นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ถึงความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล
เป็นเรื่องรรมดาของพรรคการเมือง และนักการเมือง เพื่อจะต้องคุยกันอีกหลายรอบ เพราะจะต้องทบทวนสถานการณ์ คำนึงถึงแนวทางปฏิบัติให้เป็นไปตามความเหมาะสม แต่เชื่อว่า อีกไม่เกิน 2-3 วัน นี้ภาพจะชัดเจนมายิ่งขึ้น ส่วนกรณีที่จะมีการขอเปิดประชุมวิสามัญเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น ตนยังไม่ทราบว่า จะเป็นวันที่เท่าไรแน่ เพราะการเข้าชื่อส.ส. ที่จะไปถึง นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อที่จะนำความกราบบังคมทูล ขอเปิดสมัยวิสามัญ บัญชีรายชื่ออาจจะยังไม่ถึงมือ ประธานสภาฯ จะไปคิดเอาว่าเป็นวันที่ 11-13 ธันวาคมนี้ ตนคิดว่า ยังไม่ตรง
เมื่อถามว่าอีก 2-3 วันนี้ ตัวผู้ที่จะมาเป็นนายกฯนั้นจะชัดเจนขึ้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่จะเห็นตัวนายกฯ แต่จะเห็นความชัดเจนในการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล ว่า ความคิดเห็นส่วนใหญ่จะไปในแนวทางไหน
เมื่อถามว่า การที่คุณหญิงพจมาณ ชินวัตร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาในช่วงนี้ จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คาดว่า การกลับมาในครั้งนี้ จะทำให้สถานการณ์วุ่นวายมากยิ่งขึ้น คงจะเป็นเหตุการณ์หนักหนาสาหัสเอาเรื่องเช่นกัน เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การเข้ามาในครั้งนี้คงมีผล เพราะเมื่อคืนวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา มีการติดต่อทางโทรศัพท์เป็นรายคน ซึ่งเรื่องนี้จะต้องติดตามดูต่อไป แต่ยังเชื่อว่าบรรดาส.ส.ส่วนใหญ่ จะคิดถึงเรื่องประเทศชาติ คิดถึงเรื่องประชาชนเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังคงเชื่อว่า จะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองเกิดขึ้นได้ใช่หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เชื่อว่าเกิดขึ้นได้
ส่วนทางทางกลุ่มเพื่อเนวิน นั้น ตนยอมรับว่ามีการคุยกับส.ส.ในทุกพรรค เพราะตนเป็นเลขาธิการพรรค และทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้ายอยู่ เมื่อมีเหตุการณ์บ้านเมืองเกิดขึ้น ก็จะต้องมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อสมาชิกส.ส. ที่รู้จัก เคยพูดคุยกัน และเห็นว่าทุกคนก็คิดเรื่องอนาคตของบ้านเมืองกันทั้งนั้น
เมื่อถามว่า ยังคงมีส.ส.ที่ต้องการจะเข้ามาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์เพิมเติมหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มีอยู่บ้าง 1- 2 ราย แต่ต้องรอให้ชัดเจนก่อน ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามาจากพรรคใด
เพราะยังมีประเด็นทางกฎหมายอยู่ว่า พรรคที่ถูกยุบยังไม่มีประกาศพระราชกฤษฏีกายุบพรรคการเมือง ดังนั้นต้องรอให้มีประกาศเสียก่อน ส.ส.เหล่านี้จึงจะได้ออกไปอยู่พรรคใหม่ จึงถือว่า ยังเป็นช่องว่างของเวลาอยู่ แต่เราไม่ได้ไปชักชวนใคร ซึ่งหากมีส.ส.ที่เห็นว่า เกิดกรณีอย่างนี้ขึ้นแล้วต้องการที่จะมาร่วมทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์เราก็ยินดีต้อนรับ
ส่วนเงื่อนไขที่ว่า หากส.ส.พรรคอื่นย้ายเข้ามาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แล้วจะต้องให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เคยได้ยินใครเสนอเงื่อนไขอย่างนี้เลย
เพราะหากมีการเปลี่ยนขั้ว ก็จะต้องเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ เพราะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้งยังเป็นผู้นำฝ่ายค้านในรัฐสภาและมีภาระหน้าที่ ที่จะต้องรับผิดชอบบ้านเมือง หากรัฐบาลไม่สามารถรับผิดชอบบ้านเมืองได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่ นาบยอภิสิทธิ์จะต้องเป้นผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทน