จากไทยรัฐ
หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ตกเป็นฝ่ายตั้งรับมานาน โดยถูกกลุ่มนักวิชาการ อาจารย์ และนักศึกษา รวมทั้งกลุ่ม เครือข่ายพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยกดดันบีบ ให้ลาออกจากตำแหน่ง อีกทั้งอดีต พรรคฝ่ายค้านยังคว่ำบาตร ไม่ส่งคนลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ด้วยนั้น ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณได้เปิดเกมรุก จัดเวทีใหญ่ที่ท้องสนามหลวง ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่างๆ ท่ามกลางประชาชน ที่ไปร่วมฟังการชุมนุมจำนวนนับแสนคน
ทักษิณ เมินคำถามม็อบชนม็อบ
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 3 มี.ค.นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เดินทางไปทำงานตามปกติ โดยมีสีหน้าเรียบเฉย เมื่อผู้สื่อข่าวที่ดักรอสัมภาษณ์อยู่บริเวณประตูทางเข้าตึกไทยคู่ฟ้ายิงคำถามว่า การจัดเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคไทยรักไทยในช่วงค่ำวันเดียวกันนี้ จะเป็นการสร้างเงื่อนไขความรุนแรงให้เกิดขึ้นระหว่าง 2 ฝ่ายหรือไม่ ปรากฏว่า พ.ต.ท.ทักษิณหันมายิ้มพร้อมกล่าวว่า ก็ชอบถามอย่างนี้ จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนห้องทำงานทันที
เปลี่ยนรถชิ่งหนีนักข่าว
ต่อมาเวลา 10.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยหลบเดินลงประตูหลังตึกไทยคู่ฟ้า และใช้รถคันอื่นเพื่อไม่ให้ผู้สื่อข่าวติดตาม ส่วนรถที่ พ.ต.ท.ทักษิณใช้ประจำนั้น คนขับรถได้ขับออกจากทำเนียบรัฐบาลไปก่อนหน้านี้แล้ว อ้างว่าไปเติมน้ำมัน อย่างไรก็ตาม บุคคลใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณเปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณออกไปรับประทานอาหารเท่านั้น ไม่มีอะไร พร้อมแจ้งให้ผู้สื่อข่าวไปรอทำข่าวที่ทำการพรรคไทยรักไทย
กระทั่งเวลา 12.20 น. พ.ต.ท.ทักษิณจึงเดินทางเข้าที่ทำการพรรคไทยรักไทย ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทันทีที่เห็นผู้สื่อข่าว พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวว่า หิวข้าวๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า ระหว่างเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 2 มี.ค. พระองค์ทรงรับสั่งอะไรบ้าง พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ไม่มีอะไร เมื่อถามว่าที่หายไปในช่วงสายได้ไปพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมตอบคำถามแล้วเดินเลี่ยงขึ้นลิฟต์ไปทันที
โวยข่าวลือประกาศลาออก
จากนั้นเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางออกจากที่ทำการพรรคไทยรักไทย กลับไปบ้านซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 โดยก่อนออกจากพรรคได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จะกลับบ้านไปเตรียมปราศรัย ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่านายกฯจะประกาศลาออกบนเวทีปราศรัย พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ช่วงนี้ต้องให้ประชาชนใจเย็นๆ เพราะข่าวลือข่าวปล่อยเยอะมาก สำคัญคือสื่อมวลชนต้องช่วยหน่อย อย่าเสนอข่าวปล่อยหรือข่าวลือ มันไม่ดี จะทำให้สับสน เมื่อถามว่า เรื่องการกำหนดแนวทางปฏิรูปการเมืองให้ ชัดเจน จากนั้นก็จะยุบสภาเลือกตั้งใหม่อีก เรื่องนี้เป็นข่าวจริงหรือข่าวปล่อย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า คืนนี้ค่อยคุยกันในเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่อีกจะเป็นการสูญเสียงบประมาณไปอีก พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า คืนนี้ค่อยคุยกัน
โต้ข้อหาขนคนมาเชียร์ "
น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายก รัฐมนตรี เตรียมประกาศลาออกจากตำแหน่ง กลางเวทีปราศรัยในวันที่ 3 มี.ค. ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะไม่ประกาศลาออกอย่างแน่นอน แต่จะชี้แจงข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะแนวทางการปฏิรูปการเมือง คำพูดทุกอย่างในวันนี้ ถือเป็นสัญญาประชาคม ส่วนกระแสข่าวการสั่งให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน ขนชาวบ้านมาฟังนายกฯปราศรัยนั้น เป็นข่าวลือ วันนี้ข่าวลือเยอะมาก ขอให้สื่อมวลชนยุติการเสนอข่าวที่ไม่มีการระบุชื่อผู้พูด เพราะเป็นการแสดงว่าผู้พูดไม่รับผิดชอบคำพูดตัวเอง ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยวิเคราะห์ว่านายกฯอาจประกาศยุบสภาอีกครั้ง ภายหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จ น.พ.พรหมินทร์ตอบว่า เป็นการพูดไปเรื่อย การที่ พ.ต.ท.ทักษิณประกาศยุบสภา เพราะต้องการคืนอำนาจให้ประชาชน เสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์ ประชาชนจะบอกว่าเป็นอย่างไร ถ้าชอบก็เลือก ถ้าไม่ชอบก็ไม่เลือก
ชิดชัย ยุพลังเงียบสู้ม็อบพันธมิตรฯ
พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัย รับมือการชุมนุมขับไล่นายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 มี.ค. ที่ท้องสนามหลวง ภายใต้การนำของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า จะทำให้ดีที่สุด เต็มที่เหมือนทุกครั้ง รับรองไม่มีม็อบชนม็อบ แต่สื่อชอบจับเสี้ยมให้ชนกัน อย่างไรก็ตาม หากกลุ่มพลังเงียบจะออกมาเคลื่อนไหวในแนวทางที่สันติสุข เช่น การเปิดไฟหน้ารถ ก็สามารถทำได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ทหารประเมินว่าเหตุการณ์ในวันที่ 5 มี.ค. อาจจะเกิดความรุนแรงได้ พล.ต.อ.ชิดชัยตอบว่า ทหารไม่ได้วิตกอะไร แต่สื่อไปใส่สีสัน เท่าที่คุยกับ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหม ได้รับการยืนยันว่าไม่ได้วิตก ซึ่งการเรียกผบ.เหล่าทัพมาประชุม เป็นการซักซ้อมความเข้าใจเพื่อเตรียมการให้ดีที่สุด
ไปรษณียบัตรให้กำลังใจกว่า 1 ล้านใบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ถึงบรรยากาศภายหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชน ที่ต้องการให้กำลังใจนายกฯ ส่งไปรษณียบัตรมาที่ตู้ปณ.888 ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ10302 ปรากฏว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 3 มี.ค. ได้มีการนำตะกร้าเหล็กใบใหญ่ ไปตั้งที่หน้าประตู 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเปิดให้ประชาชนทั่วไป นำไปรษณียบัตรมาหย่อน จากนั้นเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่บริษัทไปรษณีย์ไทยได้นำรถบรรทุก 6 ล้อขนไปรษณียบัตรและจดหมายให้กำลังใจนายกฯ ซึ่งบรรจุในกระสอบ ลอตแรกจำนวน 3 แสนใบ มาใส่กล่องเหล็ก 4 ใบ ที่ตั้งอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า ข้อความส่วนใหญ่ในไปรษณียบัตร จะเป็นการให้กำลังใจนายกฯในการทำงาน ไม่ต้องการให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ไปรษณียบัตรบางส่วนมัดรวมกันมาเป็นปึกเดียว และเขียนด้วยลายมือเดียวกัน แต่ชื่อผู้ส่งและที่อยู่แตกต่างกัน โดยยอดไปรษณียบัตรที่ถูกส่งมายังทำเนียบฯ จนถึงเวลา 16.30 น. วันที่ 3 มี.ค. มีจำนวน 1,361,475 ฉบับ
มีเขียนด่า ปชป.จำลองสนธิ
ขณะเดียวกัน ไปรษณียบัตรบางส่วนได้เขียนมาโจมตีนายกรัฐมนตรี ขอให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่ไม่ระบุชื่อผู้ส่ง รวมถึงโจมตีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ประธานมูลนิธิกองทัพธรรม นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ ตลอดจน ส.ว.บางคน ว่า เป็นผู้เล่นนอกกติกาประชาธิปไตย นอกจากนี้ ยังมีไปรษณีย์บางส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการให้กำลังใจนายกฯ ถูกนำมากองรวมปนกันด้วย เช่น ไปรษณียบัตรตอบคำถามรายการเกมโชว์ ชิงโชคของรางวัล การแจ้งกำหนดตารางสอบ รวมถึงการแจ้งให้นำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีน หรือบางส่วนก็เป็นไปรษณียบัตรเปล่าๆ ไม่มีชื่อหรือข้อความอะไร
เหนือ-อีสานส่ง ปณ.มากที่สุด
สำหรับบรรยากาศการส่งไปรษณียบัตรให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ทางตู้ ปณ. 888 ตามที่ทำการไปรษณีย์ต่างๆ ยังถูกส่งเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย โดยข้อความส่วนใหญ่เขียน ว่าขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณผ่านพ้นวิกฤติการเมืองไปด้วยดี ขณะเดียวกันจากการสังเกตพบว่า ไปรษณียบัตรส่วนใหญ่ ถูกส่งมาจากภาคเหนือกับภาคอีสาน ซึ่งนายวุฒิพงษ์ โมฬีชาติ รอง กก.ผจก.ใหญ่ ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า กระแสข่าวเรื่องการกว้านซื้อไปรษณียบัตร แล้วจัดส่งมาตั้งแต่วันแรกที่เปิดตู้ ปณ.888 นั้น ไม่ทราบ เพราะโดยข้อเท็จจริงการส่งไปรษณียบัตร ถ้าเป็นในกรุงเทพฯ จะจัดส่งได้ภายใน 1 วัน ส่วนต่างจังหวัดใช้เวลา 2 วัน และพื้นที่ห่างไกล เช่น นราธิวาส แม่ฮ่องสอน ต้องใช้เวลาถึง 3 วันในการส่ง เท่าที่ทราบมีไปรษณียบัตรถูกส่งมาแล้ว 5 แสนฉบับ ส่วนยอดขายไปรษณียบัตรทั่วประเทศช่วงนี้อยู่ที่ 4 ล้านฉบับ แยกเป็นกรุงเทพฯและปริมณฑล 2 ล้านฉบับ ภาคเหนือกับอีสาน 1.5 ล้านฉบับ ที่เหลือเป็นภาคใต้กับภาคอื่นๆ
บรรหาร ห่วงคำพูด ทักษิณ
เที่ยงวันเดียวกัน ที่โรงแรมสยามซิตี้ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวถึงการเปิดเวทีที่สนามหลวงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ในค่ำวันที่ 3 มี.ค.ว่า ต้องรอฟังก่อนว่าคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณจะทำให้มีเรื่องหรือไม่มีเรื่อง ขณะที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวว่า เป็นสิทธิของนายกฯที่จะปราศรัย คงไม่มีอะไร เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนที่เกรงว่าจะมีมือที่สามนั้นก็คงไม่มี เพราะรัฐบาลต้องดูแลเป็นอย่างดีอยู่แล้ว จะปล่อยให้เกิดเรื่องไม่ได้ เมื่อถามว่า วันที่ 5 มี.ค. จะมีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยออกมาขับไล่นายกฯอีก พล.ต.สนั่นกล่าวว่า ถือเป็นการผลัดกันพูด
ผบ.ทบ.สั่งทหารวางตัวเป็นกลาง
ทางด้านกองทัพบกวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. เป็นประธานประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (ผบ.นขต.ทบ.) ระดับชั้นยศนายพล ประจำเดือน มี.ค. โดยมีนายทหารระดับฝ่ายอำนวยการ ฝ่ายคุมกำลังของกองทัพบกทุกนาย ตั้งแต่นายทหารในกองทัพภาคที่ 1-4 หน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ (นสศ.) หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) กองพลทหารม้า เข้าร่วมประชุมกว่า 2 ชม. ในที่ประชุม พล.อ.สนธิได้เน้นยํ้าและกำชับกับ ผบ.นขต.ทบ. โดยเฉพาะสถานการณ์บ้าน เมืองต่อกรณีที่มีการจัดชุมนุมของกลุ่มองค์กรต่างๆ ในวันที่ 3 และ 5 มี.ค. โดยขอให้ทุกคนวางตัวเป็นกลาง และให้ไปชี้แจงกับผู้ใต้บังคับบัญชาของแต่ละหน่วย ให้ ดำรงตนเองด้วยความเป็นกลาง เพราะสถานการณ์ขณะนี้อาจมีการสร้างข่าวเพื่อให้เกิดความไขว้เขว เพราะข่าวที่ออกมาได้สร้างความรู้สึกให้ทหารมีความแตกแยก โดยบางข่าวเราไม่สามารถที่จะสืบเสาะหาต้นตอได้ว่าออกมาจากแหล่งไหน ทั้งเรื่องจริงและไม่จริง ฉะนั้นขอให้ ผบ.นขต.ทบ.ทุกคนหนักแน่น
กองทัพมิติใหม่ไม่คิดปฏิวัติ
ด้าน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกจะติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด และจัดนายทหารรักษาความปลอดภัยตามปกติ ในหน่วยที่ตั้งและในพื้นที่บริเวณรอบที่จะมีการชุมนุม ยืนยันว่าไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังจากกองทัพบกไปยังอีกที่หนึ่ง หากจะเคลื่อนย้ายได้ต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉินเท่านั้น และขั้นตอนจะดำเนินยุทธวิธีจากเบาไปหาหนัก ชี้แจงทำความเข้าใจก่อน และจะใช้โล่และกระบองโดยไม่มีการใช้อาวุธ นอกจากนี้ พล.อ.สนธิได้ยืนยันอย่างหนักแน่นต่อที่ประชุมว่ากองทัพเป็นกองทัพมิติใหม่จะไม่มีการปฏิวัติ ส่วนข่าวที่แพร่กระจายเป็นแค่ข่าวลือ และได้เน้นยํ้ากำลังพลให้มีวิจารณญาณในการรับฟังข่าวสารโดยทั่วไปอย่างรอบคอบ
กกต. ส่ง จนท. สังเกตการณ์
พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีการเปิดปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่สนามหลวงว่า กกต. คงไม่ต้องเตือนในเรื่องการระวังที่จะทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปดู ทั้งนี้ ผู้ที่ปราศรัยจะต้องระมัดระวังความผิดมาตรา 44 ในเรื่องของสัญญาว่าจะให้การใส่ร้าย จูงใจ หรือการให้งดเว้นการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณคงทราบดี เพราะมีประสบการณ์มาก
อภิสิทธิ์ ไม่สนม็อบหนุน ทักษิณ
เย็นวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดการปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยรักไทยว่า ขอเรียกร้องให้ทุกคนเคารพสิทธิ เสรีภาพของทุกฝ่าย ยึดกรอบของวิธีที่สันติ และพยายามหลีกเลี่ยงไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง ที่ผ่านมาได้เตือนไปแล้วว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีความคิดที่จะเอาตัวเลขมาเป็นคำตอบ พยายามที่จะสร้างความชอบธรรมให้เกิดขึ้นกับตัวเลข ไม่ว่าจะเป็นจำนวนไปรษณียบัตร จำนวนคนที่จะมาฟังการปราศรัย แสดงให้เห็นถึงความไม่เข้าใจที่มาของปัญหาตั้งแต่ต้น ที่เป็นพื้นฐานในเรื่องของความชอบธรรม และจริยธรรมที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจำนวน ส่วนแนวทางที่รัฐบาลดำเนินการในขณะนี้ ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองคลี่คลายหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับท่าทีของผู้นำรัฐบาลมากกว่า เพราะทราบว่ามีหลายเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะไปปราศรัยในเย็นวันที่ 3 มี.ค.นี้ ส่วนกรณีที่ 3 หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านหารือกันนั้น ไม่ได้พูดคุยถึงบทบาทในการร่วมการชุมนุม แต่อดีต ส.ส. แต่ละบุคคลก็มีสิทธิที่จะไปร่วมรับฟัง
ชี้ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ "
นายธนิตพล ไชยนันทน์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดปราศรัยใหญ่ที่ท้องสนามหลวงของพรรคไทยรักไทยว่า ความจริงบทบาทของนายกฯต้องสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นแก่คนในชาติมากที่สุด แต่กลับไปจัดปราศรัยใหญ่ จุดชนวนให้คนในชาติแตกแยกความสามัคคีกันอย่างมาก เพียงแค่ต้องการสร้างกระแสนิยมให้แก่นายกฯและพรรคไทยรักไทย เพื่อให้เป็นข้ออ้างในการสร้างความชอบธรรมให้นายกฯ แต่ประชาชนและประเทศชาติจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการปราศรัยครั้งนี้ เพราะจะไม่มีอะไรมากไปกว่าหาเสียงโดยการโปรยยาหอมสร้างนโยบายประชานิยม ขายฝัน แต่ไม่มีคำชี้แจงข้อสงสัยสารพัดเรื่องเกี่ยวกับตัวนายกฯ