นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สดรายการจมูกมดทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 วันนี้ (18 ธ.ค.) ว่า การจัดสรรตำแหน่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่เรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม วันนี้ ในส่วนของพรรคฯเรียบร้อย และคาดว่า ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลน่าจะส่งรายชื่อมา ดังนั้น ในช่วงเย็นๆ น่าจะเสร็จเรียบ ร้อยทั้งหมด สำหรับกรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ระบุในทำนองว่าการจัดสรรตำแหน่ง ครม. ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะไม่เรียบร้อยนั้น ต้องเรียบร้อย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมตัวกรณีถ้าเดินทางไป จ.เชียงใหม่ หรือ อุดรธานี แล้วถูกโห่ไล่ หรือขว้างปาด้วยรองเท้า ว่า
ถ้ามีกลุ่มคนที่ยังคิดว่า มีประเด็นไม่พอใจและอยากจะแสดงออกจะชุมนุม ชูป้ายทำได้ไม่เป็นไร ให้อยู่ภายใต้กฎหมายและไม่รุนแรง แต่ภาพในลักษณะเหมือนจงใจทำร้ายร่างกายถึงขั้นเอาชีวิตเช่นกรณีปัญหาหน้ารัฐสภาวันที่ 15 ธ.ค.นั้น ต้องบอกว่า อย่าทำ เพราะไม่ช่วยใครแม้กระทั่งในสิ่งที่อยากจะเรียกร้อง เนื่องจากภาพที่ออกไปคนส่วนใหญ่ไม่อยากเห็นภาพแบบนี้ โดยจะกลายเป็นสิ่งที่อยากจะบอกแก่สังคมเลยไม่ได้บอก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ ว่า เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบ 2 ด้านเนื่องจากวิกฤติการเงินโลก
โดยรอบแรกทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ และรอบที่ 2 ทำให้การส่งออก ฟุบ รวมทั้งเมื่อราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงราคาสินค้าเกษตรลดลงด้วยและปัญหาการเมืองเข้ามาซ้ำเติมส่ง ผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ดังนั้น สิ่งที่ต้องการ คือ แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกปัญหา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ว่า หลักการ คือ ทำอย่างไรจะรักษาอำนาจกำลังของประชาชนกลุ่มต่างๆ ได้ โดยเกษตรกรต้องได้ราคาพืชผลที่ดีขึ้นมาระดับหนึ่ง ส่วนผู้ใช้แรงงานประคับประคองอย่างไรไม่ให้ตกงาน ขณะที่กลุ่มธุรกิจเฉพาะ เช่น ท่อง เที่ยวก็ต้องเรียกความเชื่อมั่นกลับมาทั้งในจากต่างประเทศและในส่วนคนไทยด้วยกันเองที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยว ในขณะที่อสังหาริมทรัพย์ทำอย่างไรจะให้มีอำนาจซื้อเข้าไปเพื่อประคับประคองสภาพปัจจุบันที่ซบเซา
นาอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งหมดต้องอาศัยทั้งงบประมาณที่รัฐบาลที่แล้วมีงบประมาณกลางปีเตรียมไว้แสนล้านบาท
โดยจะต้องเดินต่อ สำหรับรายละเอียดคงจะต้องมีการปรับโครงการบ้างมุ่ง นำเงินเข้ากระเป๋าประชาชนให้เร็วที่สุดและสร้างงานให้มากที่สุด รวมทั้งมีมาตรการจะต้องไปช่วยดูเรื่อง การปล่อยสินเชื่อให้สภาพคล่องไม่หายไปสำหรับผู้ประกอบการที่ยังไปได้ และมีมาตรการในภาคเกษตรและแรงงาน โดยอาจจะเป็นงานแรก หรือ งานที่ 2
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า แถลงนโยบายเสร็จงานแรกที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ในการเรียกความเชื่อมั่นคือ จะทำเรื่องข้อตกลงอาเซียนที่ 9 ประเทศตกลงไปแล้วให้เสร็จ
โดยตั้งใจว่า ต้นปีใหม่เสร็จเพื่อบอกกับอีก 9 ประเทศว่า ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมได้ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. 2552 แต่อยู่ที่ว่า ทั้ง 10 ประเทศสะดวกพร้อมกันเมื่อไร เพื่อเป็นการเรียกความเชื่อมั่น สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ ที่ขณะนี้ ปัญหาคือ การซื้อขายค่อนข้างชะงักเนื่องจากตะวันตกใกล้ปีใหม่และจีนมีตรุษจีน โดยแนวทาง คือ จริงๆ ตอนเป็นฝ่ายค้านได้ให้รัฐมนตรีเงาไปหารือกับรักษารัฐมนตรี และตกลงกันแล้วโดยหลัก คือ ต้องดึงสต็อกลดปริมาณในตลาดเพื่อให้ช่วยดึงราคาขึ้นมาบ้าง ซึ่งตรงนี้ เป็นแนวทางที่ทำได้ อยู่ระหว่างดูรายละเอียดว่า หน่วยงานไหนจะทำและใช้งบประมาณเท่าไร
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำถามเป็นการรับจำนำใช่หรือไม่ว่า ไม่ใช่การรับจำนำ แต่เป็นลักษณะการเข้าไปแทรกแซง คือ ซื้อออกมาจากตลาดเพื่อช่วยบรรเทาแรงกดดันจากภาวะล้นตลาด อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ ต้อง รอจนกว่า ครม. สามารถทำงานและอนุมัติโครงการได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงคำถามกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โทรศัพท์สายตรง (โฟนอิน) ระหว่างงานระดมทุนของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
ระบุในทำนองอยากกลับประเทศไทย ในสมัยรัฐบาลนี้มีโอกาสหรือไม่ ว่า ตนก็อยากให้กลับ โดยคิดว่า เมื่อกลับมาแล้วมาต่อสู้คดีความต่างๆ และแสดงออกถึงการยอมรับว่า คนไทยทุกคนเสมอภาคกัน เชื่อว่า ถ้ามาตรงนี้ แล้วการตัดสิน หรือ กระบวน การต่างๆ เป็นที่ยอมรับก็จะมีข้อยุติเอง
“สังคมไทยเป็นสังคมที่มีลักษณะของการให้ความเมตตาและให้อภัยซึ่งกันและกัน แต่ว่า ความยอมรับที่จะให้เกิดความเมตตา หรือ การให้อภัยคิดว่า ต้องอยู่ที่การแสดงออกถึงการยอมรับกระบวนการ โดยคิดว่า ถ้าท่าน (พ.ต.ท.ทักษิณ) กลับมาก็จะได้รับการปฏิบัติที่เชื่อว่า ต้องคำนึงถึงตัวสถานะของท่านในอดีตแน่นอน แต่ว่า ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ถ้าท่านยอมรับตรงนี้ ก็ยังเชื่อว่า สังคมมีทางออกให้” นายกรัฐมนตรี กล่าว