จุฬาฯ 26 ธ.ค. – ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ของรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ห่วงปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจปีหน้า ต่างชูนโยบายอุ้มด้านเศรษฐกิจ หาที่ค้าขาย แก้ปัญหาคนตกงาน พร้อมเร่งรัดการขนส่งมวลชน ขณะที่ผู้สมัครอิสระอย่าง “ลีนาจัง” พ้อ หาเสียงยากไม่มีใครเชิญ
คณะรัฐศาสตร์ ร่วมกับศูนย์ติดตามประชาธิปไตยไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดการแสดงวิสัยทัศน์ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยมีผู้สมัครฯ ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ 5 คน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นโยบายแรกคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ดูแลเรื่องปากท้องประชาชน โดยจะเร่งจ่ายงบประมาณ ใช้เงินคงคลังบางส่วนของ กทม.มาอัดฉีด มีการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมาค้าขาย และพลิกฟื้นพื้นที่เกษตรกรรม ที่พื้นที่ถึงร้อยละ 23 เป็นพื้นที่เกษตรกรรม แต่มีรายได้เพียงร้อยละ 0.15 ของ กทม.ทั้งหมด
ด้วยการสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกผักปลอดสารพิษ ส่งเสริมการตลาด สินเชื่อ และอาหารฮาลาล ซึ่งพื้นที่เกษตรกรรมส่วนใหญ่ มีพี่น้องชาวไทยมุสลิมอาศัยจำนวนมาก นอกจากนี้ จะส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวปี 2550 มีรายได้ 3 แสนล้านบาท ที่เกือบครึ่งมาจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ในปี 2552 คาดว่าจะลดลงร้อยละ 10 ดังนั้น จึงจะเดินหน้าการทูตเมืองหลวง ใช้เครือข่ายที่มีในต่างประเทศ ชักชวนนักท่องเที่ยวกลับมา
ด้าน ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ผู้สมัครอิสระ กล่าวว่า การขึ้นป้ายว่าจะซ่อมกรุงเทพฯ เพื่อแสดงให้เห็นว่า กทม.ยังมีหลายปัญหาคาราคาซังต้องแก้ไข เช่นรถไฟฟ้าบีทีเอส สายหมอชิต-สะพานใหม่ สายอ่อนนุช-สุขุมวิท 107 และสายตากสิน-วงเวียนใหญ่
นอกจากนี้ โครงการบีอาร์ที ต้องตรวจสอบว่ามีการฮั้วประมูล หรือไม่ หรือต้องรื้อใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าด้วยวิธีใด ต้องทำให้แล้วเสร็จ รวมถึงการดูแลชีวิตชาว กทม.ในการใช้รถสาธารณะ ปรับปรุงป้ายรถเมล์ที่ชำรุด และบอกเส้นทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากนี้จะเปิดพื้นที่ให้คน กทม.หางานทำง่ายขึ้น จัดงานตลาดนัดหางาน ร้านข้าวแกงสัญจร
นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการคาดการณ์ว่าจะมีคนตกงานกว่าล้านคน ตนจึงมีนโยบายจะให้ลงทะเบียนคนสุ่มเสี่ยงตกงาน ขณะเดียวกันก็ให้บริษัทที่ต้องการคนทำงานมาลงทะเบียนเพื่อจับคู่ให้ด้วย จะอนุญาตให้ขายของได้ 7 วัน แต่ต้องจัดระเบียบดูแลความสะอาดร่วมกัน และจะเร่งฟื้นฟูการท่องเที่ยวโดยเพิ่มรายการให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวได้ครบทุกกลุ่ม
นายแก้วสรร อติโพธิ กล่าวว่า ที่อาสามาลงสมัครผู้ว่าฯ เพราะมองเห็นทุกข์ของคนกรุงที่ยังแก้ไม่ได้ โดยระบุว่าเวลานี้กรุงเทพฯ ต้องปฏิรูป ให้คนกรุงเป็นเจ้าของ มีกรรมการชุมชน ปรับให้โรงเรียนเป็นลานสาธารณะและลานกีฬาชุมชนในช่วงเย็นหลังเลิกเรียน ตั้งมูลนิธิกีฬาหรือดนตรี จัดแข่งขันชิงถ้วยผู้ว่าฯ แก้วสรร นอกจากนี้จะเน้นความซื่อสัตย์ ปฏิรูประเบียบจัดซื้อจัดจ้าง แก้ปัญหาจราจร
นางลีนา จังจรรจา กล่าวว่า จะผลักดันกฎหมายเปิดมหาวิทยาลัย กทม. ในการผลิตแพทย์เฉพาะทางที่สร้างด้วยเงินหลายพันล้านบาท แต่ยังเปิดไม่ได้ หอศิลป์ที่สร้างไว้ ก็ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ จะเข้าไปเปลี่ยนให้เป็นตลาดนัดด้านศิลปะ และเปิดให้ประชาชนนักศึกษาไปวางขายผลงาน
ทั้งนี้ รู้สึกเหนื่อยที่ไม่ได้รับเชิญไปเวทีต่าง ๆ เพราะเป็นผู้สมัครอิสระ และเป็นผู้หญิง หาเสียงลำบาก และยังคงยืนยันจะผลักดันกฎหมายลงโทษคนชุมนุมปิดสนามบินถึงประหารชีวิต เพราะมีเพื่อนที่ประตูน้ำได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก.-สำนักข่าวไทย