รอยร้าวภายใน "พลังประชาชน" เป็นสาเหตุสำคัญลำดับแรกๆ ที่ทำให้ "เนวิน ชิดชอบ" ตัดสินใจ "ฆ่าน้อง ฆ่านาย ฆ่าเพื่อน" ยกพลกลับหลังหัน 180 องศา หัก "ทักษิณ" มาช่วย "ประชาธิปัตย์" จัดตั้งรัฐบาล
หากย้อนกลับไปในช่วง "รัฐบาลสมัคร" ฉายาที่คนใน พปช.ขนานนามว่า "แก๊ง ออฟ โฟร์" ประกอบด้วย "สมัคร สุนทรเวช" "เนวิน ชิดชอบ" "สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี" และ "ธีรพล นพรัมภา" ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในพรรค เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแยกตัวออกจาก "พปช." ไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ และหักหลัง "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" เจ้าของพรรคที่อยู่แดนไกล
จนมีคำสั่งจากแดนไกล ให้ลงขันสกัด "สมัคร" กลางสภาผู้แทนราษฎร ที่เปิดประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี
เหตุการณ์นั้นทำให้ "เนวิน" พร้อมด้วย 72 ส.ส. "กลุ่มเพื่อนเนวิน" ไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่เพียงแค่สูญเสียอำนาจ จากการที่ "สมัคร" ต้องพ้นจากเก้าอี้ "นายกรัฐมนตรี" แต่เป็นการ "เสียเหลี่ยมการเมือง" ครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิตของบรรดา "แก๊ง ออฟ โฟร์"
ซึ่ง "ผลลัพธ์" จากคำบัญชา "นายใหญ่" ครั้งนั้น ทำให้ "เพื่อนเนวิน" เริ่มคิดถึง "รังใหม่"
ในช่วงหลังจาก "แก๊ง ออฟ โฟร์" ถูกโค่นลง บรรดา "เลือดแท้" นายใหญ่ ได้ประกาศ "ชัยชนะ" เหนือ "เพื่อนเนวิน" อย่างไม่ไว้หน้า
ไล่ตั้งแต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง,คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์,ยงยุทธ ติยะไพรัช ,พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล และเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องรัก "ทักษิณ"
จึงไม่แปลกที่ "เนวิน ชิดชอบ" ซึ่งเป็นคนกลุ่มแรกที่ออกมาประกาศต่อสู้เพื่อ "ทักษิณ" ด้วยการสถาปนา "กองกำลังเสื้อแดง" ในนามของ "พีทีวี" " แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ" (นปก.) และ "กลุ่มคนรักทักษิณไม่เอาเผด็จการ" รวมถึงกลุ่มอื่นๆ อีกนับสิบกลุ่ม จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะ "เพื่อนเนวิน" สภาพไม่ต่างจาก "โคถึก" ที่ "เสร็จนา" แล้วถูกฆ่าอย่างไร้ปรานี
ซ้ำช่วงนั้นยังมีข่าวลือหนาหูจาก "กลุ่มวังบัวบาน" ของ "เยาวภา วงศ์สวัสดิ์" ที่เข้าไปบุกเบิก "พรรคเพื่อไทย" ว่าจะคัดกรอง "ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน" แล้วอนุญาตให้เข้าร่วมพรรคเฉพาะบางคน โดยจะมีการกัน "หัวขบวน" อย่าง "เนวิน" และ "ส.ส.บุรีรัมย์" อีก 4-5 คน ไม่ให้เข้าสังกัด
จึงเป็นจังหวะที่ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" จาก "ประชาธิปัตย์" เข้าแทรกแซงและร่วมเป็น "เพื่อน" กับ "เนวิน" จนมีข่าวกระเส็นกระสายว่า พบ "คู่หูการเมืองใหม่" ร่วมโต๊ะอาหารกันบ่อยครั้ง
และแล้วประตูแห่งโอกาสก็เปิดกว้างให้ "เนวิน" ได้ทบทวนทิศทางการเมืองของตัวเอง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน "สุเทพ" ได้พูดคุยกับ "เนวิน" พร้อมเสนอให้เลือกเดินถนนการเมืองเส้นใหม่ ซึ่งเป็นโอกาสในการ "ล้างมือในอ่างทองคำ" ให้สิ้นกลิ่นอาย "ระบอบทักษิณ"
ซึ่งระหว่างนั้น "ทุกสีสัน" ในประเทศทั้งกล่อมทั้งขู่ ด้วยเรื่องของ "คดีความ" หนักๆ อย่าง "กล้ายาง" และ "เซ็นทรัลแล็บ" ที่ยังคาอยู่ในกระบวนการยุติธรรม รวมไปถึงอนาคตทางการเมือง ที่อาจจะต้องเผชิญกับการ "รัฐประหาร" อีกครั้ง หากไม่มีการสลับขั้ว
จนสุดท้าย "เนวิน" ต้องตัดสินใจภายใต้เงื่อนไขความอยู่รอดในระยะยาว ที่ใคร่ครวญแล้วว่า "ทักษิณ ชินวัตร" มีโอกาส "แพ้" สูงกว่า "ชนะ"
ดังนั้น "สีหน้า" และ "น้ำตา" บวกกับ "คำพูด" ที่ว่า "พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นนาย และเคารพรักอยู่เสมอ" จึงเป็นเพียงกระบวนท่าทางการเมืองหนึ่งของ "ชายหลายพรรค" ผู้นี้