โจทย์ใหญ่ที่รอให้ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 เข้ามาแก้ไข จากนี้ไปมี 2 ข้อ หนึ่ง การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และสอง การแก้ไขความขัดแย้งทางการเมือง
จึงไม่น่าแปลกใจที่ร่างนโยบายรัฐบาล "อภิสิทธิ์ 1" ในกำมือของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รอง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะถูกคลุกเคล้าระหว่างนโยบายสวัสดิการที่พรรคสะตอเคยใช้หาเสียงระหว่างการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 กับนโยบายประชานิยมอย่างกลมกลืน
กลายเป็นนโยบาย "ประชานิยม" ที่มีกลิ่น "สะตอ" เน้นไปที่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาคนตกงาน ที่คาดว่าปีหน้าจะมีมากกว่าหนึ่งล้านคน จากการปิดตัวของบริษัทส่งออก ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงิน โดยจะใช้มาตรการทางภาษี และเพิ่มการจ้างงานของภาครัฐ ฯลฯ เข้าไปโอบอุ้ม
ขณะเดียวกันก็จะออกมาตรการเพิ่มเงินในกระเป๋าของประชาชน โดยการสานต่อโครงการงบกลางปีจำนวน 1 แสนล้านบาทของรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่จะนำงบประมาณจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาทิ อบจ. อบต. ซึ่งค้างอยู่อีกประมาณ 1 แสนล้านบาท รวมเป็นเงิน 2 แสนล้านบาท มาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ต่อยอดนโยบายประชานิยมซึ่งดีอยู่แล้ว และได้รับปากกับ ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินเอาไว้ อาทิ กองทุนหมู่บ้าน และโครงการเอสเอ็มแอล และเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจ็คต์ต่างๆ อาทิ รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ฯลฯ
พร้อมกับตั้งคณะกรรมการร่วม เพื่อดูแลการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ โดยจะให้นายกฯเป็นประธาน
ขณะเดียวกัน จะมีนโยบายลดความแตกแยกทางการเมือง ระหว่างคนเสื้อเหลือง-เสื้อแดงแบบประชานิยม ภายใต้ชื่อ "นโยบายเพื่อความปรองดองสมานฉันท์แห่งชาติ" โดยนายอภิสิทธิ์ถึงกับเคยกล่าวว่า "ผมมั่นใจว่าจะล้างสีเสื้อของประชาชนภาคต่างๆ ให้ได้"
เบื้องต้น จะหาเวทีให้คน 2 สีเสื้อได้แสดงความเห็น พร้อมกับเปิดช่วงเวลาออกอากาศของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีให้กับนายกฯ 1 ชั่วโมง ผู้นำฝ่ายค้าน 1 ชั่วโมง และอาจจะให้เวลากับภาคประชาชนอีก 1 ชั่วโมง
ส่วนคดีความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะต้องไม่ไล่บี้ใคร ให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมล้างภาพตำรวจรับใช้นักการเมือง ด้วยการให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเข้ามาร่วมทำงานคลี่คลายคดีการเมืองอย่างใกล้ชิด
ส่วนนโยบายด้านสังคม จะปัดฝุ่นนโยบาย "วาระประชาชน" และแผนปฏิบัติการ "99 วัน ทำได้จริง" ซึ่งเน้นหนักไปด้านนโยบายการศึกษามาใช้อีกครั้ง ทั้งการเรียนฟรี แจกอุปกรณ์ตำราการเรียนฟรี ให้ทุนการศึกษา ฯลฯ
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์เคยระบุว่า รัฐบาลต่อไปจะต้องทำงานให้เห็นผลภายใน 3 เดือน เพราะการแก้ไขปัญหารอไม่ได้
ไม่มีเวลา "ฮันนีมูน" สำหรับรัฐบาล "มาร์ค 1" แม้แต่วันเดียว