเด็นเนื้อหาที่นำมาแถลง รวมถึงวาทะการเมืองที่จะนำมาตอบโต้กับฝ่ายตรงข้าม ก็ยังไม่คมกริบโดนใจเหมือนอย่างโฆษกรุ่นพี่ๆ อย่าง “ผู้พันปุ่น" ศิธา ทิวารี หรือ "มหากุเทพ" กุเทพ ใสกระจ่าง
ยังไม่นับเรื่องคอขาดบาดตายของ ส.ส.อดีตค่ายเศรษฐี ที่แว่วๆ มาว่า ที่กำลังตั้งตารอท่อน้ำเลี้ยงที่เคยมีสัญญาจากนายใหญ่ในช่วงโหวตเลือกนายกฯ ว่าจะค่อยทยอยลำเลียงมาจากนอกประเทศในระยะนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีวี่แวว
แต่ที่น่าห่วงกว่าและกำลังกลายเป็นรอยร้าวใหญ่อีกแผล ก็เห็นจะเป็น กระแสข่าวจากในพรรคเพื่อไทยว่า เกิดรายการงัดข้อกันเอง ระหว่างสายตรงนายใหญ่ 2 ซีก คือ ฝั่งเลือดชินวัตร อย่าง "เจ๊แดง" เยาวภา วงศ์สวัสดิ์, "พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล" อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย สันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรมว.คมนาคม กับ "ยงยุทธ ติยะไพรัช" อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่กำลังอยู่ภาวะโยนกลองโบ้ยว่าต่างฝ่ายต่างเป็นสาเหตุที่ทำให้ ”เพื่อไทย” กินแห้วเกมชงอำนาจ ไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลได้
ที่ส่อเค้า "แพแตกซ้ำซาก” และไม่รู้จะลงเอยแบบไหน แต่ที่แน่ๆ ได้ยินเสียง ส.ส.ในพรรคบ่นอุบกันพรรคทำนองว่า อยากให้ทั้ง ”เจ๊และอ้าย” โลว์โพรไฟล์ บทบาทตัวเองลงหน่อยกันที่จะไปกันใหญ่กว่านี้ หุหุ !!! ********************** โมเช่...ซานต้า"แจกไม่อั้น" หลังจาก กลุ่มเพื่อนเนวิน พลิกขั้ว หนีนายใหญ่ หันไปจูบปาก ดัน “หนุ่มหล่อมาร์ค” นั่งแท่นนายกฯ จนกลายเป็นฮีโร่ใหม่ของวงการเมืองไทยไปเลยทีเดียว ซึ่งงานนี้ก็ต้องยกดีกรีให้แก่ “ลุงชัย ชิดชอบ”ที่มีอภิชาตบุตร จนไม่ต้องตกบัลลังก์สภาหินอ่อน
และไม่ทราบด้วยความดีใจจนเกินเหตุหรือไม่ “ทั่นประธานที่เคารพ” ก็รีบกุลีกุจอทำหน้าที่ให้สมบูรณ์แบบ ด้วยการเตรียมการแสดงปาฐกถา “ปีใหม่กับการเมืองไทยปี 2552” พร้อมออกจดหมายเชิญกำชับให้สื่อมวลชนประจำรัฐสภาร่วมฟังอย่างพร้อมเพรียง
ซ้ำเชิญตัวแทนสื่อเข้าร่วมหารือถึงการจัดงานครั้งนี้ เพื่อสอบถามตัวเลขของสื่อแต่ละแขนงให้แน่ชัดเจน ปรากฏว่าไปๆ มาๆ ก็เผยไต๋ว่า “ปู่ชัย”วัย 80 อยากจะเล่นเป็น “คุณลุงซานต้าใจดี” แจกของขวัญให้บรรดาลูกหลานสื่อ
ซึ่งของขวัญก็ไม่มากไม่น้อย ก็แค่ ทีวีแอลซีดี 22 นิ้ว ตู้เย็นขนาดเล็กไม่กี่คิว เครื่องเล่นดีวีดี ซีดี ก็เท่านั้นเอง พร้อมออกปากว่า “ผมเห็นทำงานกันมาเหนื่อย ก็เลยใช้เงินส่วนตัว ซื้อของมาร่วมจับของขวัญ อย่าไปคิดมาก ผมทำด้วยความบริสุทธ์ใจ ไม่มีอะไร พวกคุณจับได้ก็ยังเขียนด่าผมได้ทุกเรื่อง” งานนี้ทำเอาสื่อผวา เพราะราคาเล็กๆ น้อยๆ ของลุงซานต้ามันไม่ได้เล็กน้อยอย่างที่ว่า แต่ของที่ว่ามันเป็นของราคาหลักพันหลักหมื่นทั้งสิ้น จึงได้ติงไปว่า “มันไม่เหมาะ ไม่ควร และที่สำคัญมันผิดจรรยาบรรณนักข่าวชัดๆ”
แหมๆ ๆ ๆ ทั่นประธานที่เคารพ ทีหลังไม่ต้องแสดงความดีใจยิ่งใหญ่ขนาดนี้ก็ได้ หรือถ้าให้ดีแค่ทำตัวเป็นประธานสภาที่ดีตามรัฐธรรมนูญกำหนด ก็ถือเป็นพระคุณอย่างยิ่งต่อประเทศชาติแล้วครับทั่น !!!!!! ***************
"ปณิธาน"...หอมกลิ่นการเมือง ! แม้ว่าสมัยที่เพิ่งจบดอกเตอร์จากมหาวิทยาลัยนอร์ทเทิร์น อิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ใหม่ๆ จะคุ้นเคยกับทำเนียบรัฐบาลเป็นอย่างดี เพราะเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น แต่ก็เป็นในฐานะ “คลังสมอง” ให้แก่รัฐบาลหลายชุด
ต่างกับวันนี้ที่ “ดร.ปณิธาน วัฒนายากร” ต้องทิ้งชอล์ก ทิ้งกระดานดำ โดดเข้าร่วมองคาพยพรัฐบาลมาร์ค 1อย่างเต็มตัว ทำเอาคนรอบข้างตื่นตระหนกตกใจกันยกใหญ่ ร้องเตือนกันดังๆ ระวังตกหลุมอำนาจ เกรงจะสูญเสียที่อยู่ที่ยืนในทางวิชาการที่สั่งสมมานานหลายปี
แม้เจ้าตัวจะรู้ว่ารัฐบาลนี้อายุสั้นนักแต่ด้วยพลังบารมีของคนปลายสายที่ต่อมาหาทั้งนายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถมยังไหว้วานให้ผู้ใหญ่จากหลายวงการทั้งวงวิชาการ และสื่อมวลชน ที่เป็นกัลยาณมิตร เกลี้ยกล่อม และอ้อนวอน สุดท้ายทนแรงโน้มถ่วงทางการเมืองไม่ไหวก้าวพรวดเข้าไปสู่ยุทธจักรการเมืองจนได้ แต่ถึงอย่างไร “อาจารย์ปุ้ม” ก็ยังนั่งยันนอนยันว่างานนี้ “รวมกันเฉพาะกิจ” หมดงานแล้วกลับจุฬาฯ สอนหนังสือแน่นอน
ด้วยความที่กลัวคนจะไม่เชื่อทุกวันนี้เวลาไปไหนมาไหนจึงต้องหอบหลักฐานเต็มกระเป๋าทั้งสำเนา พ.ร.ฎ. ที่เปิดช่องให้ข้าราชการที่ออกไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองกลับเข้ารับราชการ แถมด้วยเอกสารที่รัฐบาลส่งตัว “นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล” อดีตรมว.สาธารณสุข สมัยรัฐบาลทักษิณ กลับไปสอนหนังสือที่ ม.มหิดล เพื่อเป็นการยืนยันว่ายังไงก็กลับได้
อยากกระซิบบอกไว้ว่าเหล่านักวิชาการที่ลงสนามการเมืองแล้วไม่วกกลับคืนแวดวงตำราไม่ใช่เพราะว่าไม่มีกฎหมายรองรับ แต่เป็นเพราะกลิ่นอายอำนาจรัฐมันหอมหวนรัญจวนใจเกินจะถอยหลังกลับต่างหาก...อาจารย์
ไม่เชื่อถาม “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” อาจารย์รุ่นพี่ที่รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ที่ “นายหัวชวน” ดึงไปช่วยงาน แรกๆก็เก็บตำแหน่งเอาไว้ให้ นี่ก็ผ่านไปกว่าสิบปีแล้ว จนวันนี้ห้องทำงานของอาจารย์หม่อมถูกรื้อไปแล้ว แต่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังสนุกกับถนนการเมืองอยู่เลย นี่แหละหนา เขาเรียกว่า “มนต์การเมือง” ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
ล้วงตับการเมืองสุดสัปดาห์-เพื่อไทยจำใจ...ค้าน”
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ล้วงตับการเมืองสุดสัปดาห์-เพื่อไทยจำใจ...ค้าน”
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!