ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (15 ธ.ค.) ว่า
นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช (ปชร.) ให้สัมภาษณ์ทางช่อง 3 ว่า “ทุกอย่างที่ทำไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าผมไม่เอาอะไรนะ ทุกอย่างทำเพื่อชาติ หาทางออกให้กับประเทศชาติ ซึ่งการทำเพื่อประเทศชาติก็ได้ทำมาตลอดชีวิต เมื่อมีวิกฤตก็ต้องช่วยกัน”
ต่อข้อคำถามที่ว่า ตามที่นายเสนาะให้สัมภาษณ์ว่าพรรคประชาธิปัตย์งานนี้ทำแรงเกินไป หมายความว่าไง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวว่า
“ไม่ใช่ว่าผมบอกว่าเขาทำแรงเกินไป ไม่หยุดฟังกันบ้าง ก็รู้อยู่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ไม่รู้ว่าจะรีบร้อนไปทำไม เพราะรู้อยู่ว่าถ้าเป็นก็ต้องเผชิญหน้ากันนะเป็นไปทำไม ตอนนี้เราน่าจะมาช่วยกันปรับปรุง แก้ไข ซ่อมแซมบ้านเมือง ให้กลับเข้าที่เข้าทางร่วมกัน และคืนอำนาจให้กับประชาชน ถ้าทำดีแล้วประชาชนเลือกก็เท่านั้น ผมคงไม่คิดอะไร”
ต่อข้อคำถามที่ว่า มาเป็นนากรัฐมนตรีตอนนี้ก็เป็นการเผชิญหน้ากันป่าวๆ ให้มาตั้งรัฐบาลร่วมกัน “รัฐบาลเพื่อชาติ” ใช่หรือไม่ นายเสนาะ กล่าวว่า
ใช่ครับ เพราะเก่งๆ ทั้งนั้น มาช่วยกันสิ มาคิดจะทำอะไรให้กับบ้านกับเมือง เก่งทางเศรษฐกิจก็มาดูแลช่วยกันสิ สิ่งที่ต้องห้าม คือ 2 ขั้วนี้เป็นนายกฯไม่ได้ และยังไม่เคยได้คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีแบบตรงๆ เลย ทุกวันนี้เป็นเพียงการบอกอะไรผ่านไป เช่น “ขอร้องอย่าโฟนอินมา เมื่อถอย ก็ต้องถอยจริงๆ เมื่อมอบหมายให้ตนเป็นผู้จัดการเรื่องนี้แล้ว ก็อยากให้ถอยจริงๆ” ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ก็รับฟัง เพียงแต่ไม่ได้พูดคุยกันตรงๆ
คำถามสุดท้าย ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ พรรคประชาราชจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาราช (ปชร.) กล่าวว่า
ไม่ร่วม ไม่เป็นฝ่ายค้าน และไม่เป็นรัฐบาลด้วย อาจจะดูอยู่ห่างๆ เพราะไม่รู้ว่าจะหนีไปไหน อย่างไรก็ดี มีกระแสข่าวว่าทางพรรคเพื่อไทยได้วางแผน 2 ไว้ หากพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ไม่รับเป็นนายกฯ หรือไม่ได้ถูกโหวตให้เป็นนายกฯ ทางพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายเสนาะ เป็นนายกฯ จะเป็นอย่างไร นายเสนาะ กล่าวว่า อย่าไปพูดอย่างนั้น เป็นเพียงการปล่อยข่าวออกไปเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า
วานนี้ (14 ธ.ค.) หัวหน้าพรรคประชาราช (ปชร.) ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ซึ่งมารออยู่หน้าบ้านพักเมืองทองธานี โดยระบุเพียงสั้นๆว่า ยังคงยืนยันที่จะเสนอชื่อ พล.ต.อ.ประชา เป็นนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และเชื่อว่า ส.ส.ในพรรค พผ.จะให้การสนับสนุนลงมติให้ พล.ต.อ.ประชา เนื่องจากมั่นใจในตัวว่าที่หัวหน้าพรรคของตัวเอง