เห็นนายอภิสิทธิ์ตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นเพื่อนกับพ่อเขา นายอภิสิทธิ์เป็นคนซื่อสัตย์ มีความรู้ ความสามารถ เป็นคนที่เรียนรู้ แม้อาจจะไม่รู้ทั้งหมด แต่ที่สำคัญเป็นคนที่เรียนรู้ อย่างไรก็ตามแม้จะมีทั้งความรู้ดี ความสุจริต แต่จะทำทุกอย่างด้วยตนเองทั้งหมดไม่ได้ ต้องเปิดพื้นที่ทางสังคมด้วย
ต่อข้อถามว่า หากนายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เสถียรภาพของรัฐบาลน่าเป็นห่วงหรือไม่ เพราะอาจมีการต่อรองผลประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาล นพ.ประเวศ กล่าวว่า
ไม่ห่วง เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกรรม และเหตุปัจจัยของมัน สังคมมีบทเรียน ทุกคนไม่อยากให้เป็นเหมือนเดิม ทุกคนอยากยุติปัญหาความขัดแย้ง และเดินไปข้างหน้า เมื่อรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศช่วงแรกจะต้องคิดถึงความปรองดอง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องไม่เป็นนอมินีใคร เพราะทั้งนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ตลอดอายุการบริหารทั้ง 2 คน บ้านเมืองไม่เคยมีความสงบ นอกจากนี้การบริหารบ้านเมือง จะต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม อย่าให้เป็นเรื่องของรัฐอย่างเดียว เพราะต่อให้รัฐดีอย่างไรก็ทำคนเดียวไม่ได้
นพ.ประเวศ ยังได้กล่าวฝากเตือนสตินักการเมืองว่า นักการเมืองทุกคนต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง มีมโนสำนึก อย่าคิดแยกเป็นคอกเป็นกลุ่ม เป็นก๊วน
แต่ให้คิดถึงประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก เพราะการวิกฤตบ้านเมืองต้องการความเสียสละ ร่วมกันแก้ไข หากนักการเมืองทำได้เช่นนี้ อีกหน่อยบ้านเมืองจะไปได้ดี สีแดง สีเหลืองก็จะหายไป กลายเป็นสีคนไทยทุกคน ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันที่ 13 ธ.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะมีการโฟนอินเข้ามาในรายการความจริงวันนี้ จะทำให้เกิดความแตกแยกอีกหรือไม่ นพ.ประเวศ กล่าวว่า คงไม่เป็นไร เพราะบ้านเมืองได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ว่ามีผลก็ไม่น่าจะมาก เพราะขณะนี้คนรู้สึกเบื่อหน่ายกับความแตกแยก อยากให้ปรองดอง ใครที่คิดทำให้เกิดความแตกแยกก็จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากสังคม
นพ.ประเวศ กล่าวต่อว่า เคยเตือน พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วว่าความซับซ้อนปัญหาบ้านเมืองใช้อำนาจแก้ไขไม่ได้ ใช้แล้วจะกระทบผู้คน
และอำนาจที่ใช้ก็จะตีกลับ เหมือนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีอำนาจมาก แต่แก้ปัญหาไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นผู้บริหารบ้านเมืองต่อไป ขอให้ดูบทเรียนนี้ เพราะการใช้อำนาจมาแก้ไขปัญหาสังคม แก้ไม่ได้ง่าย ยากมาก จำเป็นต้องใช้กระบวนการทางสังคม
“รถไฟประเทศไทย จอดที่สถานีทักษิณนานเกินไป ทั้งที่เรามีเป้าหมายที่ต้องไปให้ไกลกว่านั้น แต่เรามาจอดตีกันนานไป ดังนั้นทุกคนควรวางเรื่องทักษิณ และก้าวออกไปร่วมกันพัฒนาประเทศได้แล้ว” นพ.ประเวศ กล่าว และว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณวางมือทางการเมืองได้ก็ดี และเจริญสติ ก็จะพบความสุขสงบภายใน ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในตนเอง การที่จะมาต่อสู้เพื่อตนเองในแบบเดิมๆ ไม่ดี
นพ.ประเวศ กล่าวว่า ปัญหาแตกแยกในสังคมที่เกิดขึ้นเชื่อว่า ในที่สุดก็จะแก้ไขได้ บทเรียนจากความเจ็บปวดจะเป็นตัวเชื่อมสังคมทั้งหมดว่า ทะเลาะกันบ้างไม่เป็นไร
เห็นไม่ตรงกันบ้างไม่เป็นไร แต่อย่าให้เกิดความรุนแรง ที่แล้วมาเกิดความแตกแยกมาก เพราะมีอารมณ์มาก แบ่งเป็นพรรค เป็นพวกที่รัก และเกลียด พ.ต.ท.ทักษิณ มีอารมณ์ที่รุนแรงนำไปสู่วิกฤตความรุนแรง แต่เป็นเรื่องที่ดี เพราะวันนี้สังคมจะเป็นตัวกำกับที่ไม่ให้เกิดความรุนแรง เพราะไม่อยากเห็นความแตกแยกอีกแล้ว.