วันนี้ (23 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตนได้ให้แนวทางต่อคณะรัฐมนตรี 9 ข้อ โดย
1.ให้ ครม. น้อมนำพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน
2.เน้นการปฏิบัติ หน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างเคร่งครัด
3.นโยบายที่ ครม. อนุมัติให้นำไปใช้โดยอ้างอิง เพื่อความเป็นเอกภาพ
4. เน้นย้ำว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลผสมจะต้องไม่มีการแบ่งพรรค โดยต้องรับผิดชอบร่วมกัน รวมทั้งเน้นการประสานงานระหว่างกระทรวง และการทำงานในลักษณะของคณะกรรมการ
5.ให้คณะรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะวันที่มีการตอบกระทู้ถามสด เนื่องจากเป็นความรับผิดชอบของรัฐมนตร
6.รัฐมนตรีเป็นบุคคลากรสาธารณะให้ปฏิบัติงานคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนด้วย
นอกจากนี้ นายกฯ กล่าวอีกว่า
7. ตนได้ย้ำเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม แต่รัฐบาล ต้องพร้อมรับการตรวจสอบโดยไม่ขัดขวาง ขณะเดียวกันให้ชี้แจงโดยหลีกเลี่ยงการตอบโต้ และ
9.รัฐมนตรีไม่มี สิทธิเหนือผู้อื่นโดยให้ยึดประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน
ด้านนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า หลังการประชุม ครม. นัดแรกนายกฯ ได้มอบกรอบการทำงาน 9 ข้อ กับรัฐมนตรี โดยให้ทุกคนมีความอดทนเสียสละ
สร้างความรัก สามัคคีให้ประเทศชาติเรียบร้อย ประชาชนมีความสุข โดยรัฐมนตรีไม่มีพรรคแต่เป็นรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทำงานในภาวะวิกฤติ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบกรอบนโยบายบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญนั้น นโยบายกำหนดชัดเจนว่า เป็นการปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจและนโยบายประชานิยม ส่วนบรรยากาศในการประชุมนัดแรกวันนี้เป็นไปโดยเรียบร้อย
ด้านนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ครม.เตรียมที่จะมีการประชุมนัดพิเศษ ในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ ในช่วงกลางคืน
ต่อจากการแถลงนโยบายของรัฐบาลในทันที โดยมีหัวข้อที่จะหารือเร่งด่วนคือการประชุมอาเซียน ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในช่วงต้นปี 2552 ภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายถาวร กล่าวด้วยว่า ตนยอมรับว่าที่ประชุม ครม. วันนี้ยังไม่มีการหารือเกี่ยวกับเรื่องการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่จะมาชุมนุมที่รัฐสภาในวันแถลงนโยบายแต่อย่างใด ส่วนกรณีการตั้งโฆษกรัฐบาลนั้นยังไม่ได้แต่งตั้ง เพียงแต่มีการกำหนดกรอบว่าจะมีทีมงานกี่คนเท่านั้น