คนล้นสนามหลวง เชียร์ทักษิณ เคลียร์ทุกปัญหาคาใจ

จากไทยรัฐ




หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ตกเป็นฝ่ายตั้งรับมานาน โดยถูกกลุ่มนักวิชาการ อาจารย์ และนักศึกษา รวมทั้งกลุ่ม เครือข่ายพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยกดดันบีบ ให้ลาออกจากตำแหน่ง อีกทั้งอดีต พรรคฝ่ายค้านยังคว่ำบาตร ไม่ส่งคนลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ด้วยนั้น ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณได้เปิดเกมรุก จัดเวทีใหญ่ที่ท้องสนามหลวง ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่างๆ ท่ามกลางประชาชน ที่ไปร่วมฟังการชุมนุมจำนวนนับแสนคน

ทักษิณ เมินคำถามม็อบชนม็อบ

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 3 มี.ค.นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เดินทางไปทำงานตามปกติ โดยมีสีหน้าเรียบเฉย เมื่อผู้สื่อข่าวที่ดักรอสัมภาษณ์อยู่บริเวณประตูทางเข้าตึกไทยคู่ฟ้ายิงคำถามว่า การจัดเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคไทยรักไทยในช่วงค่ำวันเดียวกันนี้ จะเป็นการสร้างเงื่อนไขความรุนแรงให้เกิดขึ้นระหว่าง 2 ฝ่ายหรือไม่ ปรากฏว่า พ.ต.ท.ทักษิณหันมายิ้มพร้อมกล่าวว่า ก็ชอบถามอย่างนี้ จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนห้องทำงานทันที

เปลี่ยนรถชิ่งหนีนักข่าว

ต่อมาเวลา 10.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยหลบเดินลงประตูหลังตึกไทยคู่ฟ้า และใช้รถคันอื่นเพื่อไม่ให้ผู้สื่อข่าวติดตาม ส่วนรถที่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้ประจำนั้น คนขับรถได้ขับออกจากทำเนียบรัฐบาลไปก่อนหน้านี้แล้ว อ้างว่าไปเติมน้ำมัน อย่างไรก็ตาม บุคคลใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณเปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณออกไปรับประทานอาหารเท่านั้น ไม่มีอะไร พร้อมแจ้งให้ผู้สื่อข่าวไปรอทำข่าวที่ทำการพรรคไทยรักไทย

กระทั่งเวลา 12.20 น. พ.ต.ท.ทักษิณจึงเดินทางเข้าที่ทำการพรรคไทยรักไทย ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทันทีที่เห็นผู้สื่อข่าว พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวว่า หิวข้าวๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า ระหว่างเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 2 มี.ค. พระองค์ทรงรับสั่งอะไรบ้าง พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าที่หายไปในช่วงสายได้ไปพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมตอบคำถามแล้วเดินเลี่ยงขึ้นลิฟต์ไปทันที

โวยข่าวลือประกาศลาออก

จากนั้นเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางออกจากที่ทำการพรรคไทยรักไทย กลับไปบ้านซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 โดยก่อนออกจากพรรคได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จะกลับบ้านไปเตรียมปราศรัย ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่านายกฯจะประกาศลาออกบนเวทีปราศรัย พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ช่วงนี้ต้องให้ประชาชนใจเย็นๆ เพราะข่าวลือข่าวปล่อยเยอะมาก สำคัญคือสื่อมวลชนต้องช่วยหน่อย อย่าเสนอข่าวปล่อยหรือข่าวลือ มันไม่ดี จะทำให้สับสน เมื่อถามว่า เรื่องการกำหนดแนวทางปฏิรูปการเมืองให้ ชัดเจน จากนั้นก็จะยุบสภาเลือกตั้งใหม่อีก เรื่องนี้เป็นข่าวจริงหรือข่าวปล่อย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า คืนนี้ค่อยคุยกันในเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่อีกจะเป็นการสูญเสียงบประมาณไปอีก พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า คืนนี้ค่อยคุยกัน

โต้ข้อหาขนคนมาเชียร์ "

น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายก รัฐมนตรี เตรียมประกาศลาออกจากตำแหน่ง กลางเวทีปราศรัยในวันที่ 3 มี.ค. ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ประกาศลาออกอย่างแน่นอน แต่จะชี้แจงข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะแนวทางการปฏิรูปการเมือง คำพูดทุกอย่างในวันนี้ ถือเป็นสัญญาประชาคม ส่วนกระแสข่าวการสั่งให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน ขนชาวบ้านมาฟังนายกฯปราศรัยนั้น เป็นข่าวลือ วันนี้ข่าวลือเยอะมาก ขอให้สื่อมวลชนยุติการเสนอข่าวที่ไม่มีการระบุชื่อผู้พูด เพราะเป็นการแสดงว่าผู้พูดไม่รับผิดชอบคำพูดตัวเอง ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยวิเคราะห์ว่านายกฯอาจประกาศยุบสภาอีกครั้ง ภายหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จ น.พ.พรหมินทร์ตอบว่า เป็นการพูดไปเรื่อย การที่ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศยุบสภา เพราะต้องการคืนอำนาจให้ประชาชน เสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์ ประชาชนจะบอกว่าเป็นอย่างไร ถ้าชอบก็เลือก ถ้าไม่ชอบก็ไม่เลือก

ชิดชัย ยุพลังเงียบสู้ม็อบพันธมิตรฯ

พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัย รับมือการชุมนุมขับไล่นายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 มี.ค. ที่ท้องสนามหลวง ภายใต้การนำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า จะทำให้ดีที่สุด เต็มที่เหมือนทุกครั้ง รับรองไม่มีม็อบชนม็อบ แต่สื่อชอบจับเสี้ยมให้ชนกัน อย่างไรก็ตาม หากกลุ่มพลังเงียบจะออกมาเคลื่อนไหวในแนวทางที่สันติสุข เช่น การเปิดไฟหน้ารถ ก็สามารถทำได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ทหารประเมินว่าเหตุการณ์ในวันที่ 5 มี.ค. อาจจะเกิดความรุนแรงได้ พล.ต.อ.ชิดชัยตอบว่า ทหารไม่ได้วิตกอะไร แต่สื่อไปใส่สีสัน เท่าที่คุยกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ได้รับการยืนยันว่าไม่ได้วิตก ซึ่งการเรียกผบ.เหล่าทัพมาประชุม เป็นการซักซ้อมความเข้าใจเพื่อเตรียมการให้ดีที่สุด

ไปรษณียบัตรให้กำลังใจกว่า 1 ล้านใบ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ถึงบรรยากาศภายหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชน ที่ต้องการให้กำลังใจนายกฯ ส่งไปรษณียบัตรมาที่ตู้ปณ.888 ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ10302 ปรากฏว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 3 มี.ค. ได้มีการนำตะกร้าเหล็กใบใหญ่ ไปตั้งที่หน้าประตู 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเปิดให้ประชาชนทั่วไป นำไปรษณียบัตรมาหย่อน จากนั้นเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่บริษัทไปรษณีย์ไทยได้นำรถบรรทุก 6 ล้อขนไปรษณียบัตรและจดหมายให้กำลังใจนายกฯ ซึ่งบรรจุในกระสอบ ลอตแรกจำนวน 3 แสนใบ มาใส่กล่องเหล็ก 4 ใบ ที่ตั้งอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า ข้อความส่วนใหญ่ในไปรษณียบัตร จะเป็นการให้กำลังใจนายกฯในการทำงาน ไม่ต้องการให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ไปรษณียบัตรบางส่วนมัดรวมกันมาเป็นปึกเดียว และเขียนด้วยลายมือเดียวกัน แต่ชื่อผู้ส่งและที่อยู่แตกต่างกัน โดยยอดไปรษณียบัตรที่ถูกส่งมายังทำเนียบฯ จนถึงเวลา 16.30 น. วันที่ 3 มี.ค. มีจำนวน 1,361,475 ฉบับ

มีเขียนด่า ปชป.จำลองสนธิ

ขณะเดียวกัน ไปรษณียบัตรบางส่วนได้เขียนมาโจมตีนายกรัฐมนตรี ขอให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่ไม่ระบุชื่อผู้ส่ง รวมถึงโจมตีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ประธานมูลนิธิกองทัพธรรม นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ ตลอดจน ส.ว.บางคน ว่า เป็นผู้เล่นนอกกติกาประชาธิปไตย นอกจากนี้ ยังมีไปรษณีย์บางส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการให้กำลังใจนายกฯ ถูกนำมากองรวมปนกันด้วย เช่น ไปรษณียบัตรตอบคำถามรายการเกมโชว์ ชิงโชคของรางวัล การแจ้งกำหนดตารางสอบ รวมถึงการแจ้งให้นำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีน หรือบางส่วนก็เป็นไปรษณียบัตรเปล่าๆ ไม่มีชื่อหรือข้อความอะไร

เหนือ-อีสานส่ง ปณ.มากที่สุด

สำหรับบรรยากาศการส่งไปรษณียบัตรให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ทางตู้ ปณ. 888 ตามที่ทำการไปรษณีย์ต่างๆ ยังถูกส่งเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย โดยข้อความส่วนใหญ่เขียน ว่าขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณผ่านพ้นวิกฤติการเมืองไปด้วยดี ขณะเดียวกันจากการสังเกตพบว่า ไปรษณียบัตรส่วนใหญ่ ถูกส่งมาจากภาคเหนือกับภาคอีสาน ซึ่งนายวุฒิพงษ์ โมฬีชาติ รอง กก.ผจก.ใหญ่ ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า กระแสข่าวเรื่องการกว้านซื้อไปรษณียบัตร แล้วจัดส่งมาตั้งแต่วันแรกที่เปิดตู้ ปณ.888 นั้น ไม่ทราบ เพราะโดยข้อเท็จจริงการส่งไปรษณียบัตร ถ้าเป็นในกรุงเทพฯ จะจัดส่งได้ภายใน 1 วัน ส่วนต่างจังหวัดใช้เวลา 2 วัน และพื้นที่ห่างไกล เช่น นราธิวาส แม่ฮ่องสอน ต้องใช้เวลาถึง 3 วันในการส่ง เท่าที่ทราบมีไปรษณียบัตรถูกส่งมาแล้ว 5 แสนฉบับ ส่วนยอดขายไปรษณียบัตรทั่วประเทศช่วงนี้อยู่ที่ 4 ล้านฉบับ แยกเป็นกรุงเทพฯและปริมณฑล 2 ล้านฉบับ ภาคเหนือกับอีสาน 1.5 ล้านฉบับ ที่เหลือเป็นภาคใต้กับภาคอื่นๆ

บรรหาร ห่วงคำพูด ทักษิณ

เที่ยงวันเดียวกัน ที่โรงแรมสยามซิตี้ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงการเปิดเวทีที่สนามหลวงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ในค่ำวันที่ 3 มี.ค.ว่า ต้องรอฟังก่อนว่าคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณจะทำให้มีเรื่องหรือไม่มีเรื่อง ขณะที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวว่า เป็นสิทธิของนายกฯที่จะปราศรัย คงไม่มีอะไร เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนที่เกรงว่าจะมีมือที่สามนั้นก็คงไม่มี เพราะรัฐบาลต้องดูแลเป็นอย่างดีอยู่แล้ว จะปล่อยให้เกิดเรื่องไม่ได้ เมื่อถามว่า วันที่ 5 มี.ค. จะมีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยออกมาขับไล่นายกฯอีก พล.ต.สนั่นกล่าวว่า ถือเป็นการผลัดกันพูด

ผบ.ทบ.สั่งทหารวางตัวเป็นกลาง

ทางด้านกองทัพบกวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. เป็นประธานประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (ผบ.นขต.ทบ.) ระดับชั้นยศนายพล ประจำเดือน มี.ค. โดยมีนายทหารระดับฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายคุมกำลังของกองทัพบกทุกนาย ตั้งแต่นายทหารในกองทัพภาคที่ 1-4 หน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ (นสศ.) หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) กองพลทหารม้า เข้าร่วมประชุมกว่า 2 ชม. ในที่ประชุม พล.อ.สนธิได้เน้นยํ้าและกำชับกับ ผบ.นขต.ทบ. โดยเฉพาะสถานการณ์บ้าน เมืองต่อกรณีที่มีการจัดชุมนุมของกลุ่มองค์กรต่างๆ ในวันที่ 3 และ 5 มี.ค. โดยขอให้ทุกคนวางตัวเป็นกลาง และให้ไปชี้แจงกับผู้ใต้บังคับบัญชาของแต่ละหน่วย ให้ ดำรงตนเองด้วยความเป็นกลาง เพราะสถานการณ์ขณะนี้อาจมีการสร้างข่าวเพื่อให้เกิดความไขว้เขว เพราะข่าวที่ออกมาได้สร้างความรู้สึกให้ทหารมีความแตกแยก โดยบางข่าวเราไม่สามารถที่จะสืบเสาะหาต้นตอได้ว่าออกมาจากแหล่งไหน ทั้งเรื่องจริงและไม่จริง ฉะนั้นขอให้ ผบ.นขต.ทบ.ทุกคนหนักแน่น

กองทัพมิติใหม่ไม่คิดปฏิวัติ

ด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกจะติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด และจัดนายทหารรักษาความปลอดภัยตามปกติ ในหน่วยที่ตั้งและในพื้นที่บริเวณรอบที่จะมีการชุมนุม ยืนยันว่าไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังจากกองทัพบกไปยังอีกที่หนึ่ง หากจะเคลื่อนย้ายได้ต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉินเท่านั้น และขั้นตอนจะดำเนินยุทธวิธีจากเบาไปหาหนัก ชี้แจงทำความเข้าใจก่อน และจะใช้โล่และกระบองโดยไม่มีการใช้อาวุธ นอกจากนี้ พล.อ.สนธิได้ยืนยันอย่างหนักแน่นต่อที่ประชุมว่ากองทัพเป็นกองทัพมิติใหม่จะไม่มีการปฏิวัติ ส่วนข่าวที่แพร่กระจายเป็นแค่ข่าวลือ และได้เน้นยํ้ากำลังพลให้มีวิจารณญาณในการรับฟังข่าวสารโดยทั่วไปอย่างรอบคอบ

กกต. ส่ง จนท. สังเกตการณ์

พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีการเปิดปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่สนามหลวงว่า กกต. คงไม่ต้องเตือนในเรื่องการระวังที่จะทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปดู ทั้งนี้ ผู้ที่ปราศรัยจะต้องระมัดระวังความผิดมาตรา 44 ในเรื่องของสัญญาว่าจะให้การใส่ร้าย จูงใจ หรือการให้งดเว้นการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณคงทราบดี เพราะมีประสบการณ์มาก

อภิสิทธิ์ ไม่สนม็อบหนุน ทักษิณ

เย็นวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยรักไทยว่า ขอเรียกร้องให้ทุกคนเคารพสิทธิ เสรีภาพของทุกฝ่าย ยึดกรอบของวิธีที่สันติ และพยายามหลีกเลี่ยงไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง ที่ผ่านมาได้เตือนไปแล้วว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีความคิดที่จะเอาตัวเลขมาเป็นคำตอบ พยายามที่จะสร้างความชอบธรรมให้เกิดขึ้นกับตัวเลข ไม่ว่าจะเป็นจำนวนไปรษณียบัตร จำนวนคนที่จะมาฟังการปราศรัย แสดงให้เห็นถึงความไม่เข้าใจที่มาของปัญหาตั้งแต่ต้น ที่เป็นพื้นฐานในเรื่องของความชอบธรรม และจริยธรรมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจำนวน ส่วนแนวทางที่รัฐบาลดำเนินการในขณะนี้ ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองคลี่คลายหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับท่าทีของผู้นำรัฐบาลมากกว่า เพราะทราบว่ามีหลายเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะไปปราศรัยในเย็นวันที่ 3 มี.ค.นี้ ส่วนกรณีที่ 3 หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านหารือกันนั้น ไม่ได้พูดคุยถึงบทบาทในการร่วมการชุมนุม แต่อดีต ส.ส. แต่ละบุคคลก็มีสิทธิที่จะไปร่วมรับฟัง

ชี้ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ "

นายธนิตพล ไชยนันทน์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดปราศรัยใหญ่ที่ท้องสนามหลวงของพรรคไทยรักไทยว่า ความจริงบทบาทของนายกฯต้องสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นแก่คนในชาติมากที่สุด แต่กลับไปจัดปราศรัยใหญ่ จุดชนวนให้คนในชาติแตกแยกความสามัคคีกันอย่างมาก เพียงแค่ต้องการสร้างกระแสนิยมให้แก่นายกฯและพรรคไทยรักไทย เพื่อให้เป็นข้ออ้างในการสร้างความชอบธรรมให้นายกฯ แต่ประชาชนและประเทศชาติจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการปราศรัยครั้งนี้ เพราะจะไม่มีอะไรมากไปกว่าหาเสียงโดยการโปรยยาหอมสร้างนโยบายประชานิยม ขายฝัน แต่ไม่มีคำชี้แจงข้อสงสัยสารพัดเรื่องเกี่ยวกับตัวนายกฯ

สนามหลวงคึกคักตั้งแต่บ่าย



สำหรับบรรยากาศการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่สนามหลวง เริ่มคึกคักตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 น. โดยมีรถบัสนับร้อยคัน ทยอยนำประชาชนจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ มาฟังคำปราศรัยชี้แจงของนายกรัฐมนตรี ขณะที่รอบบริเวณสนาม หลวง เจ้าหน้าที่ได้นำรั้วเหล็กมากั้นล้อมรอบ เปิดเป็นช่องทางเข้าออก 4 ช่อง ควบคุมการเดินเข้าออกและมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจตราอาวุธอย่างเข้มงวด ป้องกันการนำอาวุธเข้าไปก่อเหตุร้ายในบริเวณ ขณะที่รอบนอกสนามหลวงก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนับร้อย นายกระจายกันตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยอยู่นอกบริเวณ

แจกสติกเกอร์รักทักษิณ ขณะที่เวทีปราศรัยถูกตั้งขึ้นบริเวณสนามหลวงฝั่งวัดพระแก้ว ตรงข้ามกับเวทีของนายสนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มพันธมิตร โดยบนเวทีปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีการเขียนสโลแกนว่า ยึดมั่นประชาธิปไตย รักษากติกา เดินหน้าปฏิรูปการเมืองไทย มีการติดตั้งจอโปรเจกเตอร์ ขนาดใหญ่ จำนวน 8 จอ ที่ข้างเวทีและกลางสนาม ให้ ประชาชนได้ชมความเคลื่อนไหวบนเวทีอย่างทั่วถึง มีการแจกสติกเกอร์ขนาดใหญ่ เป็นรูปหัวใจ 2 ดวง เขียนคำว่า รักทักษิณรักทั้งทีม โดยใช้รูปหัวใจสีแดงเป็นสัญลักษณ์แทนคำว่า รักแก่ผู้ที่มาฟังคำปราศรัย ซึ่งผู้มาฟังคำปราศรัย ส่วนใหญ่ได้นำสติกเกอร์ไปคาดศีรษะ และทำเป็นหมวก นอกจากนี้ ยังมีการแจกธงสีเขียวเขียนคำว่า รักพ่ออย่าทะเลาะกัน รวมทั้งธงชาติไทยชูพลิ้วปลิวไสวไปทั่วท้องสนามหลวง

ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อหนุนเป็นนายกฯ ต่อ

นอกจากนี้ ที่หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศาลฎีกา มีกลุ่มหัวใจสีขาวที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี มาตั้งโต๊ะให้ล่ารายชื่อประชาชน สนับสนุนให้ พ.ต.ท.ทักษิณทำงานเพื่อประเทศ ชาติต่อไป และมีการนำแผ่นป้ายผ้าสีขาวมาให้ประชาชนเขียนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีด้วย ขณะเดียวกัน มีรถบรรทุกขนป้ายไม้ขนาดเล็ก เขียนข้อความว่า เรายังต้องการ ทักษิณเป็นนายกฯ มาแจกจ่ายให้ประชาชนถือระหว่างฟังการปราศรัยด้วย โดยก่อนการปราศรัยของนายกรัฐมนตรี ในเวลาประมาณ 16.00 น. ได้มีบรรดาแกนนำที่เป็นนิสิตนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ มหาวิทยาลัย รามคำแหง มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ฯลฯ ต่างผลัดกันขึ้นเวที กล่าวถึงผลงานการทำงานของ พ.ต.ท. ทักษิณ พร้อมทั้งกล่าวให้กำลังใจและสนับสนุนให้ พ.ต.ท. ทักษิณเป็นนายกฯต่อไป ตามด้วยทีมงาน ส.ส.นักไฮปาร์คของพรรคไทยรักไทยสลับกันขึ้นเวที ปราศรัยเรียกน้ำย่อยท่ามกลางผู้ฟังนับหมื่นคน

ตอกกลับ ปชป.แหกกติกาเสียเอง

กระทั่งเวลา 17.00 น. นายโภคิน พลกุล รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีว่า ได้มีประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ชอบนายกฯ มายึดสนามหลวง ใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ ไล่เอาๆ วันนี้เรามายึดคืนแล้ว เวลานี้พรรคประชาธิปัตย์มาแหกกติกาเสียเอง จะมาขออภิปราย นายกฯ โดยขอเสียงจากรัฐบาล พร้อมทั้งดันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกฯ แทน ซึ่งผิดระบบ ทำไม่ได้ ใครจะไปลงให้ฝ่ายค้านกล่าวหาว่าเรายุบสภาหนีความผิด ก็ไม่รู้ทำผิดอะไร และถ้าทำผิดจริง การยุบสภาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ ถ้าทำผิดต้องโดนกฎหมาย โดนศาลตามเล่นงานจนได้อยู่แล้ว ทั้งนี้การยุบสภาจำเป็นต้องมีนายกฯรักษาการ จนกว่าจะมีนายกฯคนใหม่ ถ้าให้นายกฯลาออกตอนนี้จะผิดรัฐธรรมนูญ ฝ่ายค้านยังไม่หยุด โดยอ้างมาตรา 7 ใช้ขับไล่นายกฯ อีก โดยมีเป้าหมายทำทุกอย่างเพื่อล้ม พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเดียว ผิดระบบทุกอย่าง

ไล่คนบอยคอตเลือกตั้งไปนรก

คนต่อมาที่ขึ้นปราศรัยคือ นายอดิศร เพียงเกษ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย โดยนายอดิศรกล่าวว่า สถานการณ์ในวันนี้กับเดือนตุลา ปี 2516 ต่างกันราวฟ้ากับดิน วันนี้เรามีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด แต่มีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ไม่อยากเอ่ยชื่อ เพราะเป็นเสนียดปาก แต่ชื่อพรรคประชาธิปัตย์กำลังไม่ยึดมั่นกติกา ไม่อยากเชื่อว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเป็นลูกน้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่แม้แต่หัวนอนปลาย ตีนอยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้ น้องตนก็ตายไปตอนเหตุการณ์เดือนตุลา 19 เพราะความรุนแรง วันนี้เราจะเรียกร้องหาความรุนแรงไปทำไม คนไหนที่บอยคอตการเลือกตั้งจงไปลงนรกซะ ไม่มีพรรคประชาธิปัตย์สมัยเดียว จะตายหรือเปล่า ขอให้ประชาชนรักระบอบประชาธิปไตย รักระบบรัฐสภา และรักษารัฐธรรมนูญเอาไว้ ถ้าไม่ดีก็แก้ไขกัน แต่อย่า ให้พวกข้างถนนมาแก้

ขอให้คนไม่เคารพกติกากลับใจ

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ผลที่เกิดจากการที่พรรคฝ่าย ค้านปฏิเสธการลงเลือกตั้งตามระบบ ปฏิเสธอำนาจประชาชน ถือว่านายกฯใช้ความกล้าหาญที่สุดที่จะแก้ปัญหา ไม่เคยคิดปัดความรับผิดชอบ แต่ฝ่ายค้านทำแบบไร้กติกา แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร วันนี้ประชาชนมาจากทั่วประเทศ พี่น้องวินมอเตอร์ไซค์มากันหมื่นกว่าคัน เพราะนโยบายของรัฐบาลทุกด้านสัมฤทธิผล แต่วันนี้มีคนบางกลุ่มที่ไม่สมหวังในบางสิ่ง พยายามทำทุกอย่างเพื่อฉีกกติกา ตั้งธงอย่างเดียวว่าต้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณลงให้ได้ หรือเอาให้ออกจากการเมืองไทยไปเลย แล้วพี่น้องจะยอมหรือ ที่คนทุ่มเททำงานหนักกำลังโดนรังแก มีความพยายามขัดขวางการเลือกตั้ง แม้กระทั่งการฉีกรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ขอให้ประชาชนช่วยส่งเสียงดังๆให้คนไม่เคารพกติกา ไม่ ยอมรับกติกาบ้านเมืองได้กลับใจ หันมาเห็นแก่ประเทศ ชาติเสียบ้าง

ทักษิณสั่งไม่ให้ทำร้ายใคร

ต่อมาคุณหญิงสุดารัตน์ให้สัมภาษณ์หลังขึ้นปราศรัยว่า การควบคุมสถานการณ์วันนี้ เป็นไปตามที่ วางแผนไว้ โดยไม่อยากใช้คำพูดรุนแรง เพราะจะง่ายต่อ การปลุกระดมคน พ.ต.ท.ทักษิณจึงกำชับไม่ให้ว่าร้ายใคร เพราะคนที่มาฟังก็อารมณ์ร้อนอยู่แล้ว อยากตอบโต้พวกที่ต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณอยู่แล้ว เราจึงต้องลดโทนลง ทำให้หลายคนพูดไม่ออก

อย่าสร้างความด่างพร้อยให้ ปชต.

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีว่า แม้นายกฯจะตั้งใจทำดีมาตลอด 5 ปี แต่กลับถูกคนมองว่าเป็นระบอบทักษิณ มอมเมาประชาชน ต้องทำลาย ทั้งที่จริงแล้วไม่มีระบอบทักษิณ มีแต่แนวคิดทักษิณและแนวคิดไทยรักไทย สิ่งที่พวกต่อต้านทำกันอยู่เรียกว่าอะไร ทั้งที่บ้านเมืองมีกติกาแต่แหกกติกา ปากบอกว่ารักประชาธิปไตยแต่กลับไม่ส่งคนลงเลือกตั้ง วันนี้ทั่วโลกกำลังถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมืองไทย คนไทยจะฆ่ากันเองหรือ เพราะต่างประเทศเดินขบวนเพื่อให้มีการเลือกตั้ง แต่เมืองไทยกลับเดินขบวนเพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้ง การตัดสินด้วยการเอาชนะกันทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องมีจุดพอดี ไม่ให้เสียหายกับประเทศ สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือภาพลักษณ์ของประเทศ ที่คนทั่วโลกกำลังถามว่าไทยยังเป็นประเทศประชาธิปไตยอยู่หรือไม่ และเริ่มลังเลว่าจะเข้ามาลงทุนในเมืองไทยหรือไม่ จึงอยากเรียกร้องให้พรรคการเมืองส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง อย่าเอาแต่ความสะใจมาสร้างความด่างพร้อย ให้แก่ประชาธิปไตยของประเทศ จะทำให้ประเทศนั้นถอยหลังเข้าคลอง จนถูกมองว่าการเมืองไทยไม่มีเสถียรภาพ เหมือนกับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์

ใช้ ฮ.บินสำรวจรอบสนามหลวง

จากนั้นเวลา 18.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางมาถึงสนามหลวง ท่ามกลางเสียงตะโกนเรียกชื่อ ทักษิณๆ จากประชาชนที่หลั่งไหลเดินทางมาฟังการปราศรัยจนเต็มท้องสนามหลวง และล้นไปถึงถนนราชดำเนิน บริเวณสี่แยกคอกวัว โดยประชาชนพากันยืนฟังกันแน่นสองฝั่งถนน รวมทั้งยังไปยืนฟังอยู่บนเกาะกลางถนน ทั้งนี้ระหว่างการชุมนุมนอกจากจะมีการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแน่นหนา ยังมีการใช้เฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ บินสำรวจความเรียบร้อยทั่วบริเวณดังกล่าวด้วย และก่อนหน้าที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางมาถึง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. พล.ต.ต.ปราโมช ปทุมวงศ์ ผบก. น.1 ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ย้ำแผนรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี ก่อนที่นายกฯจะขึ้นปราศรัยบนเวที โดยมีการประสานไปยังบริษัทเอไอเอสจำกัด ขอตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือชั่วคราว ตรงบริเวณรอบเวที และจุดใกล้เคียงที่นายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างรอจะขึ้นเวที เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ จุดชนวนระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือหวังปองร้ายผู้นำประเทศ

รวมพลังสามัคคีถวายในหลวง

เวลา 19.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณได้ขึ้นเวทีปราศรัยท่ามกลางเสียงโห่ร้อง และปรบมือต้อนรับดังกึกก้องทั่วท้องสนามหลวง โดย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า 5 ปีที่ผ่านมามันเหนื่อยมาก แต่มาเห็นกำลังใจวันนี้ก็หายเหนื่อย เพราะรู้ว่าพี่น้องที่มาวันนี้รักประชาธิปไตย รักสันติ รู้ดีว่าปีนี้เป็นปี 60 ปีแห่งการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เรารัก ตนก็เช่นกัน จึงจะชวนพวกฝ่ายที่ต่อต้านว่า เรามารักกันเพื่อพระเจ้าอยู่หัวของเรา เราแตกต่างความคิดได้แต่แตกแยกไม่ได้ เพราะเราอยู่ ตามลำพังไม่ได้ เพราะโลกจับตาอยู่ แล้วอยู่ๆพรรค การเมือง 370 กว่าเสียง กลับมายุบสภาก็ทำให้เกิดความสงสัย โดยข้อมูลทั้งหมดในวันนี้ ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของพรรคไทยรักไทย วันนี้มีคนบอกตนว่าเป็นนายกฯอย่าพูด แต่วันนี้ต้องพูด วันนี้ความเป็นนายกฯของตนสิ้นสุด เพราะยุบสภาแล้ว หลังเลือกตั้งอาจจะเป็นตนหรือไม่ใช่ก็ได้ เพราะเป็นประชาธิปไตย ตนได้ตั้งตู้ ปณ.888 เพื่อให้พี่น้องที่มีความอึดอัด อยากจะแสดงออกว่ารักสันติ รักประชาธิปไตย ก็ส่งมา วันนี้มาแล้ว 5.3 ล้านใบ ซึ่งอยากจะบอกว่าให้ลดราวาศอก แล้วมารวมพลังเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าหากอยากจะเล่นงานตน เมื่อเสร็จงานก็ค่อยว่ากัน วันนี้ก็ต้องขออภัยชาว กทม.ที่ทำให้รถติด

ข้องใจทำไมกลัวเสียงประชาชน

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ช่วงนี้ข่าวลือเยอะมาก ข่าวบิดก็ไม่ใช่น้อย ทำให้คนงงกันไปหมดว่าประเทศไทย แย่อย่างนี้เชียวหรือ แต่ตราบใดที่ตนยังทำหน้าที่นายกฯ ก็จะไม่ยอมให้ประเทศแย่แน่นอน บ้านเมืองต้องมีกติกา ถ้ากติกาไม่ดีก็ต้องร่วมกันแก้ไข ไม่ใช่ว่ากติกาถูกใจหรือไม่ถูกใจ มันไม่มี ฉะนั้น เมื่อเลือกตั้งจบแล้ว ก็ขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อถวายและมอบแด่พระราชอาคันตุกะ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะเชิญมาจากทั่วโลก เพื่อร่วมฉลอง 60 ปีแห่งการครองราชย์ และขอเรียกร้องว่าต้องสามัคคีกัน เลิกทะเลาะกัน ทำไมต้องทำให้ผู้นำรุ่งริ่ง ก่อนจะเจรจากับต่างประเทศ เมื่อมองตนเป็นปัญหาที่คนกลุ่มหนึ่งออกมาขับไล่ให้ออกไป แต่คนอีกกลุ่มใหญ่บอกให้สู้ๆ และประกอบกับนอกสภาฯมีนักการเมืองไปเกี่ยวข้องด้วย จึงต้องยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน แต่แล้วทำไมต้องกลัวการตัดสินใจของประชาชน



ไม่ถึงครึ่งไม่เป็นนายกฯ



ผมพร้อมจะทำอย่างไรก็ได้ ขอวิงวอนแบบไหนก็ได้ ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคมหาชน ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ได้โปรดเถิด ท่านคิดเองเออเอง ประชาชนมีหนึ่งเสียงเท่ากันหมด ขอให้ประชาชนตัดสินใจได้หรือไม่ ถ้าเกิดทั้ง 3 พรรคบอกว่าจะเป็นจะตาย จะดำจะแดงก็ไม่ลง ขอร้อง ช่วยไปบอกประชาชนว่า กรุณาลงคะแนนไม่ออกเสียงก็ได้ ถ้ามีคนไปใช้สิทธิเลือกผมไม่ถึงครึ่งหนึ่ง ไปเลือกงดออกเสียงหรือพรรคอื่นเกินครึ่งหนึ่ง ผมก็จะไม่เป็นนายกรัฐมนตรี ผมพร้อมจะถอย ถ้าประชาชนไม่ต้องการ แต่ถ้าประชาชนเลือก โดยผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกพรรคไทยรักไทยเกินกึ่งหนึ่ง ผมก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวและว่าขอให้คิดว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน วันนี้ไม่อยากให้บ้านเมืองเป็นเรื่องของอารมณ์ อยากให้เป็นเรื่องของสติปัญญา ถ้าจำได้ตนได้ให้อธิการบดี 137 มหาวิทยาลัยไปศึกษาโดยใช้ศาสตร์มาตอบโดยไม่ใช้อารมณ์

ขอเวลาปีเศษปฏิรูปการเมือง

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า เจตนารมณ์ของพรรคไทยรักไทยชัดเจน เข้ามาแล้วปฏิรูปการเมืองทันที แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 131 เพื่อนำไปสู่การคัดสรรกรรมการ กลางเพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งได้ใช้แนวทางหลายแบบที่น่าสนใจก็คือสมัย 2517 นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ใช้สมัชชาสนามม้า ซึ่งมีบุคคลหลากหลายอาชีพเข้ามาเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่ช่างตัดผมตุ๊กตุ๊ก มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็เป็นกรรมการได้ และมีคนกลางที่มีความรู้มาดูแลให้เป็นระบบ และเมื่อร่างเสร็จแล้วก็จะมีกฎหมายลูกใช้เวลาประมาณ 1 ปี บวกลบ 3 เดือนจนร่างเสร็จ รวมทั้งกฎหมายลูกก็ร่างเสร็จ ไปถามประชาชนพอใจแล้ว ตนก็พร้อมยุบสภาเลือกตั้งใหม่อีกรอบ

ไหว้วัดพระแก้วพูดความจริง

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวอีกว่า ตนเป็นมนุษย์ซึ่งมีข้อบกพร่องเป็นธรรมดา แต่ไม่ได้เลว แต่ 5 ปีที่ผ่านมาไม่มีความดีเลยหรือ รัฐธรรมนูญฉบับนี้พรรคไทยรักไทยก็ไม่ได้เป็นคนร่าง กฎหมายลูกทั้งหลายก็ไม่ได้เขียน เป็นกติกาสมัยพรรคประชาธิปัตย์ทั้งนั้น ท่านเขียนกติกาเองก็มาเล่นเองเถอะ ตอนนี้ตนจะพูดความจริง จะไหว้วัดพระ แก้วและศาลหลักเมือง และพระบรมมหาราชวัง โดยจะพูดความจริงที่ถูกบิดเบือนมาตลอด เพราะไม่ได้มีโอกาสได้พูด หรือพูดก็ไม่มีพื้นที่ กฎหมาย ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 ที่ไม่ให้นักการเมืองถือหุ้น แต่ได้โอนขายหุ้นให้กับลูกชายที่บรรลุนิติภาวะ กฎหมายถือว่าเป็นคนละคนกัน โดยโอนล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2543 ตนเป็นนายกฯ เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2544 ดังนั้น ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2543 ไม่มีหุ้นกลุ่มชินเป็นของตัวเอง หรือของเมียของลูกที่ไม่บรรลุนิติภาวะแม้แต่หุ้นเดียว ตนโดนเล่นงานก่อนจะมาเป็นนายกฯ ป.ป.ช.สอบตนตั้งแต่สมัยเป็นรองนายกฯสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ 3 เดือนก็ตอบจนเคลียร์หมดแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้วก็ยังมาโดนอีก แล้วก็เอาเรื่องเก่าขุดมาใหม่ พูดใหม่ เขียนใหม่ จริงๆก็คือคนเดียวกันนี้มันไม่มีหุ้นตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2543 แล้ว

ยืนยันทำถูกต้องตามกฎหมาย

พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวต่อไปว่า ดังนั้น การขายหุ้นของกลุ่มชินเป็นเรื่องของครอบครัว ส่วนเรื่องการขายหุ้นเสียภาษีหรือไม่นั้น มันไม่ได้เกี่ยวว่าจำนวนเงินมากหรือน้อย แต่กฎหมายฉบับนี้ออกมาตั้งแต่สมัยนายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และนายสมหมาย ฮุนตระกูล เป็น รมว.คลัง เมื่อปี 2517 บอกว่าหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาด ส่วนล้ำค่าหุ้นไม่ต้องเสียภาษี และตั้งแต่ มีตลาดหุ้นมาก็มีการซื้อขายไปแล้ว 33.7 ล้านล้านบาท ไม่ได้เสียภาษีเลยแม้แต่รายการเดียว เอาเงินไปเสียกรมสรรพากรก็ไม่รับ เพราะกฎหมายบอกว่าไม่ต้องเสีย บางคนบอกว่าเงินมันเยอะควรต้องเสีย ซึ่งมันก็ไม่เกี่ยว เพราะกฎหมายบอกว่าไม่เสีย ทั้งนี้ ตลาดหุ้นก็คือแหล่งออมเงินแห่งหนึ่ง แต่ไม่มีการค้ำประกันการเสี่ยงเหมือนธนาคาร ขนาดหุ้นตกบริษัทต้องปิดกิจการรับผิดชอบความเสี่ยงเอง กลุ่มชินเสียค่าตอบแทนให้รัฐไม่น้อยกว่า 1 แสนล้าน เสียภาษีไปแล้วไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้าน ครอบครัวตนเสียภาษีไปแล้วเกือบ 3 พันล้านบาท วันนี้เมื่อขายหุ้นไปแล้วเอาเงินไปฝากธนาคาร ก็ต้องเสียภาษีดอกเบี้ยต่อปี อีกปีละเกือบ 3 ร้อยล้านบาท ดังนั้น ความจริงครึ่งเดียวถูกพูดอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ หลังจากปี 2532 ก็มีกฎกระทรวงการคลังที่ 180 ออกมาใหม่ก็ยังยืนยันให้ยกเว้นภาษีซื้อขายหุ้นในตลาด หุ้นกู้ และพันธบัตรที่ไม่ใช่เป็นของรัฐเซ็น โดยนายประมวลสภาวสุ รมว.คลัง พ่อของคนที่ออกมาด่าตน

แจงยิบตั้งแอมเพิลริชชอบธรรม

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวต่อว่า อีกตัวหนึ่งที่พูดกันคือแอมเพิลริช ตนก่อนเป็นนักธุรกิจ ตนจะเอาหุ้นไปขายในตลาดเพื่อเอาเงินฝรั่งเข้าประเทศ ก็เอาหุ้นส่วนหนึ่งไปจองไว้เป็นหุ้นต่างประเทศ ก็เลยเอาหุ้นไปจดทะเบียนเป็น บ.แอมเพิลริช ที่เกาะบริติชเวอร์จิ้น ซึ่งเป็นสิทธิและเป็นเรื่องปกติ เพราะต่างประเทศไม่ได้เอาสิทธิทางภาษีในประเทศไทย เพราะหุ้นนี้ซื้อขายในตลาดไทยนั้นไม่ เสียอยู่แล้ว ซึ่งประเทศไทยมีบริษัทไปจดทะเบียนเช่นนี้เยอะ ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นทีพีไอของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ที่เป็นนายทุนม็อบก็ไปจดเหมือนกันที่เคย์แมน ไม่ได้ผิดอะไรเลย แต่ถ้าทำธุรกรรมในประเทศไทยก็เป็นไปตามกฎหมายของประเทศ ที่มีการซื้อขายก็ไม่ต้องเสียภาษี หากซื้อขายนอกตลาดในราคาทุนก็ไม่ต้องเสีย ทุกอย่างทำถูกต้องหมด เพราะลูกๆบรรลุนิติภาวะ เขาก็จ้างที่ปรึกษา มีอะไรก็ปรึกษาลุง ลูกเขาอยากให้พ่อทำงานการเมืองเต็มที่ เราก็บอกว่าดีเหมือนกันที่อยากทำการเมืองเต็มที่ แต่กลับถูกรุมอัด ไม่ได้เอาของคนอื่นมา เป็นสิทธิของเขา เขาขายทรัพย์สินของเขาขายทรัพย์สินตัวเองก็มีความผิดหรือ ไม่เสียภาษีเพราะกฎหมายไม่ให้เสียก็ผิดหรือ

เขียน กม.ตั้งแต่สมัยชวน

รักษาการนายกรัฐมนตรีชี้แจงอีกว่า มีอีกเรื่องที่ถูกกล่าวหา โดยเฉพาะ พล.ต.จำลองที่กล่าวหาว่าแก้กฎหมายแค่ 2 วันก็ขายหุ้นเลย ตนไม่ได้เก่งขนาดนี้ จะรู้ล่วงว่าแก้กฎหมาย 2 วันก็เสร็จ ขนาดพระราชกำหนด ยังต้องใช้เวลามากกว่า 2 วัน ซึ่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม เป็นกฎหมาย ที่เสนอตั้งแต่สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ปี 2543 ซึ่งมีมาตรา 8 ระบุว่าจะให้ต่างชาติถือหุ้นเท่าไร ซึ่งสมัยนายชวนก็บอกว่าแล้วแต่ กรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นผู้กำหนด กรรมาธิการก็แก้ให้ตกลงว่า 49 ต่อ 51 พอมาถึงรัฐบาลตน วุฒิสภาก็ขอแก้เป็น 25% พอแก้เป็น 25% ก็ได้รับการร้องเรียนจากต่างประเทศ บริษัทต่างๆ คือ ทรู ทีทีแอนด์ที และยูคอม มาร้องเรียน โดยเฉพาะบริษัทเทเลนอร์มาหาตนว่า 25% ไม่ได้ขอเป็น 49% เพราะถือเป็นการเปิดเสรีโทรคมนาคมตามดับเบิ้ลยูทีโอ ดังนั้น จึงเป็น 49% และ 51% และระหว่างแก้กฎหมาย บริษัทยูคอมก็ขายหุ้นให้บริษัทเทเลนอร์ 38% ทั้งๆที่กฎหมายยังใช้ 25% แต่ ก็ไม่มีใครโวย ความจริงยูคอมก็ไม่ผิด เพราะกฎหมายไม่ได้ย้อนหลังในความเป็นโทษที่มีหุ้นที่ต่างชาติถืออยู่เกิน 25% ดังนั้น การแก้กฎหมายจึงเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เกี่ยวเลย แต่พวกนี้พยายามยัดเยียดให้ตน อะไรไม่ดีก็มาฝากทักษิณไว้เรื่อย

เผยซึ้งใจน้ำตาคลอเบ้า

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องสัมปทานที่บอกว่าขายวงจรดาวเทียม ขายความถี่ให้ต่างชาติ พูดได้เท่จริงๆ เรื่องนี้กฎหมายไม่ได้ให้อำนาจ ใครเป็นเจ้าของเครื่องมือสื่อสารและวงโคจรความถี่เลย รัฐเป็นเจ้าของ บริษัทเป็นเพียงคู่สัญญาที่ลงทุน ให้บริการ เก็บกำไร เพราะฉะนั้นครอบครัวตนขายหุ้น ไม่ได้ขายสัมปทาน ซึ่งหุ้นก็คือสินค้าตัวหนึ่งที่ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ ถ้าใครได้หุ้นมากก็ไปเปลี่ยนกรรมการบริหารเท่านั้นเอง คนทำงานก็ยังเป็นคนไทยหัวดำทั้งนั้น อีกข้อกล่าวหาหนึ่งคือเขาหาว่าตนเป็นฮิตเลอร์ เป็นเผด็จการ แต่ฮิตเลอร์มันต้องฆ่าหมู่ไม่ฟังใคร แต่ของตนชาวบ้านบอกสู้ๆ ตนยังไม่กล้าออกเลย ก่อนจะขึ้นเวทีตนคอตัน น้ำตาคลอเบ้า ซึ้งใจจริงๆ ดังนั้น คนที่น้ำตาคลอเบ้าและซึ้งใจเป็นเผด็จการ ไม่มีแน่นอน
บ่นซวยที่มี ส.ส.มาก

ผมกล้ายืนยันว่านายกฯที่ประชาชนไว้ใจคนนี้จะไม่ทำเสื่อมเสียจริยธรรมเด็ดขาด ถ้าทำไม่ดีผมพร้อมจะไปยืมห่วงผูกคอของคุณฉลาด วรฉัตร ที่หน้าสภาฯมาผูกคอตัวเอง ตายเสียดีกว่าที่จะคิดชั่ว เพื่อนของผมที่เป็นฝ่ายค้านบอกว่า ไม่เคยมีใครที่มีอำนาจและมี ส.ส. ขนาดนี้ ขนาดจอมพลสฤษดิ์กลับมาเกิดใหม่ก็ยังทำไม่ได้ จนเป็นความซวยของผมที่ใครก็มาคาดหวัง เมื่อทำให้ ไม่ได้ก็โกรธ ตั้งแต่มาเป็นนายกฯเพื่อนก็หาย ญาติก็โกรธ เพราะคิดว่ามีอำนาจมาก แต่ทำให้ไม่ได้ พ.ต.ท. ทักษิณกล่าวและว่า ส่วนข้อหาที่ว่าแทรกแซงสื่อนั้น ต้อง ขออุทธรณ์ วันนี้ตนถูกสื่อแทรกแซง ถูกต่อว่ามากที่สุดวันๆทำแต่งานยังถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงองค์กรอิสระเช่น เจ้าของบ้านหมอเหล็ง ได้เป็นตุลาการศาลปกครอง ถ้าตนมีอำนาจจริงก็คงไม่ให้เพราะเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ หรือในศาลรัฐธรรมนูญบางคนก็ปฏิเสธรัฐบาลมาตลอด ถ้าแทรกแซงจริง ต้องไม่มีเรื่องเช่นนี้ แต่ที่ผ่านมาคนดูแค่ผิวเผิน แล้วมีนักแต่งคำไม่กี่คำก็ทำให้ตนซวยฟรี


ง้อคืนดี สนธิ จำลอง เสนาะ



พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า อยากเรียกร้องให้มิตรเดิมๆ ที่เคยโกรธตนกลับมาหาและพูดคุยกัน ขอติตัวเองว่าแย่ เพราะ 1. ปากจัด 2. คิดเร็ว ใครหวดมาก็หวดไป 3. ทำงานมากไปจนไม่มีเวลาให้เพื่อน ทำให้เพื่อนน้อยใจ ต่อไป จะกลับตัวกลับใจ พูดจาสุภาพเรียบร้อย ไม่ปากไว ท้าทายใคร และจะให้เวลาคนอื่นมากขึ้น อยากให้เพื่อนสนธิ แวะมาคุยกันหน่อย จะให้ไปกินข้าวที่ท่าพระอาทิตย์ หรือ ที่ไหนก็ได้ ขอให้หันหน้าเข้าหากันเพื่อชาติและสมานฉันท์ ส่วนท่านจำลองที่ไม่สบายใจ โดยที่ไม่ได้มาคุยกับผมเลย อาจเป็นเพราะโทร.มาแล้วไม่รับนัดหรือไม่ ถ้ารู้เดี๋ยวจะ ไปเขกกบาลให้ วันนี้เข้าใจผิดก็ไม่เป็นไร เพราะจะไปหา เพื่อปรับความเข้าใจ ส่วนพี่เหนาะที่บอกจะแขวนคอผม ทำไมใจร้ายกับน้องขนาดนี้ ผมยังไม่ใจร้ายกับลูกน้องของ พี่เหนาะเลย ลูกน้องพี่เหนาะที่ด่าผมก็ส่งลงเลือกตั้งหมด ให้อภัยหมดแล้ว พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักเมตตา การเป็น ผู้นำต้องใช้สุทธิ เมตตา ปัญญา ขันติ ขอให้คนที่เคยชอบ กันลืมเรื่องปัจจุบัน แล้วกลับมาคุยกัน จะมาหาหรือให้ผมไปหาก็ได้ ต่อไปจะมีเวลาให้กับสังคมมากขึ้น แต่เวลาให้ประชาชนต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง และต้องจัดสรรเวลาที่เหลือให้กับคนในสังคม เพื่อไม่ให้สนามหลวงถูกจองอยู่เรื่อยๆ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว

วอน 3 พรรคเลิกบอยคอตเลือกตั้ง

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า นอกจากนี้อยากฝากไปยัง นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้เห็นแก่บ้านเมือง ส่งคนลงสมัครเลือกตั้ง ถ้า กกต.จะเลื่อนเวลารับสมัครออก ไปก็ไม่ขัดข้อง เพราะเป็นอำนาจ กกต.อยากให้ประชาชนได้ตัดสินใจ เพราะไม่มีใครคิดเหมือนกันทั่วประเทศ

ยืนยันไม่มีคำว่า ระบอบทักษิณ

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวด้วยว่า เมืองนอกใครแซงคิวไม่ได้ แต่ของไทยพอคนตัวโตมาแซงคิวก็ต้องหลบให้ อย่างนี้เป็นนิสัยไม่ดี จึงอยากขอให้ทุกฝ่ายหันเข้ากติกา เคารพรัฐธรรมนูญ ตอนเข้ามาก็ถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่า จะจงรักภักดี ซื่อสัตย์สุจริต จะรักษารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประกาศ แต่วันนี้คำปฏิญาณหายไป ไหนหมด ถ้าไม่ชอบรัฐธรรมนูญก็แก้ไขได้ แต่อย่าทำอะไร ตามอำเภอใจ แล้วไปปล่อยข่าวว่ากลัวแพ้พรรคไทยรักไทย ที่ได้เปรียบทุกประตู ความจริงการเลือกตั้งเปิดให้เสนอนโยบาย พรรคไทยรักไทยลงสนามก็ต้องให้ประชาชนตัดสิน มาบอกว่าต้องล้มล้างระบอบทักษิณ มันไม่มีหรอก มีแต่ ระบอบประชาธิปไตย ทักษิณมาจากการเลือกตั้ง ประชาชนให้มาทำงานก็ต้องทำ ตนไม่ต้องการให้ฉีกรัฐธรรมนูญ ไม่ อยากให้เกิดความขัดแย้ง อยากให้บ้านเมืองเกิดสันติสุข เพื่อนเก่าคนไหนที่ยังข้องใจหรือไม่เข้าใจให้มาหาได้ จะจับเข่าคุยกันเลย วันนี้ยอมถอยทุกอย่างแล้ว

สาบานวัดพระแก้วเจ้าพ่อหลักเมือง

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ตอนแรกรู้สึกอึดอัด คิดว่า แค่ 30-40 ที่นั่งก็พอแล้ว เพราะเหนื่อยมาก แต่มีคนแก่ คนหนึ่งมาบอกให้ช่วยเป็นนายกฯให้คนจนหน่อย จึงเกิดความรู้สึกฮึดขึ้นมา รถไฟฟ้าก็ต้องทำให้ได้ ขอให้ประชาชน เชื่อคำพูดของตนอีกครั้งเดียว จะทำให้ดู จากนั้น พ.ต.ท. ทักษิณได้ยกมือขึ้นไหว้พร้อมกล่าวว่า สุดท้ายนี้ผมขอสาบานต่อหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง วัดพระแก้วมรกต ปราสาทพระเทพบิดร และขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจงทรงพระเจริญ และขอให้ประชาชนทุกคนที่มาวันนี้เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพและปลอดภัย หลังกล่าวจบมีประชาชนนำดอกไม้ไปมอบให้ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นจำนวนมาก ขณะที่นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ กรรมการบริหาร พรรคไทยรักไทย ประกาศบนเวทีว่า วันนี้มีประชาชนนำ รายชื่อกว่า 1 แสนรายชื่อ มาให้เพื่อสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯต่อไป

เฮโลมอบดอกไม้ให้นายกฯ

ภายหลังเสร็จสิ้นการกล่าวปราศรัยเปิดใจเป็นเวลายาวนานกว่า 1 ชั่วโมง ผู้มาฟังการปราศรัยได้ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีเสียงดังกระหึ่มท้องสนามหลวง จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยแกนนำพรรคและอดีต ส.ส.พรรค ได้เดินมาบริเวณหน้าเวที รับมอบดอกกุหลาบ ที่ประชาชนผู้มาให้กำลังใจนำมามอบให้ โดยประชาชนได้เบียดเสียดเพื่อเข้าให้ถึงตัวนายกฯ มอบดอกกุหลาบอยู่ประมาณ 15 นาที พ.ต.ท.ทักษิณก็เดินทางออกจากสนามหลวง พร้อมกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา โดยตลอดทาง ที่ไปขึ้นรถนั้น ยังมีประชาชนมามอบดอกไม้ให้ตลอด ซึ่งบรรดาอดีต รมต. แกนนำพรรค และอดีต ส.ส.พรรคได้เป็นตัวแทน พ.ต.ท.ทักษิณรับมอบดอกไม้และแจกลายเซ็นให้แก่ผู้ที่มาสนับสนุนแทน


ตร.เฝ้าเต็นท์ม็อบสนธิกันเหตุร้าย

ส่วนที่บริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ ยังมีกลุ่มผู้ สนับสนุนนายสนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งเต็นท์ปักหลักไม่ยอมถอยอยู่ 2 เต็นท์ คือกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มหนี้สินภาคประชาชนที่ยังตั้งเต็นท์ติดป้ายผ้าโจมตีนายกฯอยู่ ซึ่งตำรวจได้นำรั้วเหล็กเข้าไปล้อมบริเวณโดยรอบเต็นท์ และคอยเฝ้าสังเกตการณ์ไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น เช่นเดียวกับเวทีปราศรัยของกลุ่มนายสนธิ ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกระจายกำลังล้อมอยู่เช่นกัน

ม็อบอีกกลุ่มนัดเจอ 5 มี.ค. ที่สวนลุมฯ

นอกจากนี้ ในบริเวณท้องสนามหลวง มีกลุ่มประชาชนที่อ้างว่า เป็นกลุ่มพลังแผ่นดินเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มชมรมคนรักทักษิณจำนวนหนึ่ง ได้เดินแจกใบปลิวแถลงการณ์ที่มีเนื้อหาเชิญชวน ให้ประชาชนไปรวมตัวกันวันที่ 5 มี.ค. เวลา 15.00 น. ที่สวนลุมพินี นายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง แกนนำกลุ่มเปิดเผยว่า การนัดชุมนุมของผู้ ที่ไม่เห็นด้วยกับการเล่นนอกสภาของพรรคฝ่ายค้านครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการจัดตั้งลักษณะม็อบชนม็อบ แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วย และเป็นกลุ่มพลังเงียบเหล่านี้ใช้เป็นเวทีระบายออก มิฉะนั้น อาจจะรวมตัวกันก่อความวุ่นวายหรือปะทะกับพวกคัดค้านได้ ขอยืนยันว่ากลุ่มไม่ได้สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ต้องการรักษารัฐธรรมนูญและอยากให้มีการเลือกตั้งตามระบอบ คาดว่าในวันที่ 5 มี.ค. จะมีคนเข้าร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน

ชาวปากน้ำเชียร์ทักษิณทำงาน

นายสมและนางอารีย์ ศรีโฉมงาม อายุ 67 ปี 2 สามีภรรยาชาวสมุทรปราการ อาชีพค้าขาย เผยว่า วันนี้หยุดขายของ 1 วัน มาให้กำลังใจนายกฯ เพราะนายกฯให้อะไรกับประเทศมากมาย อาทิ โครงการบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน ปราบยาเสพติด ปราบอิทธิพล ตนเป็นคนค้าขายเคยเจอพวกมีอิทธิพลมารังแก แต่เดี๋ยวนี้พวกนี้หมดไปเพราะนายกฯสั่งปราบ จึงเดินทางมาให้ กำลังใจและขอให้ท่านเป็นนายกฯของประเทศต่อไป

สื่อ ตปท.ประโคมข่าวทั่วโลก

สำนักข่าวเอพี เอเอฟพี รอยเตอร์ พากันรายงานข่าวการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร บริเวณท้องสนามหลวง ในช่วงค่ำของวันที่ 3 มี.ค. โดยรายงานว่ามีประชาชนจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งสนับสนุนนายกฯทักษิณแห่เดินทางมายังกรุงเทพฯ อาทิ โดยรถบัส ซึ่งโดยสารเกษตรกรจากจังหวัดเชียงใหม่มาเต็มคันรถ นักเรียนในภาคกลางรวมทั้งคาราวานผู้ขับขี่รถสามล้อ โดยมีรถบัสเล็กกว่า 100 คัน ติดป้ายสนับสนุนนายกฯทักษิณ เกษตรกรรายหนึ่งเผยกับรอยเตอร์ว่าเขาไม่สนใจว่าคนอื่นๆ จะคิดอย่างไร แต่พวกเขาชื่นชม นายกฯทักษิณ เพราะเขาช่วยเหลือคนยากจน

ชี้ปราศรัยเพื่อปลดชนวน

เอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์ ยังรายงานด้วยว่า ประชาชนจากทั่วประเทศอย่างน้อย 100,000 คน เข้าร่วมรับฟังการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายก รัฐมนตรี ที่ท้องสนามหลวง นับเป็นการแสดงพลังเพื่อสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณและเป็นความพยายามของ พ.ต.ท.ทักษิณที่จะปลดชนวนแรงกดดันอย่างหนักหน่วงให้ลาออก ก่อนที่ฝ่ายค้านจะชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่รอบใหม่ที่ท้องสนามหลวงเช่นกันในวันที่ 5 มี.ค. ในการปราศรัยครั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า การเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนดใน 2 เม.ย.ที่จะถึงนี้ จะเป็นการลงประชามติว่าประชาชนจะยอมรับให้ตนเป็นผู้นำบริหารประเทศต่อไปหรือไม่ พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าถ้าได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง จะผลักดันปฏิรูปการเมืองและแก้ไขรัฐธรรมนูญภายใน 1 ปี จากนั้นจะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวด้วยว่า ถ้าผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งไม่ยอมออกไปใช้สิทธิ์หย่อนบัตรเกินกว่า 50% หรือสนับสนุนพรรคการเมืองอื่นมากกว่าพรรคไทยรักไทย ตนจะยอมลาออก


ชี้รัฐบาลใหม่จะเป็นรัฐบาลโจ๊ก

ขณะที่นายชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ ประธานสถาบันการเรียนรู้และพัฒนาประชาสังคมกล่าวว่า รัฐบาลใหม่ ที่มาจากการเลือกตั้งไม่ชอบธรรม จะกลายเป็นรัฐบาลโจ๊ก และนายกรัฐมนตรีที่มาด้วยความไม่ชอบธรรมจะกลายเป็นตัวตลก หมดความเชื่อถือในสังคมโลก ถ้าภาคประชาชนร่วมกันประท้วงรัฐบาล ด้วยการหยุดงานพร้อมกันทั่วประเทศ จะเป็นแรงกดดันได้อย่างมหาศาล

ตั้งศูนย์ประสานงานนิสิตนักศึกษา

ส่วนที่อนุสรณ์สถานวีรชน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว เมื่อเวลา 15.00 น. นิสิตนักศึกษากลุ่มแรงค์คิดส์ (rangkids) นำโดย น.ส.กุลชยา เต็มชวาลา และนายวรพงศ์ จันทร์เพ็งเพ็ญ คณะกรรมการเฉพาะกิจศูนย์ประสานงานนักเรียนนิสิตนักศึกษา (ศนศ.) ได้ร่วมกันแถลงข่าวว่า จากการชุมนุมที่ผ่านมา มีนักเรียนนักศึกษา ให้ความสนใจเข้าร่วมชุมนุมจำนวนมาก คณะกรรมการ ศนศ.เห็นว่าน่าจะมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเฉพาะกิจขึ้น ในวันที่ 5 มี.ค. เพื่อให้นักศึกษาได้มีศูนย์กลางในการประสานงานของกลุ่มและองค์กรต่างๆ โดยจะใช้พื้นที่สนามหลวงบริเวณตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นกองอำนวยการในการประสานงานนักเรียนนิสิตนักศึกษา ที่จะเข้าร่วมการชุมนุม โดยจะมีการรวมพลในเวลา 14.00 น. วันที่ 5 มี.ค. ที่ลานโพธิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จากนั้นจะเคลื่อนขบวนเข้าสู่สนามหลวงโดยนิสิตนักศึกษาทุกคน จะสวมชุดนักศึกษาหรือเสื้อสีขาว เพื่อแสดงพลังบริสุทธิ์และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งในขณะนี้มีคนสนใจเข้าร่วมลงชื่อ เพื่อแสดงพลังกว่า 1 พันคนแล้ว

ตำรวจเตรียมรับมือม็อบ 5 มี.ค.

ในส่วนการเตรียมการรับมือม็อบวันที่ 5 มี.ค.นั้น พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผช.ผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเมื่อวันที่ 3 มี.ค. ถึงการเตรียมความพร้อมรับมือม็อบ ว่า เจ้าหน้าที่ได้ประเมินสถานการณ์ทั้งหมด คาดว่าแนวโน้มผู้ชุมนุมจะลดลงและคงไม่ยืดเยื้อ เหตุเพราะในวันที่ 6 มี.ค. จะเป็นวันทำงาน แผนรับมือเราจะปรับไปตามเหตุการณ์ ส่วนแผนกรกฎ 48 พิทักษ์เมือง ได้รองรับโดยใช้กำลังตำรวจนครบาล 5 พันนาย และเสริมด้วยกำลังตำรวจภูธรที่อยู่ใกล้เคียง แต่ถ้าไม่สามารถรองรับเหตุการณ์ได้ ก็จะมีแผนรักษาความสงบเป็นชั้นๆ จนถึงชั้นสุดท้าย โดยมีกำลังทหารเข้ามาสนับสนุน ขอให้สบายใจได้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 5 มี.ค. ขอความกรุณาพี่น้องประชาชนชุมนุมกันอย่างสงบและเปิดเผย ขอให้เชื่อฟังเจ้าหน้าที่ถ้ามีการเคลื่อนกำลัง เหมือนเช่นวันที่ 27 ก.พ. ที่ผู้ชุมนุมเคลื่อนพลอย่างสงบอยู่ในกรอบ ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้ชุมนุมและขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วย

ปชป.เดินสายแจงเหตุไม่สมัคร

ในขณะที่พรรคไทยรักไทยเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 3 มี.ค. นั้น เย็นวันเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดเวทีชี้แจงประชาชนให้เข้าใจ ถึงสาเหตุที่ไม่ส่งผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ ที่สนามสี่แยกเจ๊ะบิลัง เขตเทศบาลเมืองสตูล จ.สตูล มีประชาชนเข้าฟังการปราศรัยประมาณ 5 พันคน สำหรับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ที่ร่วมปราศรัยประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ฯลฯ ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ที่เดิมมีกำหนดเดินทางไปด้วย แต่ได้ยกเลิกกะทันหัน เนื่องจากต้องร่วมประชุมกับแกนนำอีก 2 พรรคที่กรุงเทพฯ โดยสาระในการปราศรัย นายสุเทพกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แทรกแซงองค์กรอิสระ แทรกแซงและข่มเหงสื่อ การเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ ไม่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ แต่กลับทำให้ประเทศชาติเสียหาย พรรคประชาธิปัตย์จึงไม่ขอส่งผู้สมัคร

จากนั้นคณะแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ได้มาเปิดเวทีชี้แจงแก่พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสงขลา โดยแบ่งเป็น 2 เวที คือที่สนามสระบัว เขตเทศบาลนครสงขลา และเวทีโรงเรียนเทศบาล 1 (เอ็งเสียงสามัคคี) เทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ โดยที่เวทีโรงเรียนเทศบาล 1 มีอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายธานินทร์ ใจสมุทร นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ขึ้นพูดชี้แจง ซึ่งมีผู้มาฟังการปราศรัยกว่า 2 หมื่นคน


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์