เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 18 ธันวาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)
เดินทางไปที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เข้าพบนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานส.อ.ท.และคณะผู้บริหาร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลจะรับไว้พิจารณาทั้งหมด แต่ข้อเสนอที่เกี่ยวกับงบประมาณคงต้องพิจารณากันหนัก เนื่องจากปัจจุบันมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณแต่ละปี ซึ่งขณะนี้คาดการณ์ว่าการจัดเก็บรายได้ปี 2552 จะต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 1 แสนล้านบาทและยังมีข้อจำกัดเรื่องการกู้เงินเกี่ยวกับเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งการดำเนินการต้องดูเรื่องวินัยการคลังด้วย แต่รัฐบาลเตรียมงบประมาณสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจไว้แล้ว แต่รายละเอียดต้องพิจารณาอีกครั้ง
"ในฐานะฝ่ายการเมือง ผมรู้สึกผิดที่ปัญหาเรื่องการเมืองกลายเป็นปัญหาส่วนรวมและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ แต่หลังจากเข้ามาบริหารแล้ว จะพยายามทำให้ดีที่สุด ทำงานเพื่อบ้านเมือง และในฐานะนักการเมืองอาชีพ พร้อมจะทำงาน ถ้าทำได้ก็อยู่ ทำไม่ได้ก็ไม่อยู่ ผมไม่ยึดติดกับตำแหน่งอยู่แล้ว"
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ในวันที่ 23 ธันวาคม จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติร่างนโยบายรัฐบาล จากนั้นจะใช้เวลา 1-2 วันเพื่อปรับปรุงแก้ไข
ก่อนจะเสนอสภาเพื่อขอแถลงนโยบายในวันที่ 29-30 ธันวาคมนี้ และจะเปิดให้อภิปรายเต็มที่ ถ้าไม่พอ ก็พร้อมจะขยายไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม เพื่อได้เริ่มต้นทำงานปีใหม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า หลังการแถลงนโยบายแล้ว จะเรียกประชุมครม.นัดพิเศษทันที เพื่อพิจารณารายละเอียดของวาระที่ไทยจะเสนอในที่ประชุมอาเซียน ซัมมิท หลังจากนั้นจะแจ้งให้ทุกประเทศสมาชิกรับทราบว่า ไทยพร้อมจะเป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียน ซัมมิทแล้ว ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมเป็นต้นไป หากจะมีการเลื่อนประชุมอีก ไม่เกี่ยวกับประเทศไทยแล้ว เพราะประเทศไทยพร้อมทุกอย่าง นอกจากนี้ในวันที่ 21 มกราคม จะขอเปิดสมัยประชุมสภา เพื่อนำเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและการขออนุมัติใช้เงินงบประมาณทันที
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
