ทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งครม."อภิสิทธิ์1"แล้ว นายกฯเตรียมนำครม.ใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ วันจันทร์ 22 ธ.ค. ขู่ รัฐมนตรีไม่มีผลงานเด้งแน่
(20ธ.ค.) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งนายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตี ตามประกาศวันที่ 17 ธันวาคม พุทธศักราช 2551 แล้วนั้น บัดนี้นายอภิสิทธิ เวชชชีวะ นายกรัฐมนตรีได้เลือกสรรผู้สมควรได้เป็นรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการสืบไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรูณาโปรดเกล้าแต้งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ และพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย และนายวีระชัย วีระเมธีกุล เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ เป็นรมว.กลาโหม นายกรณ์ จาติกวานิชย เป็น รมว.กระทรวงการคลัง นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ และ
นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ เป็นรมช.คลัง
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและการกีฬา นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์
นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.กระทรวงเกษตร นายชาติชาย พุคยาภรณ์ รมช.เกษตร นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม นายประจักร แกล้วกล้าหาษ และ นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร เป็นรมช.คมนาคม นายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็นรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รต.หญิงระนองรัตน์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโลโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกุล รมว.พลังงาน นางพรทิวา นาคาสัย รมว.พานิชย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร รมวช.พานิชย์ นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ และนายถาวร เสนเนียม เป็นรมช.มหาดไทย
นายพีระพันธ์ สารีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม นายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงาน นายธีระ สลักเพชร รมว.วัฒนธรรม คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ รมว.ศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ และนางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ เป็นรมช.ศึกษา
นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข นายมานิตย์ นพอมรบดี รมช.สาธารณสุช นายชาญชับ ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม
ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 20 ธ.ค. 2551 เป็นปีที่ 63 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอภิสิทธิ์จะนำ ครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันจันทร์ที่ 22 ธันวาคมนี้ เวลา 17.00 น. ที่สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งออกมาแฉว่าพรรคกำลังถูกครองงำโดยนายทุนจนทำให้ต้องหลุดเก้าอี้รัฐมนตรีว่า เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ได้คุยกันพอสมควร ก็ต้องเห็นใจนายนิพิฏฐ์ และเพื่อน ส.ส.อีกหลายคน แต่ยืนยันว่าพรรคไม่มีกลุ่มทุนเข้าครอบงำ การบริจาคเงินให้พรรคก็เป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีผลประโยชน์ต่างตอบแทน
ส่วนที่มีข่าวว่านายวีระชัย วีระเมธีกุล บริจาคเงิน 80 ล้านบาท ให้พรรคจึงได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เคยบริจาค เพราะโดยหลักการบริจาคให้พรรคจะทำการระดมทุนหรือการบริจาคให้เป็นครั้งคราว
"ผมมั่นใจว่าจะอธิบายเรื่องนี้ให้นายนิพิฏฐ์เข้าใจได้ ยืนยันว่าไม่มีการต่อรองจากกลุ่มทุนในการเรียกรับตำแหน่ง แต่ก็เห็นใจคนพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่ได้รับตำแหน่ง เพราะตำแหน่งมีไม่เพียงพอ แต่ก็เชื่อว่าโอกาสจะมีมาเสมอจึงขอให้กำลังใจทุกคน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สภาหอการค้าท้วงติงทีมเศรษฐกิจที่ไม่มีความเหมาะสม โดยแสดงความไม่เชื่อมั่นในตัวรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ผมได้พูดกับพรรคร่วมรัฐบาลไปแล้วอย่างตรงไปตรงมาว่า บุคคลที่อยู่ในข่ายนี้ยังมีความไม่มั่นใจจึงต้องไปรวบรวมคนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยงาน และผมก็ได้อธิบายกับหอการค้าไปว่า การที่ต้องจัดโผ ครม.เช่นนี้ เพราะต้องการให้การเมืองนิ่ง เพราะหากเสียงในสภามีปัญหาการทำงานก็จะทำได้ยาก ซึ่งผมได้บอกพรรคร่วมรัฐบาลไปแล้วในเรื่องของคนที่มีปัญหา"เมื่อถามว่า นายวีระชัย วีระเมธีกุล ว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งตกเป็นข่าวบริจาคเงินให้พรรค และยังเป็นบุตรเขยประธานกลุ่มบริษัทซีพีจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่มาหาผลประโยชน์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องตัวบุคคลตนขอไม่พูดอะไรจนกว่าจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่ทุกคนต้องพร้อมให้ตรวจสอบความเกี่ยวข้องกับกลุ่มใด อย่างไร และต้องยืนยันว่าไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
สำหรับรายชื่อ ครม.ที่ทำให้เห็นว่ากลุ่มเพื่อนเนวินที่เคยระบุว่าเสียสละเพื่อชาติ แต่เหมือนออกจากกลุ่มหนึ่งมาสู่อีกกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ นายอภิสิทธิ์ระบุว่า จะมาเอาผลประโยชน์ไม่ได้ รัฐมนตรีจะอยู่กระทรวงใด พรรคใด หรือกลุ่มใด ก็มีหน้าที่ทำตามนโยบายรัฐบาล
"ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาลจะดูแลให้คนเหล่านี้ทำงานให้แก่บ้านเมือง ซึ่งได้มีการพูดคุยกันแล้ว แต่ถ้าไม่ดำเนินการตามนั้น ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า แต่ถ้าคนเหล่านี้ไม่สนับสนุนก็อาจทำให้รัฐบาลล้มได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลต้องล้ม เพราะความไม่ถูกต้องแล้วเราต้องรักษาความถูกต้อง เราก็ต้องยอม แต่วันนี้ตนต้องการสร้างเสถียรภาพของบ้านเมืองเพื่อเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาต่างๆ ของประเทศได้ ถ้าปล่อยให้เสถียรภาพทางการเมืองโดยเฉพาะเสถียรภาพภายในยังค้างคาอยู่ เชื่อว่าแม้จะได้คนที่มีความสามารถเข้ามา หรือแม้จะมีนโยบายที่ดี ก็เดินต่อไม่ได้ ฉะนั้นตนต้องเอาเสถียรภาพตรงนี้มาก่อนแล้วเดินหน้าไปให้ได้
เมื่อถามว่าการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ทำให้พรรคต้องสูญเสียบุคลากรที่ทำงานให้พรรคมาตลอดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคุยกับทุกคน ก็รู้สึกเห็นใจ แต่ก็เชื่อว่าจะมีโอกาสได้ทำงานต่อไปในวันข้างหน้า
"เส้นทางทางการเมืองของทุกคนในพรรคไม่ได้ราบรื่นเสมอไป เช่น ผมก็เคยอาสาตัวแต่ก็ผิดหวัง ผมเชื่อว่าความดีไม่ไปไหน และความดีของทุกคน รวมถึงนายนิพิฏฐ์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กรุงเทพฯ นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.สัดส่วน และนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ไม่หายไปไหน คนเหล่านี้โอกาสมาแน่นอน ผมเข้าใจและเห็นใจความรู้สึกของเขา เพราะประชาชนในพื้นที่ของเขาย่อมมีความคาดหวัง เนื่องจากเขามี ส.ส.ที่มีคุณภาพ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ ส.ส.เหล่านี้ลาออก เพราะมีข่าวว่านายจุติได้ยื่นใบลาออกแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการยื่นใบลาออก ได้คุยกับนายจุติอยู่ ตนไม่อยากเสียใครไปทั้งนั้น
“เมื่อผมได้ตัดสินใจแล้ว ผมต้องรับผิดชอบตามนี้ แต่เป้าหมายไม่ได้ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นผมกับภาคธุรกิจหรือภาคประชาชน รวมถึงเพื่อน ส.ส.ที่ได้ร่วมต่อสู้กันมา เป้าหมายก็ไม่ได้ต่างกัน วิธีการ ความคิด และการตัดสินใจแต่ละช่วงอาจต่างกันบ้าง ผมยืนยันว่าสิ่งที่พูดไว้ตั้งแต่แรกว่าเราเชิญทุกคนมาร่วมกันทำงาน ผมเห็นใจและเข้าใจความรู้สึก ไม่ตำหนิใครเลยที่แสดงความคิดเห็นออกมา น้อมรับคำวิจารณ์ แต่เป็นการตัดสินใจที่ผมอธิบายเหตุผลว่าขอให้มีเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อเดินหน้าต่อไปได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำ
ส่วนกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาพูดในลักษณะน้อยใจว่าไม่เคยได้รับการหารือเกี่ยวกับจัดโผ ครม.ครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็คุยกันเป็นระยะ และในการประชุมกรรมการบริหารพรรคกับ ส.ส. ประธานที่ปรึกษาพรรคก็อยู่ในที่ประชุมด้วย และผลที่ออกมาก็เป็นมติของที่ประชุม ดังนั้นจึงไม่คิดว่านายชวนจะรู้สึกน้อยใจต่อมาเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ธันวาคม นายอภิสิทธิ์ได้เข้าร่วมการสัมมนา ส.ส.พรรค “เรื่องเชื่อมั่นประเทศไทยมั่นใจประชาธิปัตย์” ที่โรงแรมอิมพีเรียล โบท เฮ้าส์ อ.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยกล่าวว่า มาถึงวันนี้แล้วเราช่วยกันทำงาน โดยนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลมี 2 ส่วน คือ เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสร้างความปรองดองในชาติ และในการประชุม ครม.นัดแรกก็จะได้เดินหน้านโยบายออกมาเพื่อทำงานต่อไป อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหาติดขัดเรื่องเงิน 2-3 เรื่อง เพราะงบกลางปีที่ตั้งไว้ 1 แสนล้านบาท ใกล้เพดานกับงบขาดดุลที่กฎหมายกำหนดเพดานไว้ไม่เกิน 20% ขณะเดียวกันการจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้า ที่สำคัญคือ เงินนำไปให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ในการรับจำนำและประกันพืชผลการเกษตร เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง โดยเฉพาะข้าวโพดมีไม่เพียงพอจนเกษตรกรมาออกมาเรียกร้อง
“ทั้งหมดนี้จะกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวม แต่รัฐบาลจะเดินหน้าโดยมอบหมายให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี และนายกรณ์ จาติกวณิช ว่าที่ รมว.คลัง ไปกดเครื่องคิดเลขว่าจะมีงบประมาณส่วนไหนจะใช้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่ต้องไม่ติดข้อกฎหมาย ขณะเดียวกันรัฐบาล รัฐวิสาหกิจต้องช่วยกันดูแล โดยเฉพาะการบินไทยที่ของบประมาณเข้ามามาก และหากเบิกจ่ายงบประมาณไม่ทัน ในการจัดทำงบประมาณปี 2552 จะมีการปรับแต่งเพื่อให้เกิดความเหมาะสม และมั่นใจได้ว่างบในปี 2552 จะแก้วิกฤติได้“ นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากได้อนุมัติ ครม.ในโควตาของพรรค รัฐมนตรีทุกคนต้องทำงานหนัก ไม่ใช่มาฉลองดีใจ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ และความขัดแย้งทางการเมือง
"หลังจากเห็นหน้าตา ครม. มีการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งผมได้มีโอกาสไปหารือกับสภาหอการค้าไทย และเปิดอกคุยกัน ซึ่งหอการค้าได้วิพากษ์วิจารณ์ว่าหน้าตา ครม.นี้ไม่ดี และได้ชี้แจงว่าภายในสถานการณ์ที่มีทางเลือกน้อย พรรคจำเป็นต้องทำเพื่อให้เกิดเสถียรภาพทางการเมือง เมื่อการเมืองนิ่งการแก้วิกฤติก็สามารถเดินหน้าได้ หน้าตา ครม.อาจจะขัดใจหลายคน แต่เรื่องเสถียรภาพเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่อยากให้เสียเวลาในเรื่องการต่อรองอะไรอีก เพราะ ครม.มีหน้าที่ต้องเดินไปข้างหน้า โดยเฉพาะการประชุมอาเซียนซัมมิต" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สภาหอการค้าก็เข้าใจ แต่ห้ามไม่ให้คนผิดหวังหน้าตา ครม.ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนเข้าใจ อย่าไปทะเลาะ ให้น้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ และให้พิสูจน์กันที่ผลงาน เชื่อว่า 2-3 เดือน รัฐบาลชุดนี้จะเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศกลับคืนมา และทำให้ชาติเห็นทางออก การลงทุนก็จะกลับคืนมา เช่น ช่วงเช้าได้นั่งเครื่องบินมาเกาะสมุยเห็นฝรั่งนั่งเต็มลำอย่างนี้ถือว่าใช้ได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่คนในพรรคผิดหวังกับเก้าอี้รัฐมนตรีว่า ได้ทราบข่าวเหมือนกัน แต่ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมืองที่ต้องมีทั้งคนผิดหวังและสมหวัง อยากบอกว่าหลายคนในพรรคมีคุณสมบัติและความพร้อม ความสามารถเป็นรัฐมนตรีได้สบายๆ แต่คนมีความสามารถมีเกินตำแหน่ง และเห็นใจทุกคนที่ร่วมกันทำงานต่อสู้กับพรรคอย่างหนักโดยไม่ได้เรียกร้องตำแหน่ง และต้องพลาดตำแหน่ง
"ก็เข้าใจเพราะคนในพื้นที่คาดหวัง แต่ถือเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ โดยเฉพาะ ส.ส.พัทลุง ที่ประชาชนในพื้นที่ภูมิใจในตัวผู้แทนของเขา และคาดหวังอยากให้เป็นรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม สมาชิกพรรคอย่าได้ไปตำหนิ เราต้องสร้างความเข้าใจและให้กำลังใจ เราต้องร่วมกันเดินหน้าไปข้างหน้า ขณะนี้มีการเรียกร้องจากพรรคร่วมรัฐบาล และภายในพรรค ซึ่งมั่นใจว่าเราจะบริหารจัดการผ่านไปได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีโอกาสพูดคุยกับหลายคนที่พลาดโอกาสผ่านทางโทรศัพท์ เช่น นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน และยืนยันได้เลยว่าไม่มีเรื่องนายทุนครอบงำพรรค เพราะหากมีนายทุน ชีวิตทางการเมืองตนคงไม่เป็นเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ และที่ผ่านมาเมื่อมีการบริจาคเงินเข้าพรรค รวมถึงการระดมทุนของพรรคก็มีการเปิดเผย และแจ้งรายละเอียดให้ กกต.ทราบทุกขั้นตอน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงความขัดแย้งภายในพรรคว่า “เมื่อ ส.ส.หลายคนไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็อยากให้มีการสะท้อนปัญหาผ่านรัฐมนตรี มีอะไรก็ขอให้บอก อย่าไปปรับทุกข์กับนักข่าวอย่างเดียว หากไปปรับทุกข์กับนักข่าวแล้วผมมาทราบภายหลังการแก้ปัญหาก็จะยากขึ้น อย่างที่มีข่าวว่าท่านประธานสภาที่ปรึกษาฯ น้อยใจผม เมื่อเช้าเจอหน้าก็เข้าไปกระซิบถาม แต่ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามผม แต่ผมเชื่อมั่นศรัทธาในวัฒนธรรมพรรคประชาธิปัตย์ และเราต้องทำให้ความศรัทธาของพรรคปรากฏต่อสายตาสาธารณะ ให้สมกับคุณค่าที่ประชาชนรอคอย”