นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันพยายามทำความเข้าใจกับทุกกลุ่มเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ส่วนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันแถลงนโยบายนั้น ถือว่าเป็นสิทธิที่ทำได้ และเท่าที่ฟังดูขณะนี้ ยังเรียบร้อยดี ไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่รุนแรง
“อภิสิทธิ์” แถลงนโยบายไม่รุนแรงเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าว กรณีที่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือม็อบเสื้อแดง ได้นัดชุมนุมใหญ่ ที่สนามหลวง ในวันที่ 28 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปที่หน้ารัฐสภาในเช้า วันที่ 29 ธ.ค. นั้น ว่า ขณะนี้พยายามทำความเข้าใจกับ ทุกกลุ่ม อยากให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ใครอยากจะแสดงความคิดเห็นหรือแสดงออกก็ทำได้ การชุมนุมถือเป็นสิทธิ แต่เท่าที่ฟังดูขณะนี้ยังเรียบร้อยอยู่ ไม่น่าจะมี เหตุการณ์อะไรที่รุนแรง เมื่อถามว่า นายสมชายไป จ.อุดรธานี ครั้งนี้มีนัยอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ท่านคงมี ความคิดของท่าน แต่ในส่วนรัฐบาลต้องยึดเอาประโยชน์ ส่วนรวมเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าให้ได้ ยังเชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่อยากให้ก้าวพ้นความขัดแย้ง โดยรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกกลุ่ม และจะดูแลเรื่องการพัฒนาประชาธิปไตย ให้ทุกฝ่าย เข้ามามีส่วนร่วมขีดเส้นสางปมคดีความหลังแถลงเมื่อถามว่า การให้ความเป็นธรรมกับทุกกลุ่มจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า สิ่งที่ย้ำมาตลอด 3 เรื่อง คือ เรื่องคดีความ เรื่องการปฏิรูปการเมือง โดยเชิญทุกฝ่าย เข้าร่วม และเรื่องการทำงานของรัฐบาลต้องทั่วถึงคนทุก กลุ่ม ทุกภาค เมื่อถามว่า เรื่องคดีความขณะนี้ยังไม่มีความ คืบหน้า ประชาชนต้องการเห็นคนทำความผิด ทำความ เสียหายให้ประเทศถูกลงโทษ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ในส่วน ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามกระบวนการ อย่างไร ก็ตาม เมื่อแถลงนโยบายเสร็จแล้ว จะพิจารณาเรื่องกลไกเสริมเข้าไปช่วย เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นภาพรวมของปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั้งปี จะมีในเรื่องของการสนับสนุนองค์กรอิสระ และถ้ามีความจำเป็นจะต้องมีกลไกพิเศษอะไรขึ้นมาก็จะพิจารณา เมื่อถามว่า จะต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนระดับชาติตามที่เอ็นจีโอเสนอหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ต้องไปสอบถามทางหน่วยงานที่เขาทำหน้าที่เรื่องนี้ก่อนว่ามีความคืบหน้าอย่างไร ที่ผ่านมา มีหลายส่วนที่สอบสวนเรื่องนี้ ซึ่งก็ยังไม่สำเร็จเรียบร้อย เพราะไม่ได้รับความร่วมมือให้วันที่ 7 ต.ค. ถือเป็นบทเรียนเมื่อถามว่า นายกฯให้นโยบายในการรับมือกับเหตุการณ์วันที่ 29-30 ธ.ค. เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้เกิดความรุนแรงมีความสูญเสียที่เกิดขึ้นเหมือนที่ผ่านมาอย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ชัดเจนคือต้องเก็บเกี่ยวบทเรียนจากเหตุการณ์ 7 ต.ค. แม้แต่คณะกรรมการที่สอบไปก็ไม่ได้ข้อสรุปในทุกเรื่องที่ตรงกัน เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้องให้ ความระมัดระวัง ศึกษาขั้นตอนในเรื่องการชุมนุม และการจัดการการชุมนุมให้ได้ตามมาตรฐานสากล บุคลากรที่ทำหน้าที่ต้องได้รับการฝึกฝนมีความพร้อม เมื่อถามว่า ยังไม่คิดที่จะเปลี่ยนสถานที่แถลงนโยบายใช่หรือไม่ นาย อภิสิทธิ์ตอบว่า ยังไม่มี ท่านประธานสภาออกหนังสือนัดหมายประชุมที่รัฐสภา ขณะนี้ในเรื่องการทำความเข้าใจ กับทุกฝ่าย พยายามทำทุกทาง ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหาไม่ได้จะให้โอกาสคนอื่นต่อข้อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายเสนอว่า หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งเศรษฐกิจ การเมืองและปัญหาภาคใต้ได้ ก็ควรจะคืนอำนาจให้ประชาชน นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ที่จริงไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลในขณะนี้ไม่ง่ายอยู่แล้ว นี่คือเหตุผลที่ย้ำเสมอว่าเราจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย รัฐบาลต้องแสดงออกถึงความมั่นใจ จริงใจและโปร่งใส ในส่วนของการแก้ปัญหา ตนเป็นนักการเมืองที่ต้องมีความรับผิดชอบ เมื่อเข้ามาก็จะแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด ถ้าแก้ไม่ได้ก็คิดว่าต้องเป็นโอกาสของคนอื่น ไม่สามารถจะบอกล่วงหน้าได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่มีความตั้งใจที่จะทุ่มเทอย่างเต็มที่ และจะสังเกตได้ว่ามาตรการต่างๆ เรามีความพร้อมพอสมควร ได้เตรียมการกันมา เพราะทุกอย่างกำลังขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วกว่าในอดีตที่ผ่านมา หลังจากการแถลงนโยบายแล้ว ถ้าไม่สำเร็จ ก็คิดว่าตนก็ชัดเจน จุดยืนก็ชัดเจน ก็จะเปิดโอกาสให้คนอื่นมาทำ“สุเทพ” ไปอุบลฯเจอม็อบเสื้อแดงไล่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ พร้อมด้วยนางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ ภริยา ได้เดินทาง ที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมบุตรชายของนางศรีสกุล ที่เกิดกับนายพรเทพ เตชะไพบูลย์ ซึ่งบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร โดยการเดินทางครั้งนี้ นายสุเทพได้กำชับให้เป็นความลับ เนื่องจากต้องการความเป็นส่วนตัว แต่หลังจากเดินทางกลับจาก อ.พิบูลมังสาหาร มาแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอินโดจีน ในตัวเมืองอุบลราชธานี กลับถูกกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 70 คน ไปดักรอพร้อมโห่ไล่ ทำให้นายสุเทพเปลี่ยนแผนไปรับประทานอาหารกลางวัน ที่โรงแรมลายทอง กลุ่มคนเสื้อแดงก็ตามไปที่โรงแรม หลังรับประทานอาหารเสร็จ นายสุเทพได้หลบออกทางด้านหลังโรงแรม ไปพักที่บ้านนายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส. อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ ที่ อ.ม่วงสามสิบ เพื่อรอขึ้นเครื่องบินกลับ กทม. ในเวลา 18.00 น. โดยมีคนเสื้อแดงไปดักรอที่หน้าสนามบิน แต่นายสุเทพและคณะหลบเข้าทางกองบิน 21 จึงไม่เจอกัน“สาทิตย์” ขอบคุณม็อบชะลอเข้ากรุงนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงการเตรียมการรับมือสถานการณ์ในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ ที่รัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่า หากเป็นการชุมนุมที่สงบปราศจากอาวุธ สามารถชุมนุมได้ แต่ถ้าเกิดความรุนแรง เจ้าหน้าที่จะไม่ใช้ความรุนแรงในการจัดการ แต่ถ้ามีเหตุการณ์วุ่นวายอย่างวันที่โหวตเลือกนายกฯ เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จะดำเนินการจัดการ เพื่อคลี่คลายให้เกิดความเรียบร้อย โดยแนวทางคือไม่ให้เกิดความรุนแรง ถ้าแถลงนโยบายได้ก็ให้ทำต่อไป ถ้าแถลงไม่ได้ ก็ต้องเลื่อนออกไป ได้หารือกับประธานรัฐสภาไว้ เรียบร้อยแล้ว รัฐบาลขอบคุณพี่น้องเสื้อแดงในหลายๆจังหวัดที่ประกาศว่าจะให้โอกาสรัฐบาลก่อน แต่การข่าวของเจ้าหน้าที่มีรายงานว่ามีการลงพื้นที่ไปปลุกระดมประชาชนอยู่เหมือนกัน ทางกระทรวงมหาดไทยได้พยายามประสานงานกันอยู่ และมีส่วนหนึ่งที่เจรจา เพื่อขอร้องว่าให้โอกาสรัฐบาล รัฐบาลไม่ได้หวั่นไหว แม้ว่าฝ่ายค้าน เตรียมอภิปรายเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหานโยบาย เช่นเรื่องการตั้งรัฐบาล คนที่ถูกพาดพิงก็พร้อมตอบชี้แจง ไม่มีการตั้งองครักษ์พิทักษ์ใคร จี้ “สมชาย” หยุดปลุกระดมเสื้อแดงนายสาทิตย์กล่าวว่า ส่วนการที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เดินทางไป จ.อุดรธานี นั้น หากเป็นไปตามที่นายสมชายให้สัมภาษณ์ว่าไปเยี่ยม คงไม่เป็นไร แต่ภาพที่ออกมาคนก็ตีความไปได้ว่า เมื่อชมรมคนรักษ์-อุดร ประกาศไม่มาชุมนุมที่ กทม.แล้ว นายสมชายเดินทางไปพบถึงที่ และท่านเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีด้วย ก็อาจทำให้ถูกตีความไปได้ ความจริงคนเคยเป็นนายกรัฐมนตรี คงจะรู้ว่าปัญหาบ้านเมืองนั้นหนักหนาสาหัสขนาดไหน ต้องช่วยกันแก้ไขอย่างไร ยังไม่อยากคิดไปในแง่ร้าย อยากให้นายสมชายให้ความร่วมมือกับประชาชนในการทำให้รัฐบาลได้แก้ปัญหา หลายฝ่ายเองกังวลเรื่องนี้อยู่ เช่นกัน นายสมชายอยู่ในฐานะที่ช่วยประเทศได้เช่นกัน ส่วนที่นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.การต่างประเทศ เตรียม อภิปรายเรื่องเขาพระวิหาร ก็ไม่เป็นอะไร รัฐบาลพร้อมชี้แจง และได้ประสานงานกับวิปรัฐบาลแล้วว่าขอเวลาให้ ฝ่ายค้านมากกว่ารัฐบาล “หญิงแอ๋ว” คืนถิ่นนั่งกุนซือนายกฯนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงการแบ่งงานภายในรัฐบาลว่า นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นเลขาธิการนายกฯ นายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็น รองเลขาธิการนายกฯ ควบตำแหน่งโฆษกรัฐบาล และคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ สมัยรัฐบาลชวน 2 จะมาเป็นที่ปรึกษานายกฯนายปณิธานกล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ ต้องรอให้มีมติคณะรัฐมนตรีมีคำสั่งก่อน อย่างไรก็ตามอยากให้นายกฯรีบหาโฆษกรัฐบาลเร็วๆ ส่วนตัวอยากได้ โฆษกรัฐบาลเป็นผู้หญิง เพื่อความนุ่มนวล แต่หลังจากการแถลงนโยบายก็เปลี่ยนเอานักการเมืองเข้ามาทำหน้าที่นี้ ขณะนี้เท่าที่ทราบมีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จะมา เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกฯเมินคำขู่จะเกิดสงครามกลางเมืองเมื่อถามว่า เมื่อครั้งที่มีการชุมนุมปิดล้อมรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์เคยประกาศไม่เข้าร่วมประชุม และครั้งนี้หากมีการชุมนุมจะฝ่าเข้าไปเลยหรือไม่ นายสาทิตย์ตอบว่า เหตุการณ์มันต่างกัน คราวนี้หากมีการชุมนุมเราจะขอให้ได้เข้าประชุม แต่เท่าที่ฟังการประกาศของแกนนำ นปช.ก็เป็นการชุมนุมเฉยๆ ไม่ได้ปิดล้อม จนไม่ให้มีการประชุม เมื่อถามว่า นปช. ประกาศว่าจะให้เกิดสงครามกลางเมือง นายสาทิตย์ตอบว่า เมื่อก่อนประกาศหนักกว่านั้น เชื่อว่าคงเบาลงแล้ว หากสถานการณ์คลี่คลาย และประชาชนอยากเห็นรัฐบาลไปทำงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่ถ้าไปทำให้รัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้ ประชาชนคงรับไม่ได้เช่นกัน รัฐบาลไม่ได้ท้าทาย เพียงขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายว่าขอให้ช่วยกันฝ่าฟันวิกฤติเศรษฐกิจและวิกฤติความขัดแย้งในประเทศ แต่เราไม่ได้ท้าทายมท.1 ไม่หวั่นเสื้อแดงชุมนุมยืดเยื้อนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเฝ้าจับตาดูกลุ่มคนเสื้อแดงที่อาจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ และปิดล้อมรัฐสภาในวันแถลงนโยบายรัฐบาลว่า เชื่อว่า ผู้ชุมนุมยังมีจำนวนไม่มาก เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ได้เตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว ส่วนตนไม่ได้วิตกกังวลเพราะเชื่อว่าไม่น่าจะมีเหตุรุนแรง กลุ่มผู้ที่มาชุมนุมน่าจะทราบดีอยู่แล้วว่าอะไรดีหรือไม่ดี เมื่อถามว่า กลุ่ม นปช. ประกาศจะชุมนุมไปจนกว่ารัฐบาลจะยุบสภา นายชวรัตน์ ตอบว่า ไม่น่าห่วงอะไร เพราะทุกคนรู้หน้าที่กันอยู่แล้ว ว่าจะไม่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ไม่ได้ห้ามการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย แต่ขอให้ชุมนุมอยู่ในวินัยที่เรารับได้ ถ้าเป็นการชุมนุมถูกต้อง เราให้ความสนับสนุนด้วย ส่วนกรณีหากวันแถลงนโยบายไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้จะมีการเปลี่ยนสถานที่ประชุมหรือไม่ ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกที เป็นเรื่องที่ประธานสภาจะต้องวินิจฉัย และจะมีการประเมินครั้งสุดท้ายว่าควรจะมีการเปลี่ยนสถานที่ประชุมหรือไม่ เมื่อใกล้ๆช่วงเวลาประชุม“บุญจง” เตรียมจัดรถสุขาให้ม็อบนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า จากที่มีการรายงานเข้ามาพบว่าในบางพื้นที่มีการชุมนุมกันอยู่บ้างพอสมควร ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ ดูแล้วไม่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นการแสดงความเห็นตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และไม่ได้จับตามองจังหวัดไหนเป็นพิเศษ เท่าที่ติดตามสถานการณ์เชื่อว่าประชาชนทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบัน และเชื่อว่าประชาชนเคารพกฎหมาย คิดว่าหากประชาชนจะเดินทางมาก็คงไม่มีใครไปควบคุมได้ สำหรับตนได้แต่เพียงดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวก เช่น การจัดรถสุขาเคลื่อนที่และหน่วยพยาบาลเตรียมไว้ สำหรับเหตุผลที่ให้แต่ละจังหวัดรายงานทุก 6 ชั่วโมงนั้น เพื่อต้องการให้ได้รับทราบรายงานและข้อมูล เพื่อจะได้หาทางเข้าไปดูแล ถ้าหากรู้ก่อนที่ประชาชนจะเคลื่อนไหวปิดถนน จะทำให้สามารถหาทางแก้ไขสถานการณ์ล่วงหน้าได้มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงนายบุญจงกล่าวว่า สำหรับการแถลงนโยบายของรัฐบาล ยังไม่ได้พูดคุยถึงการเลื่อนวันแถลง มั่นใจว่าจะไม่มีเหตุรุนแรงในวันแถลงนโยบาย ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีจะประสานงานไปยังทุกส่วน สำหรับภาพรวมนโยบายของรัฐบาลนั้น จะเป็นไปในลักษณะที่ครอบคลุมทุกปัญหา ทั้งการเมือง ความเชื่อมั่นในด้านต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาปากท้องของประชาชน สินค้าเกษตร เพราะเรื่องเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนออกมาชุมนุมได้ ถ้าหากรัฐบาลไม่มีโอกาสในการแถลงนโยบาย ขอยืนยันว่าไม่ได้สกัดกั้นประชาชนชุมนุม แต่ขอให้ชุมนุมในพื้นที่ของตัวเอง ส่วนที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายโจมตีรัฐบาลนั้น เป็นเรื่องที่แน่นอน เพราะเป็นเอกสิทธิ์ในการถามข้อสงสัยในสภา ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. หรือ ส.ว. รัฐบาลมีหน้าที่ แถลงชี้แจงเพื่อให้เกิดความเข้าใจสันติบาลคาดม็อบมีสองหมื่นคนเศษพล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส. กล่าวถึงเรื่องการชุมนุมของม็อบเสื้อแดงในช่วงแถลงนโยบายของรัฐบาล วันที่ 28-30 ธ.ค.นี้ ว่า จากการประเมินสถานการณ์ภาพรวมคาดว่าจะมีผู้ชุมนุมประมาณ 21,000 คน แบ่งเป็นกลุ่มคนจาก กทม.จำนวน 12,000 คน กลุ่มปริมณฑลจาก จ.นนทบุรี จ.สมุทรปราการ และ จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 4,000 คน กลุ่มต่างจังหวัดจากภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบนและภาคใต้จำนวน 7,000 คน ไม่น่าจะมีอะไรรุนแรง เพราะอยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ และไม่ได้พบความเคลื่อนไหวของมวลชนจัดตั้งในช่วงนี้พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. กล่าวว่า จากการตรวจสอบด้านการข่าว เชื่อว่าม็อบเสื้อแดงไม่น่าจะมีผู้ชุมนุมมาร่วมมากนัก เนื่องจากกลุ่มคนรักอุดรได้ประกาศว่าจะไม่มาเข้าร่วมชุมนุม ทางตำรวจจะมีการประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน เพื่อวางมาตรการในการรักษาความสงบเรียบร้อยอีกครั้ง และคิดว่าไม่น่าจะมีการปิดเส้นทางการจราจรนปช.เตรียมพร้อมปิดล้อมสภาผู้สื่อข่าวรายงานจากหน้ารัฐสภาว่า ตั้งแต่เวลา 15.00 น. วันเดียวกัน กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการณ์แห่งชาติ (นปช.) หรือม็อบเสื้อแดงกว่า 50 คน ได้เดินทางมาพร้อมกับรถหกล้อ 3 คัน เพื่อตั้งเป็นเวทีปราศรัยบริเวณหน้ารัฐสภา ฝั่งเขาดิน พร้อมรถกระบะติดลำโพงอีกจำนวน 3 คัน มาจอดเตรียมความพร้อมไว้ ขณะเดียวกันตามหัวมุมถนนก็มีการปักธงเพื่อแสดงอาณาเขต พร้อมทั้งมีชายฉกรรจ์สวมหมวกไหมพรมยืนเฝ้าธงที่ปักไว้ ทั้งนี้เพื่อเตรียมพร้อมการเคลื่อนไหวชุมนุม ในวันอภิปรายแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 29-30 ธ.ค.นี้รู้ทันเสื้อแดงเก๊มาชุมนุมใหญ่ด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการฯ (นปช.) ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายจตุพรกล่าวว่า การนัดชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง ในวันที่ 28 ธ.ค. ที่ท้องสนามหลวง และอาจไปปิดล้อมสภาในวันที่ 29-30 ธ.ค. ในวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ที่ผ่านมาจะเห็นปรากฏการณ์รัฐบาลพยายามใช้กลไกสกัดกั้นคนที่จะมาร่วมชุมนุมช่วงนี้ นอกจากจะมีพวกเสื้อแดงปลอม เป็นพวกแดงทรยศมาด้วย พวกใจทรยศจะไร้ค่าเราไม่เคยบอกจะให้ใครมาหรือไม่มา ดังนั้น การชุมนุมวันที่ 28-30 ธ.ค. มีการใช้ความรุนแรงใช้กำลังปราบปรามก็เชิญ ถ้าทำเท่ากับรัฐบาลสิ้นสุดลงทันที หากอยากท้าทายเสียงสวรรค์ก็เชิญ ส่วนกรณีที่มีรัฐมนตรีกระจงหลงทาง สั่งตั้งด่านสกัดคนเสื้อแดงที่จะมาชุมนุมนั้น บอกว่ายิ่งตั้งด่านสกัดประชาชนยิ่งต่อต้าน ไม่มีทางสกัดคนเสื้อแดงได้แน่นอน ส่วนนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภานั้น นายอภิสิทธิ์จึงกำลังจะได้รับฉายามาร์คซีร็อกซ์ เพราะทำนโยบายตามสมัยรัฐบาลทักษิณ นโยบายที่ไปลอกมาถึงอย่างไรก็สู้ต้นฉบับไม่ได้โวทีเด็ดแฉเงิน 300 ล้านเข้า ปชป.นายจตุพรกล่าวอีกว่า ในวันที่ 28 ธ.ค. นี้ จะเปิดเผยข้อมูลที่นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เคยอภิปรายในสภาฯ ถึงกรณีบริษัททีพีไอสร้างหลักฐานเท็จ โดยตั้งบริษัทประชาสัมพันธ์ที่มีรายรับไม่กี่ล้านบาท จากนั้นโอนเงินให้พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นขบวนการที่เลวทรามต่ำช้า แต่พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้นำหลักฐานมาเสนอ ดังนั้น ในวันดังกล่าวจะนำหลักฐานเป็นสลิปเงินมาให้ดูนายณัฐวุฒิกล่าวว่า ในวันที่ 28 ธ.ค. จะเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนเชิงลึก ถึงตัวละครแต่ละตัวต่อสาธารณชนว่าเงิน 200-300 ล้านบาท ไหลเข้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้อย่างไร มีการแจ้งให้ กกต.ทราบหรือไม่ อยากให้มาติดตามฟังในวันดังกล่าว ที่น่าสนใจกว่านั้น ก่อนที่จะมีการแจกจ่ายเงินนอกระบบในพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะมีการจิ๊กเงินกันเองด้วย ในช่วงเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว อยากให้นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข อยู่ใกล้ๆนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เพราะเมื่อได้ยินเรื่องนี้แล้วนายกฯอาจจะเป็นลม ที่พูดไม่ได้หมายความว่ารมว. สาธารณสุขหรือคนใกล้ชิดมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวท้า “กษิต” แก้ปมปราสาทพระวิหารนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ จะเข้าไปแก้ปัญหาเขตพื้นที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทพระวิหารว่า ไม่สบายใจต่อท่าทีของนายกษิต ที่มีต่อนายกฯฮุน เซน เพราะได้พูดและแสดงความเห็นหยามคายต่อนายกฯฮุนเซน สามารถเข้าไปดูได้ในเว็บไซต์ยูทูป และล่าสุดทราบว่านักการทูตในกระทรวงต่างประเทศ ก็ไม่สบายใจอย่างมาก ขอฝากไปถึงนายกษิตว่า รมว.ต่างประเทศที่ดี ควรยึดหลัก ดังนี้ คือ 1. คิดก่อนพูด เพราะหลังการพูด คำพูดจะเป็นนายเรา 2. จะต้องไม่เป็นคนกลับกลอก 3. ไม่ควรนำความคิดส่วนตัว ไปกล่าวต่อว่าประเทศเพื่อนบ้านด้วยถ้อยคำที่รุนแรง และ 4. ไม่ควรโยนความผิดให้ข้าราชการประจำจองกฐินยำนายกฯ-ต่างประเทศนายนพดลกล่าวว่า นอกจากนี้เป็นห่วงท่าทีของนายกฯ เพราะในฐานะอดีต รมว.ต่างประเทศ ได้ชี้แจงไปแล้วว่า คดีปราสาทพระวิหารถึงที่สุดแล้ว แต่นายกฯประกาศว่า จะขอสงวนสิทธิ์ในการทวงคืนปราสาทพระวิหาร จึงทำจดหมายเปิดผนึกสอบถามไปยังนายกฯ เพื่อถามว่า 1. รัฐบาลมีนโยบายที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหารหรือไม่ 2. นายกฯเคยอภิปรายว่าไทยยกเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา แต่ที่ดินใต้ปราสาทยังเป็นของประเทศไทย ทั้งๆที่กระทรวงการต่างประเทศเห็นแตกต่าง ดังนั้น รัฐบาลจะต้องไปเจรจาขอที่ดินคืน หรือรัฐบาลจะต้องเจรจาขอค่าเช่าจากกัมพูชา หากไม่ดำเนินการ แสดงว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา เป็นการจุดกระแสข้ามชาติปาหี่และพูดเท็จ และ 3. นายอภิสิทธิ์เคยคัดค้านว่า แผนที่ปราสาทพระวิหาร ไม่ใช่เขตแดนประเทศไทย แต่สมัยนายอภิสิทธิ์เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ได้ยอมรับแผนที่ดังกล่าว จึงขอเรียกร้องให้นายกฯมีจริยธรรมมากกว่านี้ ให้พูดและทำตรงกันแฉรัฐบาลให้สืบหาที่อยู่ “ทักษิณ”นายนพดลกล่าวว่า ขอแสดงความยินดีที่นายอภิสิทธิ์ที่ได้เป็นนายกฯ ในฐานะที่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ควรให้โอกาสนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลได้ทำงาน แต่ขอเตือนว่าความสมานฉันท์จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้านายกฯพูดอย่างทำอย่าง ตรงนี้ยากที่จะประสบความสำเร็จ เมื่อถามว่าได้ ติดต่อพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บ้างหรือไม่ นายนพดลตอบว่า ล่าสุดได้พูดคุยก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้ง ครม.เสร็จสิ้น ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พักอยู่ที่ไหนในประเทศในทวีปเอเชีย และ พ.ต.ท.ทักษิณก็ทราบข้อมูลมาว่ากลไกอำนาจของรัฐบาลประชาธิปัตย์ พยายามสืบหาที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยในการเปิดเผยที่อยู่ปัด “ทักษิณ” ถูกอังกฤษยึดทรัพย์นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่หนังสือพิมพ์ สเตรทไทม์ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณเหลือทรัพย์สิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพราะขาดทุนในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และถูกอายัดทรัพย์ว่า เข้าใจว่าทรัพย์สินที่ระบุนั้น เป็นทรัพย์สินส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับการถือหุ้นในบริษัทชินวัตร คอร์ปอเรชั่น เพราะทรัพย์สินที่เกี่ยวกับบริษัทชินวัตรฯ ถูกอายัดทรัพย์ไว้นานแล้ว ส่วนจะมีการขาดทุนจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่นั้น ไม่ทราบ แต่เป็นเรื่องธรรมดาของการเล่นหุ้น สำหรับข่าวที่รัฐบาลอังกฤษยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะการยึดทรัพย์ต้องมีเหตุผล มีกฎหมายชัดเจน ไม่ใช่อยู่ดีๆจะมายึดทรัพย์ได้ทันที โดยปกติแล้วต้องมีความผิดในประเทศนั้นๆ โดยเฉพาะคดียาเสพติด ส่วนความเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯนั้น ไม่ทราบว่าขณะนี้พักอยู่ที่ใด ล่าสุดที่คุยกันก่อนหน้านี้หลายวัน ทราบว่าอยู่ที่อินโดนีเซีย“สมชาย” เบี้ยวแก้ข้อหาเขาพระวิหารน.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนการถอดถอน ครม.รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ข้อหากระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 กรณีออกมติ ครม.สนับสนุนกัมพูชา ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา กล่าวว่า วันที่ 26 ธ.ค.นี้ เป็นวันสุดท้ายที่ คณะทำงานนัดให้อดีต ครม.ทั้ง 28 คน มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหานั้น ปรากฏว่ามีเพียงนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีต รมว.คมนาคม เดินทางมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเพียงคนเดียว
ถึงคิวเทพเทือกโดน นปช.ไล่! แอบไปหาลูกที่จ.อุบลฯ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ถึงคิวเทพเทือกโดน นปช.ไล่! แอบไปหาลูกที่จ.อุบลฯ