กรุงเทพธุรกิจ
3 กรกฎาคม 2549 19:49 น.
´สมัคร สุนทรเวช´ระบุ´ทักษิณ´ใช้คำถูกจังหวะจะโคน โดนใจทำเอากระโดดเป็นแผง อัด´วิษณุ-บวรศักดิ์´กลัวจนหัวหด ซัดโพลระบุอ้างชื่อบุคคลเป็นการชี้นำ
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายสมัคร สุนทรเวช ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวในรายการวิทยุเอฟเอ็ม 105 เมกะเฮิร์ตซ์"wisdom radio" กรมประชาสัมพันธ์ กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญเข้าแทรกแซงการเมืองว่า ตนเห็นด้วยที่นายกฯใช้คำนี้ เพราะจะทำให้การเมืองชัดเจน คนที่อยู่ข้างบนจะต้องได้ยิน และได้รับรู้
เขาระบุว่า กรณีที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตเลขาธิการ ครม.และนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ลาออกจากรัฐบาลนั้น เป็นเพราะมีคนบางคนให้ข่าวบางอย่าง จึงทำให้กลัวจนหัวหด และลาออกไป พร้อมทั้งด่าสื่อมวลชนและคนทำแบบสำรวจว่า "แส่" ที่ไปหาความหมายของคำว่า "ผู้มีบารมี" ว่าคือใคร เลยทำให้เป็นเรื่อง
"...ไอ้ความขุ่นมัวทางการเมืองเนี่ย นายกฯ ก็พยายามจะแหวกอะไรให้มันใสให้เห็นหน่อย นายกฯ ก็ใช้ถ้อยคำที่บอกว่า ผมไม่รู้ว่าใครไปแนะนำนายกฯ ให้ใช้ถ้อยคำอย่างนั้น แต่มันถ้อยคำที่เก๋มาก เป็นถ้อยคำที่เก๋มากนะฮะ มีคนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญน่ะนะ เออ อันนี้เป็นคำที่เรียกว่า ต้องเรียกว่านั่นมากเลย เป็นคำที่เอามาใช้ได้เหมาะสมจังหวะจะโคนดีนะ"
"...คราวนี้พอพูดแล้วเป็นไง ถามว่านายกฯ พูดให้ฟังว่ามันเกิดมีปัญหาอย่างนี้นะ แล้วมันมีปัญหายังไง ก็ต้องมีว่า ต้องให้เห็นเลยว่า มันมีข้าราชการสำคัญคนหนึ่ง และนักการเมืองคนหนึ่ง ลาออก เห็นไหมฮะ ไอ้ตอนที่ลาออกเนี่ย นายกฯ ไม่พูดอย่างนี้ ไม่ใบ้หรอกครับ เพราะว่า จริงๆ มันต้องมีคนถาม ผมไม่ทราบหรอกเวลาก่อนเข้าประชุม ก็จะมีคนถาม ท่านนายกฯ ครับ ทำไมคนนั้นออก ทำไมคนนี้ลาออก ใช่ไหมฮะ นายกฯ ก็บอกว่า เดี๋ยวๆๆ ผมจะอธิบายให้ฟังเอง ว่าทำไมถึงออก ใช่ไหมฮะ แต่คำอธิบายนายกฯ ก็ไม่เคยไปพูดว่าทำไมถึงออก"
"...ท่านนายกฯ ไปพูดบอกว่า มีคนที่มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญนะ มาบีบบังคับให้คนนี้ลาออกไป วันนี้นะ สดๆ นะฮะ ไปถามใคร เขาไปถามคนที่เพิ่งสึกออกมา(นายบวรศักดิ์ )ใช่ไหมฮะ คนเพิ่งสึกออกมาก็บอกไม่มี ไม่เคยมีใครสั่งเขา ถูกต้องครับ เพราะคนที่เพิ่งสึกออกมาเนี่ย เขาดองกันอยู่กับคนแรกที่ลาออกไปทีหลัง(นายวิษณุ) นะฮะ คนนี้ออกก่อนนะฮะ ทำไมคนนี้ถึงออกก่อน เพราะว่าพอได้ข้อมูลจากคนที่โยงใยกันอยู่เนี่ย พอได้ปั๊บก็ไปหาลูกพี่เลยครับ ลูกพี่แนะนำเลย เฮ้ย ต้องออก อย่างนี้ต้องออกทันที ทันทีเลยนะฮะ เห็นไหมฮะ"
"...ด้วยความขี้หดตดหายยังไม่ทราบได้นะฮะ หรือจะกระโดดถีบหัวเรือทิ้ง ก็สุดแท้แต่นะฮะ ก็ตัดสินใจอ้างว่าไปบวชก่อนนะ อ้างว่ามาพูดจากับหัวหน้ารัฐบาลแล้วนะ แล้วยังพูดจากระแนะกระแหนไว้นิดๆ นะ ยังมีคำเปรียบเปรยไว้นิดๆ แล้วก็ออกไปนะ เห็นไหมฮะ"
"...แต่ว่าข้อเท็จจริงก็คือว่า เขาได้รับข้อมูลมาแล้วเขาไปหารือ แล้วมีคนแนะนำให้เขากระโดดหนีก่อน อีกคนก็บอกวันกำหนดจะกระโดดหนี พอสถานการณ์มันค่อยยังชั่วขึ้นก็บอกว่าจะอยู่อีกสักพักหนึ่ง นายกฯ ก็บอก ถ้ายื่นใบลาแล้วคุณก็พ้นไปก็แล้วกัน นี่ ตามแบบฉบับนายกฯ นะ"
"...พอเป็นอย่างนี้ปั๊บ คือนายกฯ แทนที่จะไปตอบคนที่นั่งฟังกันอยู่ในการที่ว่าไปเร่งรัดนะ บอกคุณนี่นะ ความหมายเหมือนกับ คุณเป็นไอ้เกียร์บ็อกซ์ เครื่องยนต์กลไกเนี่ย คุณให้เกียร์ว่างไม่ได้นะ รถลงเขาเนี่ยเกียร์ว่างบรรลัยแน่นอน เพราะงั้น บอก ต้องเข้าเกียร์อยู่เสมอ คือเครื่องต้องเดิน เกียร์ต้องอยู่ คือรถมันต้องฝืดอยู่นะ แล้วก็ใช้เบรค ใช่ไหม ค่อยๆ ไหลลงมานะ คือคล้ายๆ ขับรถจะต้องเป็นอย่างนี้นะ ก็พูดจาไปอย่างนั้น"
"...ปรากฏว่าท่านนายกรัฐมนตรีก็ ใช้สำนวนที่ผมว่าเก๋ไก๋เนี่ยนะ เพราะไอ้คำนี้เท่านั้นล่ะครับ โอ้โห กระโดดกันเป็นแผงเลยครับ นะฮะ กระโดดกันเป็นแผงเลย คือสำคัญที่สุดคือพวกนักข่าวเนี่ยนะ นักข่าวเนี่ยจะมีศักดิ์ศรีในความเป็นตัวคน หรือมีอะไรต่างๆ คือบางอย่างต้องไม่ถาม ถูกไหมฮะ ต้องมีเกียรติยศในตัวเอง ที่จะไม่ต้องแร่ไปถามนะ แต่ไอ้นี่ความอยากจะนั่นกันทันที คืออยากจะให้เป็นข่าว หรืออยากจะให้เป็นเรื่อง แร่ไปถามเลย
"...มันได้ยังไง หลานผมอายุ 2 ขวบครึ่ง ชอบถามผม ได้ยังไง เหมือนว่าเป็นอย่างนี้ได้ยังไง ปรากฏว่าไปถามตัวเขาก็ตอบเลย ว่าไม่ใช่ เขาไม่รู้ มันได้ยังไง คือไปตอบได้ยังไงว่า เออ ใช่เขาหมายถึงผม ได้ไหม เป็นไปไม่ได้เลย ถูกไหม ไอ้คนไปถามเนี่ย ควรจะน่าอาย ไปถามเขาทำไม"
"...แต่ว่า ไอ้บางคนนะ บางคนนะ กลัว มาบอก ไม่ได้ เรื่องนี้เคลื่อนไหวไม่ได้ เดี๋ยวเสียทาง ไอ้พวกที่เคยมาเล่นผมไง ที่เคยมาเขย่าผมแต่ก่อนนี้ จะให้ผมไปขอขะมงขมา นั่นล่ะ ไอ้พวกนี้หดหมดฮะ บอก ไม่ได้ เดี๋ยวเข้าทาง เคลื่อนไหวไม่ได้นะ มีไอ้บ้าคนหนึ่ง ไอ้หน้าตาถมึงทึงเวลาที่เกือบจะเอาเป็นเอาตาย ไอ้คนนี้นะ โผล่มาเลย บอก ไม่ได้เขาเป็นชาวจังหวัดนี้ เขาเป็นจังหวัดนี้ ทนไม่ได้ ก็เกือบ พอดีเบรคได้นะ อดทนไม่ได้ เบรกได้"
"...แต่ไอ้ที่มันทุเรศคือใครรู้ไหม คือไอ้คนทำโพล ไอ้คนทำโพลมันทำโพลไปถามให้คนตอบว่าหมายถึงใคร มันถามอย่างนี้ได้ยังไงฮะ ใช่ไหม มันได้ยังไง ผมต้องถามคำนี้ มันทำอย่างนี้ได้ยังไง มันทำโพลฮะ ร้อยละ 57 ตอบว่าหมายถึงใครเนี่ยนะ"
ถ้าไม่ทำออกไป คิดว่าเขาคงจะหมดสภาพหรือยังไง
"มันไม่ทราบนะ แต่ผมคิดว่ามันทำไม่ได้นะแบบนี้นะ เขามีปัญหากันอยู่ ปัญหาเรื่องนี้นะ คือเขาเดินหมากกันอยู่ มาเดินหมากคนละตัวเนี่ยนะ มันไปแส่อย่างนี้ได้ยังไง เขาเดินหมากกันอยู่ กำลังเดินหมาก มันต้องนั่งดู ดู ตามกลไกนาฬิกาทรายมันจะไหลหมด"
"ท่านเคยเห็นคนเล่นหมากรุก เห็นคนนั่งดูไหม ส่วนใหญ่คนนั่งดูอยากจะแสดง...ไม่ได้เลยนะ เสียมารยาทเลยนะ นอกจากว่าไอ้คนดูมันเป็นคนอาวุโสเหนือกว่า เหนือกว่าไอ้คนเล่นนะ ก็บอก เฮ้ย ทำไมไม่อย่างโน้นอย่างนี้ ใช่ไหม แต่มารยาทหมากรุก ทั้งฝรั่งทั้งไทยเลยนะ ต้องเอามือไขว้หลังเลยนะ เอามือเกาะขอบโต๊ะ โก้งโค้งดูเลยนะ"
แต่นิสัยคนไทยบ้านเรามันคนละเรื่องกันนะ
คืออันนี้ต้องหุบปากหมดนะ เพราะว่าคนที่เขาเดินปั๊บไปเนี่ยนะ อีกคนเขาจะต้องเดิน จะต้องแก้ มันแพ้ไม่แพ้ มันอยู่ตรงนี้ถูกไหม มันต้องปล่อยให้เขาเดินหมากถูกไหม เออ ถ้าเขาขยับไม่ได้ อย่างนี้เขาเรียกเช็กเหมต เช็กเหมตเขาเรียกอะไร รุกใช่ไหม แต่นี่เขายังไม่เช็กเหมต เขาเดินแต่นี่เสียงมันกระแทกแรงไปหน่อย
อีกข้างหนึ่งต้องดูว่าจะเอายังไง ไอ้ลูกกะเล่ ทั้งหลายบอก ไม่ได้ คือเคลื่อนไหวนะฮะ เสียทาง เห็นไหม แต่ว่าไอ้คนทำโพลเนี่ย ดูสิ เห็นไหม ไอ้คนทำโพลมันยืนดู มันทำโพลได้ไหม คือลองคิดถึงหมากรุกธรรมดา เขากำลังเดินกันอยู่เนี่ยนะ ไอ้คนทำโพล ทำโพลตรงนั้นเลย สอบถามเลยว่าหมายความว่ายังไง มาคาดการณ์เลยว่าจะเดินตัวไหนไปไหน ได้ยังไง นี่ล่ะครับ ไอ้ตัวเนี้ย แต่ว่า ต้องคุย และต้องให้มันชัดเจนนะ การเมืองที่ผมบอกว่าขุ่นมัวเนี่ย มันใสขึ้นหน่อย อะไรที่ คนที่อยู่ข้างบน ไม่ได้เคยได้ยิน ก็จะต้องได้ยิน อะไรที่ไม่เคยได้รู้เลย ต้องรู้ครับว่ามันเกิดมีอะไรขึ้น แล้วหมากที่เดินตัวนี้ไปเนี่ยนะ ผมจะบอกให้ฟังนะ มีคนดิ้นรนกระวนกระวาย บอกจะเดือดร้อน ผมว่าไม่ ผมว่าไอ้นี่ล่ะมันจะคลายทุกอย่างหมด ถูกไหมฮะ ไอ้คนที่จะดำเนินการอยู่ต้องหดนะฮะ ต้องหดนะฮะ