ถูกน้ำลาย "คนกันเอง" ซัดเกือบตกอ่าวไทย ทั้ง "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" รองนายกฯและเลขาธิการ ปชป. ทำเอางานสัมมนาพรรคที่กะจะใช้ฉลองจัดตั้งรัฐบาล ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี กร่อยไปทันตา
ขนาด "วิทยา แก้วภราดัย" รองหัวหน้าพรรค ปชป. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เจ้าของวาทะ "อั้นมา 8 ปี ใครก็อยากเป็นรัฐมนตรี" ยังยอมรับว่า ปชป.ขณะนี้ระส่ำที่สุดในรอบ 30 ปี
ปฏิบัติการดับเครื่องชนของ "นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ" ส.ส.พัทลุง อดีตว่าที่ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูก "ไฮแจ็ค" ตำแหน่งวินาทีสุดท้าย โดยตัวแทนทุนซีพีที่ชื่อ "วีระชัย วีระเมธีกุล" ผู้เคยทำให้ "รัฐบาลขิง" ถูกถล่มมาแล้ว เป็นสิ่งที่พอเข้าใจได้
หากข้อมูล อย่าง "การเข้ามาของทุน เหมือนเอาพรรคไปจำนำ ส.ส. หลายคนไม่พอใจ เพราะรับทราบว่า ก่อนหน้านี้มีการบริจาคมา 80 ล้านบาท เข้ามาจะต้องถอนทุนคืนอย่างน้อย 90 ล้านบาทอย่างต่ำแน่นอน" เป็นข้อมูลจากปาก "นิพิฏฐ์" ทำให้หลายคนตื่นตะลึง
แม้ "อภิสิทธิ์-สุเทพ" ปฏิเสธพัลวัน ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเงิน แต่ดูเหมือนคนจะเชื่อ "นิพิฏฐ์" มากกว่า
ความยังไม่ทันหาย "เฉลิมชัย ศรีอ่อน" ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ อกหัก รมต.อีกคน ก็มาเปิดเผยถึง "แก๊งออฟโฟร์" ภายในพรรค มีส่วนช่วยจัดทำโผ ครม. ทำให้ลับลมคนในการทำโผ ครม.ลอยเด่นออกมา
ไม่ว่าจะเป็นการมองข้ามคนทำงาน อย่าง จุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก องอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม. นิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน ฯลฯ แต่กลับยกตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับบรรดา "เด็กเส้น" ที่เป็นคนใกล้ชิดกับ "ผู้จัดตั้งรัฐบาล" ขณะที่มองข้ามเด็กในคาถาของ "บัญญัติ บรรทัดฐาน" อดีตหัวหน้าพรรค หมดสิ้น
บรรยากาศภายในค่ายแม่พระธรณีบีบมวยผมขณะนี้ จึงมาคุยิ่ง คล้ายบรรยากาศในปี 2546 ระหว่างที่กลุ่ม "ผลัดใบ" เผชิญหน้ากับ "ทศวรรษใหม่"
แม้เชื่อว่า คงไม่มี ส.ส.หน้าไหนโดยเฉพาะ ส.ส.ภาคใต้ กล้าทิ้งลาออกจากพรรค เหมือนกรณี "กบฏ 10 มกรา" ที่ วีระ มุสิกพงศ์ ยอมลาออกไปตั้ง "พรรคประชาชน" หลังขัดแย้งกับคนในพรรคเรื่องการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพราะอาจสอบตกซ้ำซาก และไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลยก็ตาม
แต่เสียงสะท้อน จาก "คนใน" ก็เป็นสิ่งที่สังคมคลางแคลงใจเช่นกัน แม้แต่ "ชวน หลีกภัย" ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ยังซ่อนความไม่พอใจไม่มิด ถึงกรณี "เด็กเส้น" และ "กลุ่มทุน"
"เห็นใจทุกฝ่าย แต่เวลาตั้งรัฐมนตรีกัน เขาไม่ได้มาปรึกษาเรา ใครมาเป็นบ้างเราก็ไม่รู้ ผมก็ทราบพร้อมกับ ส.ส. เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา"
และกรณีที่ให้สัมภาษณ์โดยเน้นคำว่า "คนในพรรคมีเยอะ ตำแหน่งมีน้อย" และ "เลือกตั้งครั้งหน้ามีโอกาส" เพื่อปลอบ "นิพิฏฐ์" แต่สะกิดไปยัง "คนนอก" บางคนที่เข้าในโควต้าพรรค
นอกจากนี้ ส.ส.ปชป.จำนวนมาก ยังไม่พอใจการยกตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้กับ "กลุ่มเพื่อนเนวิน" เพราะเหมือนกับยกความได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งหน้าให้อยู่ในกำมือ "เนวิน ชิดชอบ" เพราะเก้าอี้ "มท.1" มีอำนาจล้นฟ้า ในการโยกย้ายข้าราชการแต่ละหัวเมือง ผันงบ และคุมฐานเสียง
รวมถึง ยินยอมให้ "เนวิน" คุยกระทรวงคมนาคมอีกครั้ง ปชป.จะตอบสังคมอย่างไรว่า หากโครงการที่พรรคเคยพบการทุจริตจำนวนมาก อย่าง โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน และโครงการรถไฟฟ้าสีต่างๆ ถูกเพื่อนเนวินผลักดันต่อ
ดีลครั้งนี้ของ "สุเทพ-เนวิน" จึงถูกมองว่าไม่ต่างกับการ "ปล้นกลางแดด" โดยถูกแดกดันว่า ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน 2.5 คนก็ได้ 1 เก้าอี้แล้ว (ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินมี 22 คน)
ยังไม่รวมถึงการวางคนในกระทรวงเศรษฐกิจแบบผิดฝาผิดตัว ทั้งกระทรวงพาณิชย์ และอุตสาหกรรม กระทั่ง "ประมนต์ สุธีวงศ์" ประธานสภาหอการค้าไทย ขอให้นายกฯเปลี่ยนตัว ตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำงาน
แม้เอแบคโพลล์จะระบุว่า คนไทยนอนหลับได้มากขึ้นหลังเปลี่ยนขั้ว แต่เสียงกระซิบเรื่อง "ครม.หน้าตาขี้เหร่" เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
"สนิทเกิดแต่เนื้อใน" จึงน่ากลัวยิ่งกว่า คำขู่ของ "ผู้เฒ่าวังน้ำเย็น" เสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช หรือการออกมาตีโพยตีพายของ "ลูกกรอก" พรรคเพื่อไทย รวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดง
กว่าจะตั้งรัฐบาลไม่ง่ายนัก หาก "อภิสิทธิ์" สำแดงเดชให้คนใน ปชป.เลิกป่วนไม่ได้ หรือก๊วนอกหักไม่ยอมเสียสละ
รัฐบาล "มาร์ค 1" อาจพังพาบ ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ตั้งไข่!