"สนธิ"สั่งติดทั่วกองทัพบกสติกเกอร์"เรารักในหลวง"
ผบ.ทบ.สั่งพิมพ์สติกเกอร์ "เรารักในหลวง" 3 แสนแผ่น ให้กำลังพลไปติดตามรถยนต์ของหน่วย ย้ำวางตัวเป็นกลางต่อสถานการณ์การเมือง ขณะที่แหล่งข่าวจากเตรียมทหารร่วมรุนนายกฯ เผย "ทักษิณ" โอดอยากวางมือ แต่คนรอบข้างหนุนให้สู้ต่อ มึนใครทำให้เพื่อนตกต่ำ
ความคืบหน้าท่าทีกองทัพต่อปัญหาวิกฤติการเมือง เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3มีนาคม พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหาร (ผบ.ทบ.) เป็นประธานประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (ผบ.นขต.ทบ.) ระดับชั้นยศนายพล ประจำเดือนมีนาคม โดยมีนายทหารฝ่ายอำนวยการ และฝ่ายคุมกำลังของกองทัพบกเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง รวมทั้งทหารจากกองทัพภาคที่ 1-4 หน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ (นสศ.) หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) กองพลทหารม้า
ทั้งนี้การประชุมใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จากนั้นในเวลา 14.00 น. พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง รองโฆษกกองทัพบก ได้แถลงว่า ในที่ประชุม ผบ.นขต.ทบ. พล.อ.สนธิ ได้สั่งให้ทุกหน่วยในกองทัพบกวางตัวเป็นกลางต่อการชุมนุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 และ 5 มีนาคม ตามที่ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รมว.กลาโหมให้นโยบายไว้
อย่างไรก็ตาม กองทัพบกจะติดตามสถานการณ์ตลอด และจัดนายทหารรักษาความปลอดภัยตามปกติในหน่วยที่ตั้ง และในพื้นที่บริเวณรอบที่จะมีการชุมนุม
ยืนยันว่าไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังจากกองทัพบกไปยังอีกที่หนึ่ง หากจะเคลื่อนย้ายได้ต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉินเท่านั้น และขั้นตอนจะดำเนินยุทธวิธีจากเบาไปหาหนัก ชี้แจงทำความเข้าใจก่อน จะใช้โล่และกระบองโดยไม่มีการใช้อาวุธ พ.อ.ธนาธิป กล่าว
ส่วนเรื่องที่มีข่าวการสลับกำลังพลให้กำลังจากหน่วยบัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ (นสศ.) จาก จ.ลพบุรี มาประจำอยู่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) แทนกำลังจากกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (พล.ปตอ.) นั้น พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ในวันที่ 5 มีนาคมซึ่งจะมีการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น กำลังพลที่ดูแลรักษาความปลอดภัย บก.ทบ.ในวันดังกล่าวยังจะเป็นกำลังพลของ พล.ปตอ. และจะมีกำลังพลจาก นสศ.คอยรักษาความปลอดภัยให้แก่ ผบ.ทบ. นอกจากนี้ยังเตรียมชุดประชาสัมพันธ์เพื่อทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุม หากมีการเดินทางมาอยู่รอบบริเวณสถานที่ราชการสำคัญๆ ด้วย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ซึ่งมีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่ท้องสนามหลวง และสถานการณ์ทางการเมืองรุนแรงขึ้น มีข่าวว่า พล.อ.สนธิ ได้สั่งสลับกำลังรักษาการใน บก.ทบ. โดยให้นำกำลังจาก นสศ.มาประจำการ พร้อมให้กำลังจาก พล.ปตอ. ที่นำโดย พล.ต.เรืองศักดิ์ ทองดี ผบ.พล.ปตอ. ซึ่งเป็น ตท.10 รุ่นเดียวกับนายกฯ กลับที่ตั้ง แต่ต่อมา พล.อ.สนธิ ได้ชี้แจงว่าเป็นการสลับสับเปลี่ยนกำลังตามวาระปกติ
สำหรับข่าวการปฏิวัติรัฐประหารนั้น รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.สนธิ ได้ยืนยันอย่างหนักแน่นต่อที่ประชุม ว่ากองทัพเป็นกองทัพมิติใหม่จะไม่มีการปฏิวัติ ข่าวที่แพร่กระจายออกไปเป็นแค่ข่าวลือ และได้เน้นย้ำกำลังพลให้มีวิจารณญาณในการรับฟังข่าวสารโดยทั่วไปอย่างรอบคอบ
พ.อ.ธนาธิป กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ได้แสดงความเป็นห่วงประชาชนในชาติจึงได้จัดทำสติกเกอร์ข้อความ เรารักในหลวง พร้อมเครื่องหมายกองทัพบก สำหรับแจกจ่ายให้หน่วยขึ้นตรงของกองทัพบกนำไปติดยานพาหนะของหน่วยทุกคัน และกำลังพลทุกคน จำนวน 3 แสนแผ่น
"ทางกองทัพบกจะเร่งแจกจ่ายสติกเกอร์ให้กับหน่วยขึ้นตรง พร้อมกับเน้นย้ำให้หน่วยที่ได้รับแจกสติกเกอร์แล้วนำไปติดยานพาหนะของหน่วยทุกคัน หรือสถานที่ราชการ หรือในสถานที่เหมาะสม" รองโฆษกกองทัพบ กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุม ผบ.นขต.ทบ. พล.อ.สนธิ ได้แสดงความห่วงใยว่าทหารที่อยู่ในต่างจังหวัดจะสับสน เพราะดูเหมือนมีการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรู้สึกเหมือนมีความแตกแยกระหว่างเตรียมทหารรุ่น 6 (ตท.6) รุ่นเดียวกับ พล.อ.สนธิ และ ตท.10 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกทั้งยังมีข่าวว่า พล.อ.สนธิไปเสนอให้นายกฯ ลาออก
"ผบ.ทบ.ย้ำว่า ท่านเป็นทหารอาชีพ จะไม่ทำเช่นนั้นเด็ดขาด ไม่เคยพูดแบบนั้น ท่านยืนยันว่าจะวางตัวเป็นกลาง เพราะไม่เคยคิดจะทำให้ประเทศชาติเกิดความวุ่นวาย" แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับความเคลื่อนไหวของนายทหาร ตท.10 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น แหล่งข่าวจาก ตท.10 เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ปรารภกับเพื่อนร่วมรุ่นว่าอยากถอยออกจากวงการการเมือง แต่คนรอบข้างไม่เห็นด้วย สนับสนุนให้ต่อสู้ต่อไป
แหล่งข่าวจาก ตท.10 เปิดเผยอีกว่า เพื่อนร่วมรุ่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ตั้งข้อสังเกตกันว่าคนรอบข้างนายกฯ ล้วนเป็นนักการเมืองทั้งสิ้น และไม่ทราบนายกฯ ทำตามคำแนะนำของใครจึงได้ตกต่ำลงถึงขนาดนี้ ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสได้คุยบ้างก็น่าจะมีคำแนะนำที่รอบคอบกว่านี้
นอกจากนี้แหล่งข่าวระดับสูงในกองทัพบกได้กล่าวกับ "คม ชัด ลึก" ว่า ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เชิญผู้บัญชาการเหล่าทัพไปร่วมรับประทานอาหารที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนจะมีข่าวว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพเสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น ซึ่งผู้บัญชาการเหล่าทัพได้ออกมาปฏิเสธในวันรุ่งขึ้นนั้น ความจริงแล้ว ผู้บัญชาการเหล่าทัพไม่ได้เสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกโดยตรง แต่ได้วิเคราะห์ให้ฟังว่าถ้าปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อต่อไป ก็จะมีคนออกมาต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็จะเกิดความรุนแรง ส่วนการแก้ไขปัญหานั้น การลาออกก็ถือเป็นวิธีการหนึ่ง แต่ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายกฯ