ปชป.รอเก้อแถลงข่าวตั้งรัฐบาล เหนาะ พริ้วไม่ร่วมประชาธิปัตย์

"ป๋าเหนาะ" พริ้วประชาราชไม่แถลงร่วมปชป.แน่ ย้ำ ไม่ขอเป็นนายกฯบนความขัดแย้ง ชี้ "มาร์ค"นั่งนายกฯไปเหนือ อีสานไม่ได้ ด้าน "ป้าอุ-มั่น"โผล่"เพื่อไทย"ยันไม่เปลี่ยนขั้วร่วมปชป. ประสานเสียงกอดคอ"เพื่อไทย"ตั้งรัฐบาลใหม่

(6ธ.ค.) นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวว่า ไม่ทราบถึงการเดินทางแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ เท่าที่รู้ มีบางส่วนเท่านั้นที่ตอบรับ และยืนยันว่า จะไม่มีสมาชิกพรรคประชาราชไปร่วมด้วย ในฐานะที่เขาเป็นผู้อาวุโสในการเมือง ฟันธงได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต

"โดยส่วนตัวแล้ว ไม่ได้รังเกียจพรรคประชาธิปัตย์ แต่เห็นอนาคตประชาธิปัตย์ว่า จะมีการแบ่งแยกเป็นไทยเหนือ ไทยใต้ นำไปสู่ความรุนแรงกว่าปัจจุบัน ประเทศจะพัง ถ้านายอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกฯจริง ถามว่า สามารถไปปฏิบัติหน้าที่นายกฯภาคเหนือและอีสานได้หรือไม่ สิ่งที่อยากเห็นคือการมีรัฐบาลเพื่อชาติ เพื่อซ่อมแซมประเทศให้คืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และเชื่อว่า ส.ส.อีสาน คงไม่มีใครกล้ายกมือให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯเพราะไม่อย่างนั้นส.ส.ภาคอีสาน จะตอบคำถามประชาชนในพื้นที่ไม่ได้"

นายเสนาะ ยอมรับว่า มีการทาบทามให้ไปร่วมรัฐบาลและเสนอตำแหน่งให้ แต่ไม่รับ เพราะเห็นว่าไม่ถูกต้องและมองเห็นอนาคตของประเทศซึ่งมันไม่คุ้ม และเขาก็ขอบอกเลยว่า ไม่ต้องการเป็นนายกฯ แม้สถานการณ์ตอนนี้จะวิกฤติแค่ไหนก็ตาม

ทั้งนี้มีรายงานจากกลุ่มเพื่อนเนวินว่า แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ได้หารือการจับขั้วการเมืองว่า จะไปอยู่พรรคเพื่อไทยหรือย้ายไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะขณะนี้ 2 ขั้ว ต่างเสนอเงื่อนไขให้พรรคร่วมฯและกลุ่มเพื่อนเนวินตัดสินใจ โดยพรรคเพื่อไทยยื่นเงื่อนไขว่าจะช่วยดูแลในการเลือกตั้งครั้งหน้า พร้อมทั้งเสนอโควตาครม. ให้พรรคร่วมฯพิจารณาก่อน โดยหากพรรคร่วมฯไม่รับข้อเสนอนี้จะยุบสภาทันที แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็เสนอว่า ขอให้ย้ายไป เพื่อแลกกับการดำเนินคดีบางอย่าง ที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองรับปากไว้

ทั้งนี้คาดว่าน่าจะได้รับคำตอบภายในวันเดียวกัน ส่วนกลุ่มเพื่อนเนวินค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า จะไม่สังกัดพรรคเพื่อไทยและเป็นไปได้ว่า จะไปสังกัดพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดพรรคหนึ่งก่อน เพียงแต่ยังไม่มีความชัดเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 16.45 น. นางอุไรวรรณ เทียนทอง รักษาการรมว.แรงงานฯ ตัวเเทนพรรคประชาราช เดินทางมายังพรรคเพื่อไทย และกล่าวกับสื่อมวลชนว่า นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ยืนยันเเต่ต้นว่า จะไม่ไปร่วมตั้งรัฐบาล กับพรรคประชาธิปัตย์ และไม่ไปร่วมแถลงข่าวกับฝ่ายนั้น

เมื่อถามว่า ยืนยันว่า พรรคประชาราชจะร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย นางอุไรวรรณ กล่าวว่า "ก็มาวันนี้เเล้วนี่"

เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ติดต่อให้ไปร่วมบ้างหรือไม่ นางอุไรวรรณกล่าวว่า ก็คุยกัน และเมื่อถามว่า วันนี้จะหารือเรื่องนายกฯด้วยหรือไม่ นางอุไรวรรณติดตลก กล่าวว่า เสียดายที่เธอไม่ได้เป็นส.ส.

จากนั้นเวลา 17.00 น. นายมั่น พัธโนทัย รักษาการรมว.ไอซีทีและแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน เดินทางมาพรรคเพื่อไทย โดยกล่าวก่อนขึ้นไปประชุม กับแกนนำพรรคเพื่อไทย ในการตั้งรัฐบาลว่า มีคนโทรศัพท์ไปตามให้เขามาประชุมที่นี่ ซึ่งเขาก็มาพร้อมกับนายไชยยศ จิรเมธากร ส.ส.อุดรฯ พรรคเพื่อแผ่นดิน

"ผมยืนยันว่า วันนี้ ยังอยู่ที่นี่ เพราะได้รับปากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯแล้วว่า พรรคจะร่วมรัฐบาล ส่วนนายกฯเป็นใครนั้นก็ต้องคุยกันก่อน และพรรคต้องนำเรื่องนี้ไปคุยกันในข่วงประชุมกรรมการบริหารพรรคในสัปดาห์หน้าเสียก่อน"

นายมั่น กล่าวว่า โดยหลักการ พรรคอันดับหนึ่งจะได้สิทธิในการเสนอบุคคลเป็นนายกฯก่อน หากจัดตั้งไม่ได้จะเป็นพรรคอันดับรองลงมา

ส่วนที่มีข่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลเดิม จะไปแถลงข่าวกับพรรคประชาธิปัตย์ ในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายมั่น กล่าวว่า เป็นธรรมดาในการตั้งรัฐบาล เพราะทุกฝ่ายมีสิทธิที่จะหาแนวร่วม

นายวิเชียร อุดมศักดิ์ ส.ส.หนองบัวลำภู กลุ่มเพื่อนเนวิน ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า กลุ่มเพื่อนเนวินจะย้ายไปจับมือร่วมกับพรรคประชาธิปัย์ เนื่องจากเห็นว่า พรรคเก่ายังมีปัญหาในการเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกฯและกลัวว่า จะมีปัญหาตามมาอีก เพราะที่ผ่านมา ประเทศชาติก็บอบช้ำมามากแล้ว โดยนายเนวิน ชิดชอบ ได้บอกกับส.ส.ในกลุ่ม ถึงเหตุที่ต้องย้ายไปพรรคประชาธิปัตย์ว่า" ยังไงก็ต้องเอาชาติและสถาบันไว้ก่อน”

นายวิเชียรกล่าวว่า จากเดิมส.ส.ในกลุ่มเพื่อนเนวินมี 37คน วันนี้ เหลือจริง ๆ 32 คนเท่านั้น ส่วนอีก 5 คน ยังไม่ตัดสินใจทางการเมือง

อย่างไรก็ดี ทางกลุ่มไม่กังวลว่า เมื่อย้ายพรรคไปแล้ว จะถูกโจมตีทางการเมือง เพราะเราต้องพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่า ที่เราทำไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแต่ทำเพื่อประชาชน ในการเลือกตั้งก็ไม่กลัวสอบตก เพราะยังเชื่อว่า หากเรามีผลงานก็ไม่ต้องกลัวอะไร

นอกจากนี้ หากครั้งหน้าได้จัดตั้งรัฐบาล ก็จะเสนอให้นำนโยบายบางส่วนจากพรรคเดิมตามไปด้วย เพราะว่า เป็นนโยบายที่ประชาชนยอมรับ