ไม่น่าแปลกใจที่ "สำนักข่าวต่างประเทศ" ชั้นนำหลายสำนัก ต่างให้ความสนใจรายงานข่าว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยคนใหม่อย่างคึกคัก
เพราะสถานการณ์การเมืองไทยล่าสุดยังตกอยู่ในสภาพลูกผีลูกคน
เปลี่ยนนายกฯ มาถึง 5 คนในห้วงเวลาแค่ 2 ปีเศษ
นอกจากนั้น เพียงแค่พลิกดูปูมประวัติชีวิต-การศึกษาของนายอภิสิทธิ์ก็เต็มไปด้วยสีสันชวนติดตาม เช่น
เกิดในเมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ
ชื่นชอบทีมฟุตบอลนิวคาสเซิลเช่นเดียวกับนายโทนี่ แบลร์ อดีตนายกฯ อังกฤษ
จบการศึกษาจากสถาบันชั้นนำของโลกตะวันตก ทั้งโรงเรียนอีตันและมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
ทั้งยังเป็นเพื่อนร่วมสถาบันกับนายบอริส จอห์นสัน นายกเทศ มนตรีกรุงลอนดอน และนายเดวิด คาเมรอน หัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมอังกฤษคนปัจจุบัน
"อภิสิทธิ์เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับผมที่อีตัน เขาเป็นคนฉลาดมาก ผมมั่นใจเขาจะทำคุณประโยชน์มหาศาลแก่ประเทศไทย" นายจอห์นสันเอ่ยปากชมนายอภิสิทธิ์ หรือที่เพื่อนๆ ในอังกฤษเรียกว่า "มาร์ค เวช" ในฐานะเพื่อนเก่าแก่ให้นักข่าวน.ส.พ.เดลิเมล์ฟัง
อย่างไรก็ตาม "ซีเอ็นเอ็น" สื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลก ดูจะมีโอกาสทำข่าวเจาะลึกความรู้สึกนึกคิดของนายอภิสิทธิ์ก่อนใครและมากกว่าใครเพื่อน
โดยผู้สื่อข่าวที่ทำหน้าที่สัมภาษณ์พิเศษนายอภิสิทธิ์ อัดเทปออกรายการ "ทอล์ก เอเชีย" (Talk Asia) ได้แก่
นายแดน ริเวอร์ส นักข่าวซีเอ็นเอ็นมือฉมังประจำกรุงเทพฯ และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเคยจับเข่าคุยสัมภาษณ์พิเศษทั้งอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังเหตุรัฐประหาร 19 กันยาฯ และโดนนายสมัคร สุนทรเวช ตะคอกใส่หน้าเพราะถามไม่ถูกใจมาแล้ว
สำหรับบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มดังกล่าวจะออกอากาศวันที่ 24 ธ.ค.
ส่วนเนื้อหาตัดตอนบางส่วนที่นำออกอากาศทางซีเอ็นเอ็นบ้างแล้วหลังจากนายอภิสิทธิ์ ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 มีใจความสำคัญโดยสรุป ดังนี้
ซีเอ็นเอ็นจับเข่านายกฯอภิสิทธิ์
แดน ริเวอร์ส กล่าวเปิดโปรยหัวข่าวและบทสัมภาษณ์ว่า "นายกฯ ไทยคนใหม่ไม่ได้ปกปิดความจริงเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน"
อภิสิทธิ์ : ผมจะบอกคนไทยว่าหนทางข้างหน้าเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่ใช่ว่าจะเอาชนะอุปสรรคไม่ได้
ริเวอร์ส : การตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับอดีตส.ส. ในกลุ่มทักษิณ ไม่ใช่การตั้งรัฐบาลในอุดมคติมากเท่าไหร่นัก
อภิสิทธิ์ : ผมไม่ได้รู้สึกสบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าเลือกได้ก็อยากเข้าสู่อำนาจหลังเลือกตั้ง แต่ขณะนี้สถานการณ์ไม่ใช่แบบนั้น แต่ผมก็เข้ามาตามระบบรัฐสภาตามระบอบประชาธิปไตยภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ จะขอใช้เสียงส่วนใหญ่ที่มีในสภาทำงานเพื่อชาติและประชาชนคนไทย เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ก็คงถึงเวลาที่ประชาชนจะได้ออกมาตัดสินใจกันอีกครั้ง
ริเวอร์ส : ทักษิณกับพวกบอกว่าเลือกตั้งอีกครั้งก็ชนะอีก
อภิสิทธิ์ (ตอบสวนทันที) : แล้วคุณคิดอย่างไรที่ผลโพลชี้ว่าฝ่ายเรา (ประชาธิปัตย์) มีคะแนนเหนือกว่าพวกเขา
ริเวอร์ส : งั้นทำไมคุณไม่เลือกทางออกจัดเลือกตั้งใหม่ ถ้าคิดว่าจะชนะ
อภิสิทธิ์ : เพราะตอนนี้คนไทยคาดหวังให้มีการแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุด และทำให้การเมืองกลับสู่ปกติ
ริเวอร์ส : ฝ่ายทักษิณบอกว่าคุณกลัวว่าเลือกตั้งก็แพ้อีก
อภิสิทธิ์ : ผมไม่กลัวหรอกครับ
ริเวอร์ส : ชักชวนกลุ่มเนวิน (ชิดชอบ) ยังไง เพราะกลุ่มนี้เคยภักดีกับทักษิณ
อภิสิทธิ์ : กลุ่มนี้มองว่าคุณทักษิณสร้างความขัดแย้งทางการเมืองเกินจุดจะทนได้ต่อไป
ริเวอร์ส : กลุ่มเนวินทำเพื่อชาติโดยบริสุทธิ์ใจจริงๆ หรือ
อภิสิทธิ์ : คนก็ตั้งสมมติฐานไปต่างๆ นานาถึงการหยิบยื่นเงื่อนไขต่างๆ แต่ผมขอเรียนตรงๆ ว่า ไม่มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากคุยกันว่าการทำอย่างนี้เป็นทางออกของชาติ
ริเวอร์ส : นักการเมืองอาวุโสของประชาธิปัตย์และพรรคอื่นๆ ไปพบพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา (ผบ.ทบ.) ทำไม ก่อนจัดตั้งรัฐบาล
อภิสิทธิ์ : ผมไม่ทราบเรื่องการประชุมดังกล่าว แต่พล.อ.อนุพงษ์เคยกล่าวว่าท่านก็แสดงความเห็นส่วนตัวว่าประเทศชาติควรเดินหน้าต่อไปอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ไม่ได้มายืนอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ริเวอร์ส : คุณเคยขอคำปรึกษาจากพล.อ.อนุพงษ์บ้างไหม
อภิสิทธิ์ : ผมไม่เคยปรึกษาพล.อ.อนุพงษ์
ริเวอร์ส : ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเลยหรือครับ
อภิสิทธิ์ : ไม่ครับ
นายริเวอร์สถามถึงกรณีการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาโจมตีกันเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
อภิสิทธิ์ : ในอดีตเคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เพราะมีคนนำกฎหมายไปใช้ในทางมิชอบเพื่อประโยชน์ทางการเมือง และผมเห็นด้วยว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องยุติการกระทำดังกล่าว
นายริเวอร์สถามถึงความเชื่อมโยงระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับกลุ่มคนเสื้อเหลือง หรือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
อภิสิทธิ์ : เรามีวัตถุประสงค์เหมือนกันบางเรื่อง เช่น ต่อสู้กับความอยุติธรรม แต่ไม่ได้เหมือนกันไปทุกเรื่อง เช่น กรณีพันธมิตรฯ เรียกร้องการเมืองใหม่ให้มีส.ส. แต่งตั้งมากขึ้นเราก็ไม่เห็นด้วย และวิธีการดำเนินการก็ต่างกัน ผมไม่เห็นด้วยกับการยึดทำเนียบรัฐบาลและยึดสนามบิน
ริเวอร์สกล่าวปิดท้ายรายงานข่าวว่า คำถามสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือรัฐบาลชุดใหม่จะอยู่ไปได้อีกนานเท่าไหร่ เพราะนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ไทยคนที่ 5 เข้าไปแล้วในรอบ 2 ปีเศษที่ผ่านมา
สื่ออังกฤษฮือฮา"มาร์ค เวช"
นอกเหนือจาก "ซีเอ็นเอ็น" ของสหรัฐแล้ว สื่อมวลชนอังกฤษได้ให้ความสนใจสรรหาเกร็ดชีวิตส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ มารายงานเช่นกัน เนื่องจากนายกฯ ไทยคนที่ 27 วัย 44 ปีคนนี้เกิด ใช้ชีวิต และจบการศึกษาจากสถาบันสำคัญในอังกฤษถึง 2 แห่ง นั่นคือ โรงเรียนอีตัน ซึ่งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันเต็มไปด้วยบุตรหลานราชวงศ์ ชนชั้นสูง และผู้มีอันจะกินของอังกฤษ
รวมถึงมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด หนึ่งในสถาบันอุดมศึกษาที่ว่ากันว่าดีที่สุดในโลก
จากการสำรวจพบว่า สื่ออังกฤษพาดหัวให้คำนิยามตัวตนนายอภิสิทธิ์แตกต่างกันไป โดยเน้นไปที่ประวัติการศึกษาและบ้านเกิดเป็นหลัก อาทิ "นักเรียนอีตัน" "ศิษย์เก่าอีตัน" (อีตันเนียน) "นักศึกษาออกซ์ฟอร์ด" และ "ผู้นำที่เกิดในอังกฤษ"
ด้านเว็บไซต์ Jounallive.co.uk รายงานว่า นายกฯ ไทยคนล่าสุดเป็นชาว "จอร์ดี้" ซึ่งเป็นคำเรียกขานคนท้องถิ่นชาวเมืองนิวคาสเซิล และต้องเข้ามาแบกรับภาระช่วยให้ประเทศไทยผ่านพ้นจากวิกฤตการณ์การเมือง
ด้านเว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดอะไทม์ ระบุว่า ไทยมีนายกรัฐมนตรีที่เกิดในอังกฤษ เป็นผู้มีสติปัญญา กิริยามารยาทดีและมาจากครอบครัวที่อบอุ่น จากปูมประวัติจบมาจากอีตันและออกซ์ฟอร์ดทำให้นายอภิสิทธิ์ดูดีมีภาษี เป็นชายในฝัน น่าเอาไปเป็นลูกเขย น่าเชิญมาเป็นแขกรับประทานอาหารที่บ้าน เพื่อนๆ ในอังกฤษเรียกเขาว่า "มาร์ค เวช"
อย่างไรก็ตาม คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่านายอภิสิทธิ์จะก้าวหน้าไปได้ขนาดไหนในเส้นทางผู้นำประเทศไทยชาติซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีความมั่นคง แต่ทุกวันนี้กลับกลายเป็นประเทศที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายที่สุดในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้!