“วีระ” เลื่อนชุมนุมคนเสื้อแดงหน้าสภา หลังไม่มีประชุมวิสามัญ 8-9 ธ.ค. พร้อมย้ำ“ทักษิณ”โฟนอิน"ความจริงวันนี้สัญจร" 13 ธ.ค.แน่นอน “จตุพร” ปูด นายทหารล็อบบี้พลิกขั้ว ปชป. ตั้งรัฐบาล เตือน อย่าทำตัวเป็นเผด็จการอีแอบ ท้าทาย ให้รัฐประหาร หากทำระบบรัฐสภา ล่ม คนเสื้อแดงลุกขึ้นสู้
(6ธ.ค.) ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว เวลา 11.00 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้ดำเนินรายการความจริงวันนี้ และแกนนำ นปช. ร่วมกันแถลงข่าว เลื่อนการนัดชุมนุมของกลุ่มที่เคยกำหนดวันชุมนุมที่ 7 ธ.ค. นี้ที่บริเวณรอบอาคารรัฐสภา ออกไปอย่างไม่มีกำหนด หลังจากที่จะไม่มีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญระหว่างวันที่ 8-9 ธ.ค.นี้แล้ว
นายวีระ กล่าวว่า ตามที่กลุ่มคนสีแดงได้นัดหมายจะชุมนุมกันที่บริเวณโดยรอบอาคารรัฐสภาในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ พร้อมนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ 2,000 รูป เพื่อสวดพระพุทธมนต์ และประกาศสันติภาพให้ทุกอย่างดำเนินตามกรอบรัฐธรรมนูญ เพื่อพิทักษ์รัฐสภา เพราะไม่ต้องการให้กลุ่มใด มาขัดขวางการประชุม ตามที่รัฐบาลประกาศไว้ว่า จะขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญวันที่ 8- 9 ธ.ค. ที่จะพิจารณาเรื่องการเจรจากับต่างประเทศ ที่จะเตรียมรับการจัดประชุมอาเซียนซัมมิท พร้อมทั้งจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่
แต่เมื่อปรากฏว่า จะไม่มีการประชุมในวันดังกล่าวแล้ว จึงจำเป็นต้องเลื่อนการชุมนุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งหากภายหลังจะมีพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมวิสามัญออกมาแล้ว ทราบว่า จะมีประชุมเมื่อใด ที่จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะพิจารณาอีกครั้งว่า จะมีการชุมนุมหรือไม่ เพราะถ้าหากไม่มีใครจะเข้าไปขัดขวางการประชุม ก็ไม่มีความจำเป็น ที่พวกเขาจะต้องชุมนุมกัน แต่ถ้าถึงเวลานั้นแล้วมีข่าวไม่ดีออกมา ก็จำเป็นที่ประชาชนเสื้อแดง จะต้องออกไปพิทักษ์รัฐสภา ร่วมกับพระภิกษุสงฆ์
ส่วนการจัดรายการความจริงวันนี้สัญจร ที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 13 ธ.ค.นี้ นายวีระ ยืนยันว่า จะมีขึ้นตามกำหนดเดิมซึ่งจะเริ่มขึ้นในช่วงบ่าย ที่สนามกีฬาแห่งชาติศุภชลาศัย โดยกิจกรรมในวันดังกล่าว ยังจะมีขึ้นเหมือนเดิม ทั้งการปราศรัย การแสดงดนตรี และการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนด้วย
ทั้งนี้ การชุมนุมนอกจากจะเป็นการแสดงให้เห็นเจตจำนงต่อต้านรัฐประหารทุกรูปแบบ ของกลุ่มคนรักประชาธิปไตยแล้ว ยังจะเป็นที่ส่งท้ายปีเก่าไปด้วย เพราะหากจะมีการชุมนุมกันอีกครั้ง ก็คงจะเกิดในปีหน้า 2552 ซึ่งหวังว่าเวลานั้น สถานการณ์บ้านเมืองจะเรียบร้อยได้รัฐบาลใหม่
ส่วนหน้าตาของรัฐบาลใหม่จะเป็นอย่างไร ก็ขอให้เป็นไปกฎเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญเท่านั้นพอ ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พวกเขาก็ยอมรับได้ แต่ถ้าจะมีอำนาจแฝงเข้ามาเป็นพิเศษ นอกเหนือจากรัฐธรรมนูญ ขอย้ำว่า รายการความจริงวันนี้ และกลุ่มคนเสื้อสีแดง ก็ไม่อาจยอมรับได้
“ถ้ารัฐบาลใหม่ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พวกเรายอมรับได้ แม้ประชาธิปัตย์จะมาเป็นรัฐบาล ผมก็ยอมรับได้ แต่ต้องตั้งคำถามว่า ถ้าทหารจะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำพลิกขั้ว แล้วประชาธิปปัตย์จะอธิบายเรื่องคดี ปรส. กับประชาชนอย่างไร ที่ผมได้ร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษไว้ และส่งให้ ปปช. 6 คดี โดยส่งให้อัยการยื่นฟ้องแล้ว 1 คดี ซึ่งคดี ปรส. มีค่าเสียหายที่ประเมินกันไว้ถึง 650,000 ล้านบาท ดังนั้น ผมขอให้อธิบายเรื่องนี้ เพราะถ้าจะมาเป็นรัฐบาล ก็เรียกร้องกันว่า ต้องเป็นรัฐบาลที่ความซื่อสัตย์สุจริตในการบริหาร” นายวีระกล่าว
ขณะที่นายจตุพร กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ว่า ในฐานะที่เขาเป็น ส.ส. คนหนึ่ง เห็นว่า ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองขณะนี้ นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง จะพบอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะเวลานี้ มีนายทหารบางคนออกมาเดินเกมพยายามล็อบบี้ให้มีการสลับขั้วสลับข้าง และสุดท้ายก็จะนำมาซึ่งการล้มระบบรัฐสภา
เขาบอกว่า ที่ผ่านมา การที่ ส.ว. 40 คน ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพ ส.ส.สัดส่วน หลังถูกยุบพรรค และสถานการณ์รักษาการของ ครม. ที่เหลืออยู่ ก็เป็นการส่งสัญญาณอย่างหนึ่ง ที่เตรียมกันไว้ทั้งหมด ทั้งที่สถานภาพ ส.ส.สัดส่วนนั้น ก่อนหน้านี้ที่มีการยุบพรรคความหวังใหม่ มารวมกับพรรคไทยรักไทย ส.ส.สัดส่วนก็สามารถย้ายมาสังกัดพรรคได้ โดยไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้น เมื่อศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้มีคุณภาพเช่นนี้ ประกอบท่าทีของ ส.ว.ทั้ง 40 คนที่ดำเนินการดังกล่าว จึงทำให้เห็นว่า จะทำให้เกิดการทำหมันตัดตอนนักการเมือง
เขาบอกว่า โดยส่วนตัว ไม่ห่วงเรื่องการสลับขั้ว เพราะการเลือกนายกรัฐมนตรี เลขาธิการสภาฯ ต้องขานชื่อ ส.ส. แล้วยืนขึ้นบอกว่า จะเสนอใครเป็นนายก ฯ ซึ่งประชาชนก็ติดตามเฝ้ามอง ส.ส. ได้ในการถ่ายทอดสดการประชุมสภา ซึ่งเห็นว่า หากสถานการณ์เมืองจะสามารถดำเนินไปถึงวันนั้นได้ ก็เชื่อว่า จะไม่เกิดอุปสรรคในการเลือกนายกฯ
“ผมขอฝากถึงนายทหาร ที่พยายามล็อบบี้ว่า ถ้าทำให้ระบบรัฐสภาไปไม่ได้ ก็ควรทำรัฐประหารให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย อย่าพยายามทำตัวเป็นเผด็จการอีแอบ เพราะเมื่อต้องการแทรกแซงแล้ว หนทางเดียวก็คือรัฐประหาร แล้วประชาชนเสื้อแดง จะได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับคุณ ไม่มีอะไรต้องสลับซับซ้อนเลย ไม่ใช่เรียกคนนั้น คนนี้ไปพบ ก็ต้องถามว่า ทำไปทำไม เพราะวิธีเช่นนี้ ทำลายระบบรัฐสภา และระบอบประชาธิปไตย โดยสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้ผมไม่ไว้วางใจ และยังเชื่อว่า จะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้กับเกมวันนี้ ขณะที่นักการเมืองถูกใช้เป็นเครื่องมือทั้งสองข้าง โดยพวกที่ไม่ผ่านการเลือกตั้ง จะเข้ามาสวมรอยเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา” นายจตุพรกล่าว
เขาบอกด้วยว่า ขอฝากถึงเพื่อนนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพวกล่วงหน้าที่เข้าพรรคเพื่อไทย หรือพวกที่ยังไม่เข้า ว่าวันนี้ต้องตระหนักให้ดีว่า เราจะทะเลาะกันในเข่ง เพื่อรองานตรุษจีนอย่างนั้นหรือ มันไม่มีประโยชน์อะไร ซึ่การลากเกมออกไป ต้องการทำให้เกิดปัญหาทางการเมือง ซึ่งเขาเชื่อว่า สมาชิกพรรค 200 คน ย่อมมีความเห็นแตกต่างกันได้บ้าง แต่เวลานี้ ยังพูดคุยกันได้ และนับแต่นี้ไปต้องหาเวลาคุยกัน โดยต้องแบหัวใจกันออกมาคุยว่า เรายังสนับสนุนคนในบ้านและทำเพื่อประเทศชาติ หรือจะให้อำนาจนอกระบบเข้ามา
ส่วนที่กลุ่มนายเนวิน ชิดชอบ ยังไม่เข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย จะเป็นการต่อรองเรื่องตำแหน่งในรัฐบาลหรือไม่นั้น นายจตุพร กล่าวว่า เชื่อว่า ไม่ใช่ เพราะรัฐบาลไม่มีโอกาสที่จะอยู่ได้ในระยะยาว แต่คงมีอายุได้เพียงสั้น ๆ เท่านั้น แต่ที่เกิดปัญหา เขาเห็นว่าเพราะยังไม่ได้คุยกันโดยครบถ้วนเท่านั้น
ส่วนที่จะให้สลับขั้วให้นายชวน หลีกภัย ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นมาเป็นนายกฯ บ้าง หรือจะเอาคนนั้น คนนี้มาเป็นบ้าง เขาเห็นว่า โอกาสมียาก
นายจตุพร ยังกล่าวปฏิเสธว่า การที่คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ เดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย ไม่ได้มีส่วนเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล แต่เขาได้สอบถามผู้ที่ใกล้ชิดคุณหญิงพจมานแล้วว่า การเดินทางกลับมาครั้งนี้ เพื่อมาเยี่ยมมารดา คือ นางพจนีย์ ณ ป้อมเพชร ที่มีอาการป่วยอยู่และมีอายุมากแล้ว ส่วนการเดินทางกลับมาจะเกี่ยวข้องกับเรื่องคดีความหรือไม่ เป็นเรื่องในความรับผิดชอบของทนายความแล้ว