อภิสิทธิ์”รับคำวิจารณ์สุวัจน์ สอดคล้องเหตุการณ์บ้านเมือง

"อภิสิทธิ์” เผย ตามความเคลื่อนไหวกลุ่มต่างๆใกล้ชิด หลังมีข่าวอาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน มั่นใจแถลงนโยบาย 29 - 30 ธ.ค.ได้ บอกไม่มีประโยชน์กำหนดอายุรัฐบาล เพราะต้องแก้ปัญหาการเมือง เศรษฐกิจก่อน รับคำวิจารณ์"สุวัจน์"สอดคล้องสถานการณ์บ้านเมือง รับถ้ารัฐบาลไม่มีผลงานก็อยู่ไม่ได้
 

(25ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.แสดงความเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝันในช่วงที่รัฐบาลแถลงนโยบาย ( 29-30 ธ.ค.) 

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ก็ได้มีการพูดคุยกันบ้างแล้ว ก็จะพยายามดูแลให้ทุกอย่างเรียบร้อย ซึ่งได้ติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และอยากยืนยันว่าสถานการณ์ในขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบเดินไปข้างหน้าได้ และเจ้าหน้าที่จะทำให้ดีที่สุดในการดูแลความเรียบร้อย


ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย สั่งการไปยังผู้ว่าฯ ให้ประเมินความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ ทุก 6 ชั่วโมง

ถือว่ามาตรการนี้เพียงพอหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าเราสามารถที่จะประเมินสถานการณ์ได้เป็นระยะ ๆ เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 28 ธ.ค. ก็คงจะเห็นความเคลื่อนไหวและคงจะประเมินได้ว่าจะปรับปรุงการปฏิบัติงานอย่างไร
เมื่อถามว่าคิดว่าในวันที่ 29 ธ.ค.รัฐบาลจะแถลงนโยบายได้ราบรื่นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ เพราะเรามีการติดตามสถานการณ์อยู่ และคิดว่าขณะนี้ได้พยายามทำความเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นก็เป็นการเปลี่ยนแปลงตามระบบ อีกทั้งบ้านเมืองก็ต้องการตั้งหลักและเดินหน้าเพื่อแก้ปัญหาของประชาชน “ ก็หวังว่าจะได้รับโอกาส ส่วนผู้ใดที่ยังติดใจต้องการแสดงออกก็สามารถที่จะแสดงออกในกรอบของรัฐธรรมนูญได้โดยสงบ ถ้ายอมรับกันได้อย่างนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร ”


ผู้สื่อข่าวถามถึงการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีกับซีเอ็นเอ็น ถ้าสามารถคลี่คลายวิกฤติแล้วจะยุบสภา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ผู้สื่อข่าวได้สอบถามตนว่าการทำงานและการตัดสินใจทางการเมืองเป็นอย่างไร

ตนก็บอกไปว่าเป็นเรื่องปกติของระบบรัฐสภา คือเราไม่สามารถตอบได้ว่ารัฐบาลมีอายุที่แน่นอน เพราะไม่ใช่มีระบบวาระที่ตายตัว ซึ่งภารกิจเบื้องต้นของรัฐบาลคือการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย เมื่อทำตรงนี้เสร็จแล้วก็จะมาพิจารณาอีกทีว่าความเหมาะสมจะเป็นอย่างไร


“ไม่มีประโยชน์ที่ผมจะไปกำหนดอายุของรัฐบาลเป็นปี เป็นเดือน เป็นสัปดาห์หรือรายวัน แต่เราจะดูถึงความเหมาะสม ผมคิดว่าผมเป็นนายกรัฐมนตรีในวิถีทางประชาธิปไตยก็จะดูความเหมาะสม สถานการณ์และความเป็นจริง เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องดำเนินงาน ซึ่งก็รวมถึงการปฏิรูปการเมืองด้วยก็ต้องดูปัจจัยประกอบกัน ถ้าสถานการณ์มีความเหมาะสมที่จะคืนอำนาจให้ประชาชนก็ย่อมทำได้ แต่ไม่ควรไปขีดเส้นล่วงหน้า หรือไปวาดภาพสถานการณ์นั้นหรือสถานการณ์นี้ได้ เพราะมีปัจจัยทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมืองและเรื่องอื่น ๆ ”


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ออกมาแสดงความห่วงใยถึงนโยบายประชานิยมที่อาจจะกลายเป็นยาเสพติดให้กับประชาชนและจะมีปัญหาตามมา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

วันนี้สิ่งที่ทั่วโลกทำเหมือนกัน ความจริงเขาไม่ได้เรียกว่าประชานิยมแต่เป็นมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความจำเป็น เพราะถ้าไม่สามารถรักษากำลังซื้อของประชาชนได้ เศรษฐกิจจะถดถอยหรือซบเซาอย่างรุนแรง เรื่องนี้ต้องแยกออกจากแนวคิด เรื่องการใช้นโยบายในลักษณะการหาเสียงหรือเพื่อความสะดวกทางการเมือง ขณะนี้สิ่งที่เราพูดคือการหามาตรการที่จะทำให้เงินเข้าไปสู่กระเป๋าของประชาชนเพื่อรักษากำลังซื้อให้ได้ อย่างสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ทุกประเทศก็ทำเช่นนี้ ซึ่งในส่วนของการใช้เงินก็มีความชัดเจนว่าเราต้องกำหนดเป้าหมายว่าไม่ใช่เป็นเงินที่ปล่อยไปแล้วหายไปโดยไม่สร้างสรรค์อะไร


“ อย่างโครงการเรียนฟรีก็ไม่ถือว่าเป็นนโยบายประชาชน ถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญและเป็นการลงทุนที่เราถือว่าคุ้มค่าที่สุดสำหรับประเทศ ส่วนเงินที่จะเอาไปใช้ในโครงการที่ลงไปในชุมชนต่าง ๆ ก็มีแนวทางที่กำกับโดยแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพราะฉะนั้นก็ให้ความมั่นใจว่าเราไม่ต้องการให้ประชาชนเสพติดกับสิ่งเหล่านี้ แต่บังเอิญเราอยู่ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่จำเป็นต้องมีการกระตุ้น ซึ่งในการกระตุ้นถ้าเทียบเคียงกับโครงการที่เราทำ กับโครงการที่มักจะมีความรั่วไหล มีการกระจุกตัวหรือไปได้ประโยชน์กับผู้เกี่ยวข้องกับโครงการไม่กี่คน เมื่อเทียบแล้วคิดว่าต้องพยายามใช้โครงการที่สามารถกระจายกำลังซื้อไปให้ได้มากที่สุด ยกเว้นบางโครงการที่เป็นประโยชน์ในแง่พื้นฐานโครงการ เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องมีผลตอบแทนกลับมา ไม่ใช่เงินที่หายไป ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว


ต่อข้อถามว่าทำอย่างไรที่จะให้มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการอัดฉีดเงินลงไป มีความยั่งยืน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บางเรื่องเป็นนโยบายระยะยาว

การเรียกฟรีและการเริ่มต้น และการมีระบบสวัสดิการสำหรับคนหลาย ๆ กลุ่มเช่น ผู้สูงอายุ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะหน้าอย่างเดียว ส่วนโครงการอื่น ๆ ก็มีหลักเกณฑ์การกำกับการใช้เงินจะเป็นอย่างไร แต่ต้องยอมรับว่าเป้าหมายของการกระตุ้มเศรษฐกิจต้องหารูปแบบหรือโครงการที่จะทำให้เงินไปถึงประชาชนโดยเร็ว


เมื่อถามถึงกรณีที่นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ออกมาระบุว่าภายใน 2 เดือนจะสามารถประเมินได้ว่าอายุรัฐบาลจะอยู่ได้มากน้อยเพียงใด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการประเมินที่สอดคล้องกับสภาพของบ้านเมือง คือถ้าเราไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นและทำให้ประเทศเดินหน้าได้ ตนก็คิดว่าว่าจะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลแน่นอน เพราะฉะนั้นจุดนี้ตนจึงต้องย้ำกับรัฐมนตรีทุกคนว่าเราทำงานแข่งกับเวลา แข่งกับสถานการณ์ก็ขอให้ทุ่มเทมากที่สุด


ผู้สื่อข่าวถามว่าทุกฝ่ายเป็นห่วงว่าปัญหาการบริการจัดการเรื่องบุคคลในรัฐบาลอาจส่งผลกระทบต่ออายุรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้มองอย่างนั้น

คิดว่าเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้วก็น่าจะไม่มีปัญหา และตอนที่ตนเลือกคณะรัฐมนตรีก็ได้พูดถึงเสถียรภาพ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ต้องพูดกันแล้วถือว่าทุกพรรคการเมืองได้พูดกันจบเรียบร้อยแล้ว แต่ละพรรคการเมืองก็ต้องไปบริหารจัดการภายในกันเอง และสิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อเสถียรภาพรัฐบาลคือการทำงาน ก็ต้องดูว่าการทำงานสนองตอบต่อการแก้ปัญหาของประชาชนและประเทศได้หรือไม่


ผู้สื่อข่าวถามว่ายังยืนยันเหมือนเดิมหรือไม่ว่าก่อนยุบสภาจะปฏิรูปการเมือง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราจะเดินหน้ากระบวนการปฏิรูปทางการเมือง

ซึ่งรัฐบาลไม่ได้กำหนดธงล่วงหน้า เพราะในการปฏิรูปจะต้องนำคนที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายเข้ามาทำงานโดยอิสระ และเมื่อถึงจุดนั้นเขาอาจจะมีข้อเสนอเรื่องที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
เมื่อถามว่าหลังการเลือกตั้งซ่อมอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องเสียงสนับสนุนรัฐบาลและอาจทำให้เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำ นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า เราไม่สามารถทราบผลการเลือกตั้งล่วงหน้า แต่เมื่อผลออกมาเราก็มาบริหารจัดการกัน คิดว่าอยู่ในวิสัยที่จัดการได้


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์