ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อครม.แล้ว นายกฯ ลั่นพร้อมรับคำวิจารณ์ เพื่อแผ่นดินพลิกโผนาทีสุดท้าย ดัน "หมอพฤฒิชัย" รมช.คลัง "ชาญชัย" รมว.อุตฯ โยก"ระนองรักษ์"คุมไอซีที "นิพิฏฐ์" พ้อเป็นขุนพลถูกฆ่า แฉนายทุนทุ่ม 80 ล้านแย่งเก้าอี้ ประชดส่งตั๋วแลกเงินใช้หนี้แทนพรรคเดือนละ 500 "ชวน" รับไม่ยุติธรรมแต่เห็นใจทุกฝ่าย ตะลึงทำเนียบโดนคุณไสย 10 จุด ท้าวมหาพรหมถูกควักดวงตา เร่งประสานพราหมณ์ทำพิธีแก้
รายชื่อคณะรัฐมนตรีในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลได้ข้อยุติ และมีการนำมามอบให้แก่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อนำรายชื่อทั้งหมดส่งตรวจสอบคุณสมบัติ จากนั้นได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 ธันวาคมแล้ว
ก่อนหน้านี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ออกมายอมรับว่ามีปัญหาในส่วนของพรรคเพื่อแผ่นดินที่ยังไม่ส่งรายชื่อมาให้ กระทั่งเวลา 12.45 น. นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นผู้นำรายชื่อรัฐมนตรีของพรรค มาส่งมอบต่อนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ โดยมีการเดินทางเข้า-ออกพรรคประชาธิปัตย์ถึง 2 ครั้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
จากนั้นเวลา 12.55 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมายังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ โดยบอกว่ามาเซ็นชื่อรับรองเอกสารแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี
ต่อมาเวลา 16.35 น. นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการทูลเกล้าฯ ถวาย รายชื่อ ครม.ว่า พรรคการเมืองต่างๆ ส่งรายชื่อเข้ามาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนได้ดำเนินการยื่นรายชื่อผ่านสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปแล้ว แต่เนื่องจากยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ จึงคงไม่เหมาะสมที่จะพูดในรายละเอียด ส่วนรายชื่อที่ออกมาที่ดูเหมือนว่าทำให้การทำงานสะดุดก็เป็นแรงกดดันส่วนหนึ่ง และขอยอมรับคำวิจารณ์ทุกอย่าง เพราะเราต้องหาความสมดุลในแง่ตัวบุคคลในเรื่องการทำงานการเมืองให้มีความมั่นคงและเดินต่อไปได้ โดยจะติดต่อบุคคลอีกหลายคนเข้ามาทำงานเป็นที่ปรึกษาและเป็นคณะทำงาน ทั้งนี้ยังได้ย้ำต่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่า จะต้องหาคนที่เป็นที่ยอมรับมาเป็นคณะทำงาน เพื่อสร้างความมั่นใจด้วย
ถามว่า เกรงหรือไม่ว่าปัญหาในพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นแรงกระเพื่อม ที่ส่งผลให้รัฐบาลไม่มั่นคง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่คิดอย่างนั้น เชื่อว่าบรรดา ส.ส.ของพรรคก็เข้าใจ เพราะระบบของเราจะต้องประชุมระหว่างกรรมการบริหารพรรคกับ ส.ส.ก่อนจะมีการอนุมัติ
มีรายงานว่ารายชื่อที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย นั้นประกอบด้วย พรรคประชาธิปัตย์ 17 ตำแหน่ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เป็นรองนายกรัฐมนตรี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวีระชัย วีระเมธีกุล เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็น รมว.ศึกษาธิการ นายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.การต่างประเทศ นายกรณ์ จาติกวณิช เป็น รมว.การคลัง นายวิทยา แก้วภราดัย เป็น รมว.สาธารณสุข นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็น รมว.ยุติธรรม นายวิฑูรย์ นามบุตร เป็น รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายไพฑูรย์ แก้วทอง เป็น รมว.แรงงาน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เป็น รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายธีระ สลักเพชร เป็น รมว.วัฒนธรรม นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ เป็น รมช.ศึกษาธิการ นายถาวร เสนเนียม เป็น รมช.มหาดไทย นายอลงกรณ์ พลบุตร เป็น รมช.พาณิชย์
พรรคชาติไทยพัฒนา มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี นายชุมพล ศิลปอาชา เป็น รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร เป็น รมช.คมนาคม นายธีระ วงศ์สมุทร เป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์
พรรคเพื่อแผ่นดิน ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี เป็น รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ เป็น รมช.คลัง นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง เป็น รมว.อุตสาหกรรม นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ เป็น รมช.มหาดไทย
กลุ่มเพื่อนเนวิน ได้แก่ นายโสภณ ซารัมย์ เป็น รมว.คมนาคม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็น รมว.มหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ เป็น รมช.คมนาคม และนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ เป็น รมช.มหาดไทย
พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ได้แก่ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล เป็น รมว.พลังงาน นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็น รมช.คลัง พรรคภูมิใจไทย นางพรทิวา นาคาศัย เป็น รมว.พาณิชย์ และนายมานิต นพอมรบดี เป็น รมช.สาธารณสุข และพรรคกิจสังคม นายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายมานิต นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 2 พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยได้ 2 กระทรวง โดยนางพรทิวา นาคาศัย เป็น รมว.พาณิชย์ ส่วนตนจะไปเป็น รมช.สาธารณสุข จากเดิมที่มีการวางตัวให้เป็น รมช.พาณิชย์ แต่เนื่องจากมีการหารือกันภายในพรรค ซึ่งมีความเห็นสอดคล้องกันว่า ควรจะแยกกันอยู่คนละกระทรวง
"นิพิฏฐ์"บุกพบ"อภิสิทธิ์"ฉุนหลุดโผ
ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบนายอภิสิทธิ์ ที่พรรคประชาธิปัตย์ หลังการหารือกันนายนิพิฏฐ์ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ไม่พอใจกรณีที่ถูกนายวีระชัย วีระเมธีกุล อดีตเขยซีพี เบียดตกเก้าอี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในนาทีสุดท้าย ทั้งที่ตนเองช่วยงานพรรคมาตลอด โดยเฉพาะในคดียุบพรรคพลังประชาชน ทั้งนี้จะทำจดหมายเปิดผนึกไปถึงนายวีระชัยด้วย
นายนิพิฏฐ์ เปรียบตัวเองว่า เป็นเหมือนขุนพลที่โดนคนในพรรคฆ่า พร้อมทั้งโจมตีนายวีระชัยว่าทำงานให้แก่ทุกรัฐบาล รวมทั้งรัฐบาลทักษิณ ซึ่งนอกจากเรื่องทุนแล้ว นายวีระชัยก็ไม่ได้มีคุณสมบัติพิเศษอะไร
"ถ้านายวีระชัยศรัทธาแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์จริง ต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เลย แล้วประกาศว่าเป็นผู้บริหารของบริษัทใดบ้าง ในเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือไม่ แล้วบอกให้ชัดเจนเลยว่าบริษัทนี้เป็นผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ต้องเป็นอีแอบในทางการเมือง เพราะเป็นอีแอบอย่างนี้ไม่สง่างาม ต้องเปิดหน้ากากออกมา” นายนิพิฏฐ์ กล่าว
นายนิพิฎฐ์ กล่าวด้วยว่า ปัญหาและอันตรายของวันนี้ก็คือกลุ่มทุน ที่เข้ามาจัดการและมีอำนาจภายในพรรคและมีอำนาจเหนือกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นอันตรายถึงขั้นกำหนดทิศทางของพรรคการเมืองได้ แต่แน่นอนการเมืองปฏิเสธทุนไม่ได้ ซึ่งถ้าในการตั้งรัฐบาลแล้วต้องตอบแทนอย่างนี้ ตนก็ไม่เห็นด้วย เพราะไม่ควรจะต้องตอบแทนบุญคุณถึงขนาดนั้น และตนจะทำให้พรรคนี้เป็นอิสระด้วยการใช้หนี้นายวีระชัย ขั้นต่ำเดือนละ 500 บาท เชื่อว่าประมาณ 1 แสนปีก็จะใช้หนี้หมด
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า จากนี้ไปคงต้องลดบทบาทตัวเองลง แต่ยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากพรรค
ปัดทำความเข้าใจกับ "สุเทพ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ มีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า นายชวนเสียใจมาก เพราะไม่มีใครฟังท่าน ท่านบอกว่าเห็นใจและบอกว่าตนมีความเหมาะสมในอันดับต้นๆ ที่จะต้องเป็นรัฐมนตรี เพราะช่วยต่อสู้กับระบอบทักษิณมาตลอด และตอนที่นายชวนไปปราศรัยที่พัทลุงก็บอกกับชาวบ้านว่า ถ้าประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล นายนิพิฏฐ์ก็ควรได้เป็นรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามไม่รู้สึกน้อยใจนายชวน ที่ไม่สามารถผลักดันให้รับตำแหน่งได้
ส่วนจะทำความเข้าใจกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระหว่างไปสัมมนาพรรคที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ไปก็ไม่มีความสุข ดังนั้นเมื่อไม่มีความสุขก็อย่าไปเลย
แฉกลุ่มทุนทุ่ม 80 ล.ยันจะผ่อนคืนให้
ต่อมาเวลา 13.50 น. นายนิพิฏฐ์ได้นำจดหมายเปิดผนึกถึงนายวีระชัย พร้อมตั๋วแลกเงิน 1 ฉบับ เพื่อจะนำมาใช้หนี้นายวีระชัยแทนพรรคประชาธิปัตย์ มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยนายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ได้ทำจดหมายเพื่อส่งถึงนายวีระชัย สอบถามถึงอุดมการณ์ทางการเมืองหรือประกอบธุรกิจอะไร เคยสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ และอยากให้แสดงความจริงใจโดยการสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทันที เพราะไม่อยากเห็นกลุ่มธุรกิจการเมืองเข้าครอบงำพรรค โดยจะขอใช้หนี้ให้นายวีระชัยด้วยการผ่อนชำระเดือนละ 500 บาท ซึ่งจะนำตั๋วแลกเงินไปให้ฝ่ายสารบรรณของพรรคดำเนินการ
“การเข้ามาครั้งนี้ถือว่าเสียศักดิ์ศรี เสียเกียรติภูมิ ประหนึ่งว่าถูกย่ำยีทางการเมือง เอาพรรคไปจำนำ ซึ่งผมได้ถอนทุนคืน เรื่องนี้มี ส.ส.หลายคนไม่พอใจ เพราะรับทราบว่าก่อนหน้านี้มีการบริจาคมา 80 ล้านบาท เข้ามาจะต้องถอนทุนคืนอย่างน้อย 90 ล้านบาทอย่างต่ำแน่นอน” นายนิพิฏฐ์กล่าว
"สุเทพ"ป้อง"วีระชัย"ยันไม่ใช่พวกแม้ว
ด้านนายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายนิพิฏฐ์ว่า เมื่อมีคนติดใจก็ต้องยอมรับและอยากชี้แจงว่าผู้บริหารพรรครู้จักนายวีระชัย เพราะมีความรู้เคยเป็นผู้บริหารธนาคารในประเทศจีน มีความรู้เรื่องจีนมาก ตนก็ยังเคยขอความรู้มาแล้ว ดังนั้นหากได้มาช่วยใน ครม. ก็จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับธุรกิจเอกชนทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งความสัมพันธ์กับจีนด้วย ซึ่งจะช่วยนายกฯ ได้ ที่สนใจนายวีระชัย เพราะไม่ใช่คนหน้าใหม่ในแวดวงการเมือง เคยทำงานอยู่รัฐบาลทักษิณ แต่ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับทักษิณ โดยอยู่กลุ่มเดียวกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และกลุ่มของนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย นอกจากนั้นยังเคยเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แสดงว่ามีคนเห็นว่ามีขีดความสามารถในการทำงาน โดยจะให้นายวีระชัยมาช่วยเป็นหนึ่งในทีมเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายนิพิฏฐ์น้อยใจที่นายสุเทพทำเหมือนฆ่ากันทางการเมือง นายสุเทพกล่าวว่า ตนจะไปฆ่านายนิพิฏฐ์ทำไม นายนิพิฏฐ์ก็เป็นลูกพรรค ตนก็เป็นเลขาธิการพรรค ไม่มีการจะคิดไปฆ่าใครในพรรคเดียวกัน ยิ่งเป็นพวกเดียวกันยิ่งต้องรักกัน นอกจากนี้นายสุเทพยังได้ขอโทษเพื่อนร่วมพรรคด้วยว่า เสียใจที่การจัดตั้งรัฐบาลอาจจะทำให้เพื่อนๆ ผิดหวังบ้าง แต่ต้องยอมรับว่าตำแหน่งที่ได้มานั้น มีน้อยจริงๆ
"ชวน"ปูดพรรคไม่ได้มาปรึกษาตั้งครม.
ที่โรงแรมโบ๊ทเฮ้าส์ อ.สมุย จ.สุราษฎร์ธานี สถานที่จัดสัมมนาพรรคประชาธิปัตย์ นายชวนให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาความแตกแยกในพรรคภายหลังการจัดโผ ครม.ว่า รู้สึกเห็นใจนายนิพิฏฐ์
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะทำให้จุดเริ่มต้นของรัฐบาลมีอุปสรรคหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า "ก็เห็นใจทุกฝ่าย คนที่ทำงานก็เห็นใจเขา อย่างนายนิพิฏฐ์ เราก็หวังว่าเขาจะได้เป็น เมื่อไม่ได้เป็นก็เห็นใจเขา แต่เวลาที่เขาตั้งกัน เขาไม่ได้มาปรึกษาเรา ใครมาเป็นบ้างเราก็ไม่รู้ ผมก็ทราบพร้อมกับ ส.ส.เมื่อวานนี้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย พวกเราทุกคนก็พยายามช่วยกันพูดกับนายนิพิฏฐ์" นายชวนกล่าว
เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วจะทำความเข้าใจกันได้หรือไม่ นายชวนตอบว่า ไม่ทราบ แต่ก็เห็นใจทุกฝ่าย เพราะฝ่ายนายสุเทพ ก็ชี้แจงว่ามีตำแหน่งน้อย ฝ่ายนายนิพิฏฐ์ก็มีความหวัง เพราะท่านอาวุโสถึง
"อภิสิทธิ์"โบ้ยกก.บห.เป็นคนตัดสินใจ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีนายนิพิฎฐ์ไม่พอใจว่า ความจริงนายนิพิฏฐ์กับตนก็เหมือนพี่น้องกัน ซึ่งตนถือว่านายนิพิฏฐ์เป็นคนหนึ่งที่มีคุณภาพ และทำงานให้พรรคมาโดยตลอด ความจริงเป็นรัฐมนตรีได้อย่างสบาย เพียงแต่การตัดสินใจเลือก ครม. เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคที่จะพิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้มาทำงานในตำแหน่งอะไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราไม่ต้องพูดถึงเรื่องตำแหน่ง คนอย่างนายนิพิฏฐ์ นายจุติ ไกรฤกษ์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ จะทำงานโดยไม่มีตำแหน่งก็ได้ ซึ่งได้ทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายไปแล้ว และเชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการได้
ยันดำเนินคดีกับ พธม.ยึดทำเนียบ
เมื่อถามว่า เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วจะดำเนินคดีกลุ่มพันธมิตรที่ยึดทำเนียบอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งหมดอยู่ที่กระบวนการยุติธรรม
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการส่งข้อความเอสเอ็มเอสไปยังประชาชนว่า ต้องการให้รับฟังเสียงตอบรับ ซึ่งครั้งแรกตั้งใจว่าจะให้เป็นเซอร์ไพรส์ แต่พอมีนักข่าวมาถามก็ไม่เซอร์ไพรส์ อย่างไรก็ตามก็คงไม่โทรกลับไปหาประชาชนที่ได้รับข้อความทั้งหมด เพราะคงไม่ไหว
"กษิต" ชี้ "สนธิ" ไม่ใช่พ่อ
นายกษิต ภิรมย์ ว่าที่ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเพราะกลุ่มพันธมิตรว่า กลุ่มพันธมิตรไม่ได้เป็นโจร เป็นการแสดงออกของประชาชนที่มาเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตยและต่อต้านการคอรัปชั่น ซึ่งการที่ตนขึ้นเวทีพันธมิตร ไม่ใช่เรื่องบาป ตนเป็นข้าราชการคนหนึ่งที่เห็นความไม่ชอบ จึงออกมาต่อต้านรัฐบาลชุดนั้น เมื่อภารกิจจบก็ถือว่าจบกันไป
ส่วนที่ถูกวิจารณ์ว่าได้ตำแหน่งเพราะนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรนั้น นายกษิตกล่าวว่า นายสนธิไม่ใช่พ่อ และไม่ใช่พ่อของพรรคประชาธิปัตย์ เรามีการเคารพซึ่งกันและกัน และสิ่งที่พูดไปก็รู้ว่าใครมีอุดมคติ อุดมการณ์ตรงไหน ที่ผ่านมาตนต่อสู้ในหลักการที่เปิดเผย และสิ่งที่สังคมต้องรู้ ถ้าทำในสิ่งที่ไม่ดี คงไม่มาเสนอหน้าในพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อว่าจะไม่กลายเป็นจุดอ่อนของพรรคประชาธิปัตย์ให้ถูกโจมตี
ร่างนโยบายเสร็จอาทิตย์นี้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมการยกร่างนโยบายของรัฐบาล ประชุมหารือการยกร่างนโยบายรัฐบาลร่วมกับนางพรทิวา นาคาศัย ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ตัวแทนพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นายอรรคพล สรสุชาติ ตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนา จากนั้นนายจุรินทร์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า คาดว่าน่าจะได้ร่างที่เกือบสมบูรณ์ภายในวันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม หากในวันอังคารที่ 23 ธันวาคม มีการประชุม ครม.ได้ ก็จะนำร่างนโยบายเข้าสู่ที่ประชุม และหากเป็นไปได้จะแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 29 ธันวาคม นโยบายส่วนใหญ่เราไม่ต้องการให้มองเป็นนโยบายประชานิยม แต่ส่วนใหญ่เป็นนโยบายเร่งด่วนที่สอดคล้องกับนโยบายหลักของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ถือว่านโยบายของพรรคร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
"เติ้ง" ชม ครม."อภิสิทธิ์ 1" ไม่ขี้เหร่
นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์เข้าพบที่บ้านพักจรัญสนิทวงศ์ว่า นายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดไปรายงานให้ทราบว่าเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เดิมจะมาพบเพื่อขอความเห็นในการจัดตั้งรัฐบาล ตนก็ได้ให้ข้อคิดและข้อสังเกตไปหลายข้อ พอทุกอย่างเรียบร้อยก็มาเรียนให้ทราบ
ต่อข้อถามที่ว่าดูจากรายชื่อ ครม.รู้สึกเป็นห่วงหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ยังไม่เห็นรายชื่อ แต่จะให้หน้าตาหล่อเหมือนนายกรัฐมนตรีคงเป็นไปไม่ได้ แต่อย่าให้บุ๋มมากเท่านั้นแหละ โดยรวมคิดว่ารัฐบาลนี้น่าจะไปได้ ต้องให้กำลังใจกัน
พผ.เมินส่ง ส.ส.กลุ่มประชาลงเลือกตั้ง
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ถึงบทบาททางการเมืองของตัวเองและกลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน จำนวน 12 คน ที่โหวตสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า กลุ่มมีมติร่วมกันอย่างชัดเจนว่าจะยืนตรงกลาง ไม่ขอเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน สิ่งใดที่รัฐบาลทำถูกต้องก็จะสนับสนุน แต่ถ้ามีอะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็จะท้วงติงและขอให้ทบทวน
เมื่อถามถึงความชัดเจนในการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับการรับรองจาก กกต. จึงเป็นว่าที่หัวหน้าพรรคไปก่อน ส่วนการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ในวันที่ 11 มกราคมนี้ ยังต้องรอให้นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รักษาการหัวหน้าพรรค เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้พรรคมีมติว่าจะส่งลงไปในพื้นที่ใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ซึ่งจะเปิดรับสมัครในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ ปรากฏว่า นายชาญชัย ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้เซ็นรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของกลุ่มวังพญานาค ในพื้นที่ภาคอีสานเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่อยู่ในกลุ่มของ พล.ต.อ.ประชา ไม่มีใครได้รับการส่งลงสมัครแม้แต่คนเดียว
"ชวรัตน์" ลงนามกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้ว
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ว่า ยังไม่ทราบจริงๆ ไม่ได้รับการประสาน แต่ไม่ว่าใครให้ทำงานอะไรก็ทำได้ โดยทำแบบมืออาชีพ
เมื่อถามว่า รู้สึกกังวลต่อเสียงวิจารณ์และพร้อมรับแรงกดดันในการรับตำแหน่งหรือไม่ นายชวรัตน์กล่าวว่า "โบราณว่าคนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ อย่าไปห่วงอะไร เราทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ"
นายชวรัตน์กล่าวด้วยว่า ได้ลงนามเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ส.ส.ไปแล้ว และส่งเรื่องไปดำเนินการต่อเรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมไม่รอออกเป็นมติ ครม. นายชวรัตน์กล่าวว่า ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี สามารถลงนามเห็นชอบได้
"บิ๊กจิ๋ว" ให้กำลังใจ ครม.อภิสิทธิ์ 1
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ จ.ขอนแก่น ถึงการจัดโผ ครม.ว่า ต้องให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ เพราะถือเป็นความพยายามและก็เป็นความหวังของทุกคน ส่วนตัวไม่มีอะไรแนะนำ เพราะรัฐบาลชุดนี้มีประสบการณ์กันทั้งนั้น มีเพียงให้กำลังใจในการทำงาน ดังนั้นการเคลื่อนไหวต่างๆ ก็ควรจะยุติทุกอย่างได้แล้ว อยากจะบอกทุกฝ่ายให้โอกาสเขาบริหารงาน
ส่วนโผ รมว.กลาโหม ที่มีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า พล.อ.ประวิตร เป็นคนดีน่ารักมาก และเคยเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบก และก็รู้สึกว่าทหารเขาก็ให้การสนับสนุนดี ก็ขอให้ช่วยกันทำงานต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ได้นานหรือไม่ พล.อ.ชวลิตตอบติดตลกว่า "กี่เดือนน่ะเหรอ ต้องไปถามหมอลักษณ์ ฟันธง แต่อย่าไปถามหมอกฤษฏ์ คอนเฟิร์ม นะ เพราะขณะนี้กำลังลำบาก"
เมื่อถามว่า จะตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ความจริงวันนี้ก็มีการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเยอะแล้ว เฉพาะในภาคอีสานก็มีตั้ง 20 พรรค ก็คงไม่ตั้งหรอก แต่ความเป็นจริงภาคอีสานน่าจะรวมเป็นพรรคเดียว
"ปณิธาน" รับถูกทาบนั่งโฆษกรัฐ
นายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวระบุว่าได้รับการทาบทามให้ดำรงตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า มีการทาบทามจริง แต่ยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ขณะนี้กำลังคิดอยู่ เพราะต้องลาออกจากการเป็นอาจารย์ อย่างไรก็ตาม การได้รับการทาบทามครั้งนี้ต้องถามเหตุผลจากพรรคประชาธิปัตย์ว่าทำไมถึงมาทาบทาม แต่เชื่อว่าผู้ใหญ่คงมองว่าการทำงานของรัฐบาลต้องมีการชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริง ทั้งในและต่างประเทศ และคงไม่ใช่ตนคนเดียวที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้