เมื่อเวลา 12.30 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า แกนนำพันธมิตรฯ จะขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 70
เพื่อตรวจสอบการทำหน้าที่ของนักการเมือง และป้องกันระบอบทักษิณกลับมาทวงอำนาจ รวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิด แต่จุดมุ่งหมายเพื่อการปฏิรูปการเมืองใหม่ ยังไม่สัมฤทธิผล และขอต่อต้านนายกรัฐมนตรีที่จะมาจากพรรคเพื่อไทย เพราะถือเป็นหุ่นเชิดระบอบทักษิณ
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การเปลี่ยนขั้วพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่เครื่องยืนยันว่าจะนำไปสู่การเมืองใหม่
แถลงการณ์ฉบับที่ 29/2551 ถือเป็นมติอย่างเป็นทางการของแกนนำทั้งรุ่น 1 และรุ่น 2 ส่วนการวิพากษวิจารณ์ในรายการหรือเวทีต่างๆ ถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัว และพันธมิตรฯ ยืนยันว่าจะดูแลครอบครัวของผู้ที่บาดเจ็บและเสียชีวิต ส่วนนักการเมืองใครจะไปใครจะมา ต้องถูกตรวจสอบทั้งหมด เพราะพันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า เจตนารมณ์พธม.จะไม่คำนึงถึงตัวบุคคล แต่ขอให้ยืนอยู่บนหลักการทั้ง 13 ข้อที่ได้ปรากฏอยู่ในแถลงการณ์
ส่วนการเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสมนั้น ต้องแล้วแต่สถานการณ์ นอกจากนี้ พันธมิตรฯ ไม่ให้ความสำคัญกับการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมชี้แจงว่าหลังการยุติชุมนุมมีของที่เหลือจากบริจาค ทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคมากมาย ทางแกนนำไม่ได้นำใช้ส่วนตัวนำ แต่ได้บริจาคให้สาธารณกุศลหรือมูลนิธิ นำไปใช้ต่อไป
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า พันธมิตรฯ ไม่ได้ตั้งขึ้นมาสนับสนุนพรรคการเมือง หากเราไม่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมถูกโค่นล้มไปหมดแล้ว
พันธมิตรฯ กำลังพิจารณาว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ยุติบทบาท ซึ่งมีข้อเสนอว่า 1 เดือนอาจเจอกัน 1 ครั้ง โดยหาสถานที่ชุมนุมขนาดใหญ่ ขอยืนยันว่าเราพร้อมชดใช้ค่าเสียหายตามคำพิพากษาศาล แต่เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจฟ้องร้องอันเป็นเท็จ เราชุมนุมกันโดยปราศจากอาวุธ และแกนนำทุกคนไม่หนีไปต่างประเทศแน่นอน
ด้านนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีมีสถานภาพสวมหมวก 2 ใบ และเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพันธมิตรฯ
และยังไม่แน่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ เวลานี้ต้องคำนึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ เพราะใหญ่กว่าพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 12 ธันวามคม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 29/2551 เรื่อง คำเตือนก่อนเข้าสู่อำนาจ ความว่า ตามที่ได้มีประกาศพระบรมราชโองการเมื่อวันพฤหัสบดีวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ให้เรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรรับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ในวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2551 นั้น
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอให้นักการเมืองทุกฝ่ายได้ตระหนักว่า การชุมนุมต่อเนื่องยาวนานด้วยความุ่งมั่น อดทน หาญกล้าของพี่น้องประชาชนถึง 193 วัน เป็นการเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ที่แลกมาด้วยชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชนจำนวนมาก จนสามารถคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ ทำให้คดีการทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมือง และคดีทุจริตการเลือกตั้งได้ถูกพิพากษาโดยกระบวนการยุติธรรม ส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในวันนี้
การเสียสละอันยิ่งใหญ่ของพี่น้องประชาชนในช่วงเวลาที่ผ่านมา เรามิได้ต้องการแลกมาเพื่อให้นักการเมืองหุ่นเชิดในระบอบทักษิณกลับฟื้นคืนมาอีก และเราก็มิได้ต้องการเพียงแค่เปลี่ยนขั้วทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีความปรารถนาที่จะสะสางปัญหาทางการเมืองในอดีต คืนความเป็นธรรมให้กับพี่น้องประชาชน และร่วมกับประชาชนปฏิรูปสร้างการเมืองใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤติทางการเมืองกลับคืนมาอีก
เราจึงขอประกาศจุดยืนต่อการเลือกนายกรัฐมนตรี ในการประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา ดังนี้
พธม.แถลงยื่น13ข้อเรียกร้องรบ.ใหม่ไม่เอาหุ่นเชิด
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง พธม.แถลงยื่น13ข้อเรียกร้องรบ.ใหม่ไม่เอาหุ่นเชิด
ประการแรก เราคัดค้านและต่อต้านนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดที่มาจากพรรคเพี่อไทย และคัดค้านนายกรัฐมนตรีทุกพรรคการเมืองที่มีรัฐบาลผสมของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองหุ่นเชิดของระบอบทักษิณซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่
ประการที่สอง เราขอประณามการข่มขู่ คุกคาม การต่อรองตำแหน่ง และการเสนออามิสสินจ้างให้นักการเมือง เพื่อให้นักการเมืองเหล่านั้นมาสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลต่อไป โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อประเทศชาติและความรู้สึกของประชาชน
ประการที่สาม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะเฝ้าติดตามการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองในระบบการเมืองเก่าว่าจะสามารถฝ่าข้ามวิกฤตการณ์ทางการเมือง จัดการกับระบอบทักษิณและเข้าสู่การเมืองใหม่ได้หรือไม่ โดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนและวีรชน ยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลชุดใหม่ 13 ประการ
1. เร่งรัดดำเนินคดีดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ต่อ นายจักรภพ เพ็ญแข นายวีระ มุสิกพงศ์ เว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุชุมชน และปราบปรามขบวนการดูหมิ่นและล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมด โดยด่วนที่สุดเป็นลำดับแรก
2. ขอให้แสดงจุดยืนที่จะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หรือกฎหมายอื่นใดที่จะฟอกความผิดให้กับนักการเมือง ไม่แก้ไขกฎหมายเพื่อการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ของนักการเมือง และไม่แก้ไขกฎหมายเพื่อลดพระราชอำนาจหรือโครงสร้างของสถาบันพระมหากษัตริย์ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
3. ต้องส่งเสริมให้คนดีมีความสามารถมาปกครองบ้านเมือง ป้องกันมิให้คนไม่ดีมีอำนาจ บริหารราชการแผ่นดินด้วยความโปร่งใส อย่าได้นำนักการเมืองหรือข้าราชการที่มีมลทิน ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม มีการขัดกันแห่งผลประโยชน์ในตำแหน่งหน้าที่ หรือมีพฤติกรรมที่จะแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบ มาร่วมบริหารราชการแผ่นดินเป็นอันขาด
4. ขอให้เร่งรัดคดีทุจริตคอร์รัปชั่นให้เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล โดยปราศจากการแทรกแซงทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำการโยกย้ายข้าราชการที่รับใช้ระบอบทักษิณให้พ้นจากตำแหน่ง อาทิเช่น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการองค์การอาหารและยา ฯลฯ และยึดทรัพย์สินที่โกงชาติไปกลับมาเป็นของรัฐ
ทั้งนี้ เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ขอให้แสดงจุดยืนที่จะเร่งรัดดำเนินคดีบุกรุกและครอบครองที่ดินกรณีเขากระโดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย และที่ดินสาธารณะประโยชน์ในอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ ดำเนินการและยกเลิกการเช่าพื้นที่ขายสินค้าในสนามบินสุวรรณภูมิที่มิชอบ ยกเลิกและดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชนที่ให้เช่ารายการสถานีโทรทัศน์วิทยุแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 อย่างไม่โปร่งใสโดยทันที
5. ขอให้ยกเลิกหนังสือเดินทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีอาญาแผ่นดินโดยทันที
6. ขอให้เร่งรัดดำเนินการเพื่อให้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ร้ายหนีอาญาแผ่นดินมาดำเนินคดีในประเทศไทยโดยทันที
7.ขอให้ประกาศยกเลิกแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ยกปราสาทพระวิหาร และพื้นที่โดยรอบให้กับกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว และรักษาอธิปไตยทั้งดินแดนและแหล่งพลังงานก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในอ่าวไทยจนถึงที่สุด
8. ขอให้เร่งรัดสลายรัฐตำรวจ โยกย้ายข้าราชการตำรวจที่ใส่ความ กลั่นแกล้ง และคุกคามประชาชน ผู้เข้าร่วมการชุมนุม และผู้สนับสนุนการชุมนุม ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ที่มีความสำคัญหรือมีส่วนได้เสียต่อคดีความ ขอให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำร้ายสังหารประชาชนในเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ.2551 ตลอดจนใส่ความประชาชนผู้ชุมนุมว่าเป็น กบฏ และผู้ก่อการร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์, พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พ.ต.อ.ลือชัย สุดยอด ฯลฯ และขอให้คืนความเป็นธรรมให้กับตำรวจที่ทำหน้าที่อย่างสุจริตและกล้าหาญเพื่อประโยชน์ของประชาชนให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
9. ขอให้เร่งรัดดำเนินคดีความและลงโทษผู้ที่ถูกชี้มูลโดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะกรรมาธิการในวุฒิสภา ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเข่นฆ่าประชาชน เช่น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และเจ้าหน้าที่รัฐ และขอให้ดำเนินเอาผิดกับอันธพาลการเมืองของรัฐบาลที่ทำร้ายและเข่นฆ่าผู้ชุมนุมจนถึงที่สุด
10. ยุติการใช้สื่อของรัฐโฆษณาชวนเชื่อ และโกหกหลอกลวงประชาชน เพื่อระบอบทักษิณโดยทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายการและผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และขอให้ปฏิรูปสื่อ เปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างครบถ้วน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง
11. ขอให้ประกาศยกเลิกโครงการที่ใช้จ่ายเกินตัว และไม่โปร่งใส ที่จะทำให้ชาติล่มจม เช่น โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ฯลฯ โดยทันที
12. ยกเลิก พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 และใช้การปฏิรูปและพัฒนารัฐวิสาหกิจแทนเพื่อประโยชน์สูงสุดของคนในชาติ และนำเอารัฐวิสาหกิจที่แปรรูปไปแล้วกลับคืนมาเป็นของรัฐดังเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปตท.
13. ขอให้แสดงจุดยืนที่จะส่งเสริม สนับสนุน ประชาชนในการสร้างการเมืองใหม่ ที่ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมอย่างแท้จริง ตามแนวทางของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อป้องกันมิให้เกิดวิกฤติทางการเมืองในอนาคตอีกต่อไป
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอเรียกร้องให้นักการเมืองที่กำลังจะจัดตั้งรัฐบาลได้ตระหนักและคำนึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชนและวีรชนผู้เสียสละเพื่อประเทศชาติเป็นสำคัญ มากกว่าการต่อรองเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มการเมือง โดยการแสดงจุดยืนและปฏิบัติตามข้อเรียกร้องข้างต้น เพื่อมิให้ประชาชนต้องผิดหวังและหมดศรัทธาการเมืองในระบบปัจจุบันไปมากกว่านี้
ถ้าข้อเรียกร้องและเจตนารมณ์ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถูกปฏิเสธ หรือเพิกเฉย เราพร้อมจะดำเนินการเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไป