กษิต ขอโทษประชาชน แต่ไม่ขอลบล้าง ช่วงชีวิต หนึ่ง

ที่มา - นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ขึ้นปราศรัยเวทีการชุมนุมขับไล่รัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลายครั้ง ให้สัมภาษณ์ชี้แจงกรณีสื่อมวลชนต่างประเทศนำเสนอข่าวการกล่าวกับคณะทูต และสื่อมวลชนต่างชาติ ถึงเรื่องการปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่าสนุกดี อาหารอร่อย ดนตรีเยี่ยม หลังจากเข้าทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศเป็นวันแรก เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม

ต้องแบ่งชีวิตเป็น 2 ช่วง ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม ที่เข้ามาเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของคณะรัฐมนตรีที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี


การดำเนินงานและการปฏิบัติตัวต้องอยู่ในกรอบ ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม มีการวางนโยบาย 9 มาตรการ ว่าจะประพฤติตนอย่างไรในฐานะรัฐมนตรี ก็จะทำตามหลักการที่ได้วางไว้ และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

ส่วนชีวิตก่อนวันที่ 22 ธันวาคม เป็นชีวิตอีกช่วงหนึ่ง การพูดจาอะไรที่ผ่านมา ก็ไม่ได้จะไปลบล้างมัน

แต่ที่จะมีการตีความหรือมีความเข้าใจที่แตกต่างกันไป และอาจมีการหยิบยกบางประโยคที่ต่อเนื่องกันทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสิ่งที่ผมพูดหรือเจตนาที่จะพูด แต่ทั้งหมดขอยืนยันว่า ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรโดยตลอดมานั้น เพื่อความเป็นประชาธิปไตยของสังคมไทยเพื่อการเมืองที่มีคุณธรรมและจริยธรรม และผมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้จรรโลงความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยและต่อสู้เพื่อสังคมประชาธิปไตยที่โปร่งใส

ต้องกราบขอโทษประชาชนชาวไทยทั้งหมด หากผมพูดอะไรที่ทำให้เข้าใจผิดหรือมีการตีความ แต่เจตนาที่จะมุ่งร้ายหรือทำความเสื่อมเสียให้ประเทศไทยเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะประวัติการทำงานและสิ่งที่ผมพูดในที่แจ้งตลอดมา ทุกคนได้ฟังกันทั่วประเทศ

@ ยืนยันหรือไม่ว่า ไม่ได้พูดข้อความอย่างที่เป็นข่าว

- (ไม่ตอบแต่พยักหน้า)

@ (ถามย้ำ) ยืนยันหรือไม่ว่า ไม่ได้พูดข้อความอย่างที่เป็นข่าว

-ถูกต้อง

@ ฝ่ายค้านพุ่งเป้าจะอภิปรายการทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

-ไม่เป็นไร พร้อมรับทำหน้าที่

@ คิดว่าคำพูดของรัฐมนตรีจะกระทบเสถียรภาพของรัฐบาลหรือไม่

-ก็มีคนพูดกันเยอะแยะ


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

"ผมคิดว่า ไม่จำเป็น (ต้องเปลี่ยนตัว)"

ได้ออกแนวทางการทำงานร่วมของรัฐบาล 9 ข้อ สิ่งที่เกิดขึ้นกับนายกษิตนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ครม. ซึ่งไม่ทราบมาก่อน มาอ่านในหนังสือพิมพ์ทีหลัง แต่ได้สอบถามนายกษิต ซึ่งนายกษิตอธิบายว่า เจตนาที่พูดกับสิ่งที่ถ่ายทอดออกมาอาจไม่ตรงกันเสียทีเดียว แต่จากนี้ไปจะมีหน้าที่ยึดแนวทางนโยบายรัฐบาลตามหลัก 9 ข้อ ฉะนั้น หลักในขณะนี้ของกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องยืนยัน ว่ารัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ได้ละเมิดกฎหมายในช่วงที่ผ่านมาโดยเท่าเทียมกัน

@ แต่การมีที่มาจากกลุ่มพันธมิตรของนายกษิต อาจส่งผลภาพความเป็นกลาง

-เราเอาของจริง เราไม่ต้องพูดเอาเรื่องภาพ เรื่องพวก เราเอาของจริง คือ คดีความต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับเรื่องของการชุมนุมไม่ว่าฝ่ายไหน จะให้เจ้าหน้าที่เดินหน้าตรงไปตรงมา ไม่มีเลือกปฏิบัติ

@ นายกฯสามารถชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างนายกฯ นายกษิต และพันธมิตรได้หรือไม่ เพราะถูกจับโยงกันแล้ว

-ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรเป็นพิเศษ นอกจากว่าการเมืองภาคประชาชนที่มีการเคลื่อนไหว เป็นเรื่องที่ผมติดตามตลอดทุกฝ่ายทุกกลุ่ม ข้อเรียกร้องของแต่ละกลุ่ม บางทีก็ตรงกับจุดยืนของผมและของพรรคประชาธิปัตย์ บางข้อเรียกร้องก็ไม่ตรง ก็ไม่มีอะไร ผมมีหน้าที่ปกป้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญของทุกคน ได้ยืนยันมาตลอดว่าอะไรที่ไม่ตรงกับจุดยืนของผม อะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็แสดงความไม่เห็นด้วยและคัดค้านมาตลอด ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

@ การที่นายกษิต เคยขึ้นเวทีพันธมิตรมาก่อน จะส่งผลต่องานในตำแหน่งหรือไม่

-ไม่มีความจำเป็นที่จะลบหรือไม่ลบภาพ แต่คนที่เข้ามาอยู่ในตำแหน่งต้องทำตามหน้าที่ตามนโยบายรัฐบาล เมื่อทำอย่างนี้แล้วคิดว่าทุกอย่างก็เรียบร้อย

@ กังวลว่านายกษิตจะกลายเป็นจุดอ่อนให้ถูกโจมตีตลอดเวลาหรือไม่

-การวิพากษ์วิจารณ์โจมตีสามารถทำได้ ผมมีหน้าที่ชี้แจง ขอยืนยันว่าอะไรที่ใครทำไว้ไม่ถูกต้อง รัฐบาลนี้จะไม่ปกป้อง โดยไม่ต้องไปเลือกดูว่าเป็นการกระทำของใคร

@ แต่เรื่องการปิดสนามบินเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต่างชาติให้ความสำคัญ

-เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา สื่อญี่ปุ่นทั้งหมดมาสัมภาษณ์ ได้ยืนยันความชัดเจนไป ก็เข้าใจดี ส่วนมาตรการสนามบินถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่รัฐบาลต้องพิจารณาหลังจากแถลงนโยบาย

@ กังวลหรือไม่ ว่านายกษิตจะกลายเป็นสายล่อฟ้าของรัฐบาล

-คิดว่ารัฐมนตรีทุกคนต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบอยู่แล้ว และท่านก็มีหน้าที่ชี้แจง และถ้าท่านชี้แจงแล้ว ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นได้ ก็ค่อยว่ากันอีกที แต่ขณะนี้ท่านก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถทำความเข้าใจได้

@ ฝ่ายค้านเอง ตั้งแท่นเตรียมอภิปรายนายกษิตในวันแถลงนโยบายแล้ว

-ฝ่ายค้านคงอภิปรายหลายคน ไม่มีปัญหา

@ มีการเสนอให้เปลี่ยนตัว คิดว่าจำเป็นหรือไม่

-ในชั้นนี้ผมคิดว่าไม่จำเป็นครับ เพราะนโยบายของรัฐบาลที่ปรากฏต่อสื่อสาธารณะนั้นชัดเจน การให้สัมภาษณ์ของนายกษิตที่ปรากฏออกไปและอ้างว่าเป็นปัญหากันอยู่มันเกิดขึ้นก่อนที่จะมาเป็นรัฐมนตรี แต่หลังวจากนี้ไปจุดยืนของรัฐบาลและรัฐมนตรี จะเป็นอย่างที่ผมได้ประกาศไปแล้ว ไม่มีแนวทางอื่น คิดว่าต้องให้ความเป็นธรรมด้วย ว่าสิ่งที่นายกษิตพูด พูดในบริบทอะไร ตอบคำถามอะไร พูดในแง่มุมไหน ผมอ่านแล้วพอเข้าใจว่าสิ่งที่พยายามสื่อสารคืออะไร เช่น พยายามจะตอบว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้น เป็นการชุมนุมซึ่งคนส่วนใหญ่มองว่าไม่ได้มีปัญหาเรื่องของความรุนแรง จุดประสงค์คืออย่างนั้น แต่เมื่อถ่ายทอดออกมามันทำให้เกิดความรู้สึกว่าไปสนับสนุนเห็นดีเห็นชอบกับการปิดสนามบินหรือไม่เท่านั้นเอง แต่เรียนว่า ต่อจากนี้ไป แนวทางก็ต้องชัดเจน ว่าเรื่องของการปิดสนามบินเป็นปัญหา และเจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการ


สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ

"ต้องระวังคำพูด มากกว่านี้"

-กรณีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต้องแยกบทบาทว่าเคยพูดอะไรในช่วงไหนอย่างไร แต่วันนี้นายกษิตเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คงไม่ไปพูดจาให้เกิดความเสียหาย ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ปลดนายกษิตให้ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น อยากถามว่า จะปลดในข้อหาอะไร นายกษิตทำอะไรผิดในประเทศนี้ การจะปลดได้ก็ต่อเมื่อมีการทำผิดต่อหน้าที่ ทุจริตคอร์รัปชั่น ทำให้ประเทศเสียหาย ซึ่งตอนนี้ไม่มีอะไรเข้าข่ายเช่นนั้น

@ คิดว่านายกษิตเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลนี้หรือไม่

-ทุกคนเป็นจุดอ่อนทั้งนั้น โดยทุกคนต้องยอมรับการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม นายกษิตเองก็ต้องระมัดระวังคำพูดมากกว่านี้ แต่นายกษิตไม่ใช่นักการเมืองอาชีพอย่างพวกผม และการที่ระบุว่านายกษิตมีส่วนในการปิดสนามบินสุวรรณภูมินั้น คิดว่านายกษิตไม่ใช่ผู้นำม็อบที่ไปปิดสนามบิน แต่การขึ้นเวทีพันธมิตรนั้นเป็นการแสดงความเห็น จะกี่ครั้งไม่ได้ติดตาม

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์