เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 10 ธ.ค. ที่รัฐสภา นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเข้าพบนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยว่า
สิ่งสำคัญที่คุยกับนายเนวินเป็นเรื่องการมองทิศทางการแก้ไขปัญหาประเทศ สิ่งที่เป็นความห่วงใยตรงกันและจะเป็นทิศทางการบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ มี 4 ข้อ
คือ 1. การปกป้องสถาบันหลักของชาติ
2. การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ดูแลประชาชนที่ประสบความยากลำบาก
3. พัฒนาประชาธิปไตยเพื่อให้กติกาในบ้านเมือง เป็นที่ยอมรับทุกฝ่ายและของสากล
4. การใช้ความยุติธรรมนำหน้าเพื่อความปรองดองและสมานฉันท์ ซึ่งถือว่าสำคัญที่สุด ส่วนที่มองกันว่าการบริหารงานของรัฐบาลหลังจากนี้จะเป็นไปด้วยความยากลำบากนั้น คิดว่าในที่สุดรัฐบาลชุดนี้ต้องจะเกิดขึ้น โดยกระบวนการของรัฐสภาที่เป็นกระบวนการประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ เมื่อจัดตั้งแล้วรัฐบาลนี้จะต้องยึดถือ 4 ข้อนี้เป็นหลัก ถ้าเห็นตรงกันเรื่องการบริหารจัดการก็จะตามมาทีหลัง ซึ่งทำได้ อยู่ที่ว่าจะสร้างเจตนารมณ์ร่วมกันได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมาการเมืองเป็นเรื่องของตัวเลข เมื่อฝ่ายใดมีตัวเลขมากกว่าก็จะเกิดการต่อรองในรัฐสภา นายอภิสิทธิ์ตอบว่า การที่ไปคุยกับหลายกลุ่มในช่วงที่ผ่านมา เราพูดกันถึง 4 หลัก
โดยพูดถึงความห่วงใยบ้านเมือง ไม่ได้พูดถึงเรื่องตัวเลข ถ้ามีตัวเลขและไม่สามารถตอบโจทย์ที่ประชาชนและประเทศชาติรอคอยอยู่ คงไม่มีประโยชน์อะไร ส่วนเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ที่จะเกิดขึ้น คงต้องมีการผสมผสานกัน แม้ตามระบบรัฐสภาเสียงข้างมากจะเป็นเสียงที่มั่นคง แต่การมี เสียงข้างมากอย่างเดียวไม่พอ ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าการโหวตเลือกนายกฯ หากเกิดขึ้นภายหลังวันที่ 13 ธ.ค. ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินเข้ามาในรายการความจริงวันนี้ อาจจะทำให้เกิดการสวิงขั้วกลับ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ก็เป็นการคาดการณ์ การจะโหวตเลือกนายกฯเมื่อใดต้องเป็นไปตามข้อบังคับ ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยสนับสนุนความคิดการตั้งรัฐบาลเพื่อชาติของนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราชนั้น ตอนนี้ยังไม่ทราบความชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร แต่พรรคการเมืองต่างๆก็เดินมาไกลพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่า การพูดคุยนายเนวินมีการหารือถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า อยู่ในกรอบที่ตนได้เสนอไป 4 ข้อเท่านั้น
เช่น ที่ผ่านมาได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษา คิดว่าต้องขยายความดึงฝ่ายต่างๆ ในสังคมมาร่วมมือกัน แต่ขอย้ำว่าประเด็นของรัฐธรรมนูญต้องอยู่ที่การปรับปรุงให้มีความเป็นประชาธิปไตยและเป็นสากลมากขึ้น ไม่มีลักษณะการแก้ไขให้ได้เปรียบเสียเปรียบหรือไปช่วยเหลือใครทางการเมืองทั้งสิ้น ผู้สื่อข่าวถามว่า จะชี้แจงกับกลุ่มพันธมิตรฯที่ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตลอดอย่างไร นายอภิสิทธิ์ตอบว่า การที่พันธมิตรฯเรียกร้องการเมืองใหม่เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ตรงนี้จึงเป็นคำตอบของการเมืองใหม่ที่พันธมิตรฯเรียกร้อง เพราะการจะหยิบการเมืองใหม่มาโดยเปลี่ยนแปลงนอกรัฐธรรมนูญจะไม่เป็นที่ยอมรับ ดังนั้น เมื่อพันธมิตรฯมีความคิดเรื่องการเมืองใหม่ ก็ต้องนำความคิดนี้มาปรึกษาหารือกับฝ่ายต่างๆในสังคม เพื่อให้ออกมาเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีกว่าฉบับปัจจุบัน ซึ่งการจะได้รัฐธรรมนูญที่ดีกว่าก็ต้องมาจากกระบวนการ แก้ไขที่ถูกต้อง