สะพัด อ้อ กลับไทย เนวินหักดิบแม้ว ปฏิเสธเข้าพบหลังป่วนกระแสพลิกขั้วจับมือ ปชป. ดันชวนนายกฯ

สะพัดข่าว "พจมาน" บินกลับไทย "เนวิน" ลั่นนำ 37 ส.ส.ในกลุ่มผ่าทางตัน รับกระแสพลิกขั้วดัน "ชวน" นั่งนายกฯ ชี้หมดเวลาแล้วที่ผู้มีอำนาจจะเข้าประเทศโดยจับประชาชนเป็นตัวประกัน ปฏิเสธคุย "แม้ว" ที่เรียกเข้าพบ คุยมีสมาชิกเห็นพ้องทยอยเข้ากลุ่มไม่น้อยกว่า 50 "วังบัวบาน" ซัดทรยศ งัดแผนยุบสภาขู่หากป่วนไม่เลิก ปธ.สภาที่ปรึกษา ปชป.ชี้เป็นไปได้ยาก ปชป.เดินเกมดูด ส.ส.เมืองกรุง-ทาบมัชฌิมาฯ กลุ่ม"สรอรรถ"ส่อเป็นงูเห่าตาม

 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อค่ำวันที่ 5 ธันวาคม ได้มีกระแสข่าวแพร่สะพัดว่าคุณหญิงพจมาน ชินวัตร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทย ในเวลา 22.00 น. วันเดียวกันนี้ (5 ธันวาคม) โดยเครื่องบินจะลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ อย่างไรก็ตาม นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ได้ปฏิเสธว่า ไม่ทราบข่าวดังกล่าวว่าจะเป็นจริงหรือไม่ แต่เท่าที่เคยรับทราบมา คาดว่าคุณหญิงจะยังไม่เดินทางกลับประเทศไทยในช่วงนี้ เนื่องจากสถานการณ์การเมืองยังไม่เข้าที่เข้าทาง เพราะยังไม่มีการเลือกนายกรัฐมนตรี โดยก่อนหน้านี้เคยได้ยินข่าวว่าคุณหญิงจะเดินทางกลับประมาณเดือนธันวาคม

"ชวน"กั๊กนั่งนายกฯแทน"มาร์ค"
 
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ชี้ยากที่การเมืองจะเปลี่ยนขั้วให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และยากยิ่งกว่าที่จะให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แทนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีระบบพรรคการเมืองอยู่ ขณะที่นายเนวิน ชิดชอบ หัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน ประกาศผ่าทางตัน นำ 37 ส.ส.ในกลุ่มสนับสนุนให้ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่สามารถสร้างความเชื่อมั่น และกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทย
 
ในการให้สัมภาษณ์ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม นายชวน ระบุถึงการเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาลว่า เป็นไปได้ยาก เพราะคนที่คิดอยากจะเปลี่ยนขั้วรัฐบาล เป็นแค่คนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่คนส่วนใหญ่ และการจะผลักดันให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรี แทนนายอภิสิทธิ์ ยิ่งเป็นไปได้ยาก ซึ่งการเปลี่ยนขั้วว่ายากแล้ว ตัวบุคคลก็ยิ่งยาก เพราะมีระบบพรรคการเมืองอยู่ ซึ่งโดยหลักแล้วต้องยกย่องหัวหน้าพรรค ถือว่าหัวหน้าพรรคคือหลัก แต่นายอภิสิทธิ์ไม่ได้ติดประเด็นหล่านี้ เพราะนายอภิสิทธิ์ เคยพูดเสมอว่า ถ้าจำเป็นอะไรก็ไม่ต้องติดระบบพรรคเสมอไป
 
"อย่าพึ่งไปห่วงเรื่องตัวบุคคล เราคิดในโครงสร้างการเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนขั้วเป็นไปได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องยาก แต่ถ้ามีนักการเมือง มีความเห็นสอดคล้องอย่างนั้น ซึ่งยอมรับว่ามีส.ส.ในพรรคพลังประชาชนเดิมที่ผมสนิทด้วยอยากเปลี่ยนแปลง แต่ก็เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่คงไม่ได้คิดเรื่องนี้"นายชวน กล่าว
 
"อภิสิทธิ์"อุบการเมืองเปลี่ยนขั้ว

นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการเจรจากับกลุ่มเพื่อนเนวิน เพื่อจัดตั้งรัฐบาลว่า หากส.ส.ในกลุ่มเพื่อนเนวิน ยังคงแสดงเจตนารมณ์ว่าจะขอเอกสิทธิ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรีในสภา ภายใน 1 - 2 วัน ก็จะหาโอกาสไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ว่าจะทำงานร่วมกันได้อย่างไร ส่วนข้อเสนอที่จะให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีจากนายอภิสิทธิ์ เป็นนายชวน ก็ยังไม่ได้มีการเจรจากับบรรดาพรรคการเมืองเหล่านั้น แต่การเมืองมีกฎเกณฑ์กติกาธรรมเนียม นายอภิสิทธิ์ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน เป็นหัวหน้าพรรค ถ้ารัฐบาลบริหารบ้านเมืองไม่ได้ด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะต้องมาจัดตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ก็มีความชอบธรรมที่จะมาเป็นผู้นำรัฐบาล
 
ด้านนายอภิสิทธิ์ ปฏิเสธว่าไม่ทราบข่าวเรื่องส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน จะมาจับขั้วกับพรรคประชาธิปัตย์ และไม่ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง "กระแสข่าวต่างๆ ขณะนี้ สร้างความสับสน จึงควรใช้เวลารอดูความชัดเจน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ที่ผ่านมามีโอกาสคุยกับ ส.ส.หลายพรรค เกี่ยวกับอนาคตทางการเมือง แต่ ส.ส.ที่ถูกยุบพรรค ยังมีเวลาอีก 60 วัน ที่จะตัดสินใจไปร่วมงานกับพรรคการเมือง ที่ตัวเองสนใจได้"

"เนวิน"ลั่นนำ37ส.ส.ผ่าทางตัน
 
ด้านนายเนวิน ชิดชอบ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงจุดยืนของส.ส.ในกลุ่มเพื่อนเนวินว่า  ขณะนี้บ้านเมืองเสียหายมากแล้ว ทุกอย่างกลับมาเริ่มต้นนับศูนย์ใหม่ จึงถือเป็นโอกาสที่พรรคการเมืองจะเปลี่ยนแปลงอนาคตของประเทศ มันหมดเวลาแล้วที่ผู้มีอำนาจจะนึกถึงการกลับเข้าประเทศ โดยใช้ประชาชนเป็นตัวประกัน แต่เราจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรักษาสถาบันหลักคือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เอาไว้เหนือสิ่งอื่นใด
 
"พรรคการเมืองต้องร่วมกันผ่าทางตัน เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย ดังนั้นส.ส. กลุ่มเพื่อนเนวินทั้ง 37 คน จะช่วยและสนับสนุนให้ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่สามารถสร้างความเชื่อมั่น และกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทย"นายเนวิน กล่าว
 
"แม้ว"ฉุนเรียกพบ-"เนวิน"ปฏิเสธ
 
รายงานข่าวจากส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินแจ้งว่า หลังจากมีกระแสข่าวส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวิน และพรรคร่วมรัฐบาลจะพลิกขั้วไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ในการตั้งรัฐบาล โดยตั้งเงื่อนไขให้นายชวน เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ปรากฏว่า จากเดิมกลุ่มเพื่อนเนวินประกาศว่ามีส.ส. 37 คน ที่ขอใช้เอกสิทธิในการเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว ล่าสุดจะมีส.ส.เข้ากลุ่มเพิ่มอีกรวมแล้วไม่น้อยกว่า 50 คน โดยขอให้จับตาการทะยอยเดินทางไปขอถอนใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส.ส.นอกกลุ่มก็จะมาร่วมด้วย เนื่องจากวิเคราะห์แล้วว่า หากยังจับขั้วเดิมกับพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลก็คงอยู่ได้ไม่นาน
 
"หลังจากมีความชัดเจนว่า กลุ่มเพื่อนเนวินจะไม่สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และหันไปหนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลนั้น ปรากฏว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่พอใจเรื่องนี้มาก และติดต่อให้นายเนวิน เดินทางไปพบ แต่นายเนวินไม่ได้เดินทางไปพบตามที่มีการติดต่อมา" แหล่งข่าว กล่าว

อ้างไม่ต้องการเพิ่มวิกฤตชาติ
 
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวินกำลังยกร่างหนังสือ เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในหลายประเด็น อาทิ นิยามของคำว่า "พรรคการเมืองอื่น" เป็นอย่างไร เพราะสงสัยว่า จะเป็นพรรคการเมืองที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ให้การรับรอง หรือว่าต้องเป็นพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือเป็นพรรคการเมืองที่มีส.ส.ทั้งระบบสัดส่วนและแบบเขตเลือกตั้ง รวมทั้งกรณี ส.ส.สัดส่วนจะย้ายพรรคได้หรือไม่ และอำนาจของ ครม.รักษาการ ซึ่งทางกลุ่มต้องการทราบความชัดเจนนี้เพื่อจะได้ตัดสินใจเข้าสังกัดพรรคการเมืองได้ก่อนที่จะครบกำหนด 60 วันที่กฎหมายให้เวลาไว้ โดยคาดว่า จะมีการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในสัปดาห์หน้า
 
"พวกเราต้องการความชัดเจน ไม่อยากจะทำอะไรให้สุ่มเสี่ยงอีกแล้ว เพราะประเทศชาติขณะนี้ถือว่าถึงจุดวิกฤตแล้ว จึงไม่อยากให้การเมืองมาเป็นปัจจัยที่เพิ่มวิกฤตให้กับชาติอีก การจะเข้าสังกัดพรรคการเมืองใดก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ไม่ใช่ว่ากลุ่มต้องการเล่นเกม หรือว่าต่อรองอำนาจ หรือเก้าอี้รัฐมนตรี เพราะในการตั้งรัฐบาลสมชายที่ผ่านมา กลุ่มก็เคยเตือนแล้วว่าจะมีปัญหา"แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวินกล่าว

ปชป.ดูด ส.ส.กทม.เข้าพรรคเพิ่ม
 
รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการติดต่อพูดคุยกับนายสากล ม่วงศิริ ส.ส.กทม. เขต 10 (ราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ-บางขุนเทียน-บางบอน) ผ่านนายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ โดยเบื้องต้นนายสากล ยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
 
ด้านนายสากล ปฎิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว โดยระบุแต่เพียงว่า "ยังไม่ขอให้คำตอบ เมื่อถึงเวลาก็จะรู้กันเอง แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรซ่อนเร้น"
 
นายอนุดิษฐ์  นาครทรรพ ส.ส.กทม. ในฐานะโฆษกคณะกรรมการประสานงานภาค กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่เชื่อกระแสข่าวดังกล่าว เพราะถ้าเป็นเรื่องจริงถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก หากเป็นการย้ายไปสังกัดพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่สงสัยเลย เพราะอย่างน้อยคนที่เป็นนักการเมืองจะต้องมีสำนึก มีอุดมการณ์และจุดยืนที่ชัดเจน การที่นักการเมืองคนหนึ่งจะเปลี่ยนจุดยืนเปลี่ยนขั้วไปฝ่ายตรงข้ามอย่างหนึ่งร้อยแปดสิบองศาย่อมเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามจะสอบถามไปยังนายสากลให้ชี้แจงในเรื่องนี้

กลุ่ม"สรอรรถ"10คนส่องูเห่า
 
นายบุญลือ  ประเสริฐโสภา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แกนนำกลุ่มภาคกลาง คนใกล้ชิดนายสรอรรถ  กลิ่นประทุม เปิดเผยว่า ขณะนี้ส.ส.ภาคกลาง อดีตสมาชิก พปช.ประมาณ 10  คนที่ใกล้ชิดกับนายสรอรรถ ได้ติดตามสถานการณ์การเมืองร่วมกันอย่างใกล้ชิดและตัดสินใจว่าจะยังไม่ไปสังกัดพรรคการเมืองใด ขอรอดูความชัดเจนของบุคคลที่จะมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 โดยเงื่อนไขสำคัญนั้นคือ ผู้ที่จะมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะต้องไม่เป็นคนสร้างปัญหากับประเทศและสังคม ในภาพรวมต้องยอมรับได้ เพราะถ้ารวมเพื่อให้ได้เสียงข้างมาก แล้วร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ทำให้เกิดปัญหาทุกอย่างก็ยังไม่จบ
 
นายชูวิทย์  พิทักษณ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี กลุ่มเพื่อนเนวิน กล่าวว่า ได้ลาออกจากกลุ่มเพื่อนเนวินแล้ว มาสังกัดพรรคเพื่อไทยแทน และเชื่อว่าในที่สุด ส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินอีก 37 คน ก็จะย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทย เพราะถ้าจะให้ไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์คงเป็นไปไม่ได้  "วันนี้ต้องรักกันสามัคคีกัน พ่อก็ป่วย แต่ลูกจะมาแย่งมรดกกันจะไหวหรือ"

6พรรคร่วมทำสัตยาบันเลือกซ่อม
 
รายงานข่าวจากแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดิม 6 พรรค ที่อาคารชินวัตร 3 เมื่อค่ำวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมได้หารือ 3 ประเด็นหลักคือ 1. การส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม 26 เขต 29 คน โดยให้ถือเป็นสิทธิขาดของพรรคที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมในการส่งสมัคร และขอว่าอย่าซื้อตัวผู้สมัครส.ส. ข้ามพรรค หรือส่งผู้สมัครลงตัดคะแนนเสียงกันเอง ซึ่งอันนี้ถือเป็นสัตยาบัน ทั้งนี้แกนนำอดีตพรรคชาติไทย (ชท.) และอดีตพรรคพลังประชาชน (พปช.) ได้แจ้งว่าได้เตรียมผู้สมัครหน้าใหม่ไว้พร้อมแล้ว โดยส่งไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคเพื่อไทยล่วงหน้าถึง 90 วัน อย่างไรก็ตามมีพื้นที่ที่เป็นปัญหาประมาณ 3 เขต ซึ่งจะเปิดทางให้พรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่ 4 พรรคส่งผู้สมัครได้
 
2. การจัดสรรโควตารัฐมนตรี ซึ่งนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย อยากให้ยึดตามเดิม แต่แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) ซึ่งกลายเป็นพรรคที่มีคะแนนเสียงลำดับ 2 คัดค้าน โดยเห็นว่าน่าจะจัดกันใหม่ โดยยึดตามจำนวน ส.ส.ที่มีอยู่ในสภา อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ แต่แกนนำ พปช. ยืนยันว่าทุกอย่างจะมีความชัดเจนก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

คาดโหวตเลือกนายกฯ12 ธ.ค.
 
แหล่งข่าว กล่าวว่า 3.การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ประเมินกันว่า หากคณะกรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) สามารถรวบรวมรายชื่อส.ส. ได้ครบ 1 ใน 3 เพื่อเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฏ.) เรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา ภายในวันที่ 8 ธันวาคม ก็คาดว่าจะสามารถโหวตเลือกนายกฯ ได้เร็วที่สุดในวันที่ 12 ธันวาคม ทั้งนี้พรรคร่วมรัฐบาลได้ยืนยันว่าจะเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทย  เสนอชื่อนายกฯ ตามประเพณีปฏิบัติ แต่อยากขอให้เป็นคนที่มีแผลน้อยที่สุด เพื่อให้รัฐบาลอยู่ได้นานๆ แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถหานายกฯที่มีคุณสมบัติดังกล่าวได้ ก็ควรเปิดโอกาสให้พรรคร่วมที่มีคะแนนเสียงลำดับรองๆ ลงไปเสนอชื่อต่อไป
 
"นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ได้แสดงความมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องคะแนนเสียงในสภาแน่ เพราะส.ส. ทั้งหมดจะไหลไปสังกัดพรรคเพื่อไทย ส่วนบางกลุ่มที่ยังไม่สมัครเป็นสมาชิก เช่น กลุ่มเพื่อนเนวินก็มีส.ส. เพียง 30 เสียง กลุ่มภาคกลางอีกกว่า 10 เสียง แต่เชื่อว่าสุดท้ายจะต้องกลับมารวมกัน นอกจากนี้นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการนายกรัฐมนตรี ยังยืนยันกลางที่ประชุมว่า จะไม่ยุบสภาเด็ดขาด อยากให้พวกเราอยู่ด้วยกันให้นานที่สุด มีงานอะไรคั่งค้างจะได้ช่วยกันทำ ขณะที่แกนนำพรรคร่วมทุกพรรคต่างยืนยันไม่พลิกขั้วไปร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน" แหล่งข่าวกล่าว

"บรรยิน"รับถูกปชป.ทาบร่วม
 
พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวถึงการประชุมพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อค่ำวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมาว่า ทางพรรคร่วมยังคงยืนยันที่จะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยต่อไป เพราะต้องให้พรรคเสียงข้างมากเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่หากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถตกลงกันได้ก็ต้องให้โอกาสพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่น ส่วนการที่จะให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลนั้น คิดว่าเป็นทางออกสุดท้าย
 
"ผมยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ติดต่อมาให้ไปร่วมตั้งรัฐฐาล แต่ทางพรรคภูมิใจไทย ยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะต้องให้พรรคเสียงข้างมากเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลก่อน และส.ส.ของพรรคมัชฌิมาฯทั้งหมด ก็ยังคงอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ยกเว้นนายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี ที่ย้ายไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์"พ.ต.ท.บรรยิน กล่าว

"วังบัวบาน"ซัด"เพื่อนเนวิน"ทรยศ 
 
นายสุรพงษ์  โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ กลุ่มวังบัวบาน กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเพื่อนเนวินสงวนท่าทีการเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย พร้อมกับคัดค้านการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ว่า กลุ่มภาคเหนือได้พูดคุยกันและเห็นกันว่า จะต้องมาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เนื่องจากส.ส.จะต้องมีความซื่อสัตย์ต่อประชาชนที่เลือกเข้ามาทำงานในสภา ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ประชาชนเลือก ส.ส.พปช. ไม่สามารถปฎิเสธได้ว่าประชาชนศรัทธาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้นส.ส.ที่จะย้ายพรรคหรือย้ายขั้วการเมืองจะต้องคำนึงถึงหัวใจประชาชนด้วย จะทรยศต่อประชาชนไม่ได้ โดยเฉพาะประชาชนภาคอีสานและภาคเหนือที่ที่ยังรักพ.ต.ท.ทักษิณอย่างไม่เสื่อมคลาย
 
ผู้สื่อข่าวถามว่า การสงวนท่าทีของกลุ่มเพื่อนเนวิน เป็นเพราะต้องการต่อรองอำนาจทางการเมืองหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า แน่นอน เป็นธรรมชาติของนักการเมืองจะทำให้คิดอย่างอื่นไม่ได้ สิ่งที่มีการวิเคราะห์กันถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง "ถ้าเป็นผมนะ ออกมาแถลงข่าวอย่างนี้กลับบ้านไม่ได้แล้ว คนเราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยไทยรักไทยก็ควรจะมีความสามัคคีกัน และต้องมีความซื่อสัตย์ และหากกลุ่มเพื่อนเนวิน ไม่สังกัดพรรคเพื่อไทย การเลือกตั้งครั้งหน้าไม่สามารถกลับเข้าสภาได้เลยแม้แต่คนเดียว ดังนั้นเชื่อได้เลยว่าในที่สุดเขาก็จะไปไหนไม่รอดต้องกลับมาอยู่พรรคเพื่อไทยแน่นอน"

อีสานพัฒนาขู่ใช้ไม้ตาย"ยุบสภา"
 
ขณะที่ นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด กลุ่มอีสานพัฒนา ที่ใกล้ชิดนายยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำกลุ่มวังบัวบาน ให้สัมภาษณ์ที่พรรคเพื่อไทย ว่า ต้องยอมรับว่าขณะนี้ยังมีอดีตสมาชิก พปช.บางคนที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองและไม่เคารพกติกาประชาธิปไตย ซึ่งอาจจะมีเรื่องผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ แต่ไม่รู้ว่าต้องการอะไร เพราะอาจจะเป็นเรื่องของเก้าอี้รัฐมนตรี หรือการต่อรองผลประโยชน์อื่นๆ แต่ก็คงต้องมีการพูดจากันภายในอีกครั้ง หากส.ส.กลุ่มเพื่อนเนวินแยกตัวไปอยู่พรรคการเมืองอื่น ก็ต้องเหนื่อยแน่นอนสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า  ซึ่งการเลือกตั้งใหม่อาจจะมาเร็วกว่าที่คิด เนื่องจากหากไม่สามารถตกลงกันได้ รักษาการนายกฯก็อาจจะยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนได้ทันที
 
"ขณะนี้มีส.ส.เข้าสังกัดพรรคเพื่อไทยแล้วประมาณ 180 คน และจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วง 1-2 วันโดยเฉพาะวันที่ 7 ธันวาคม ซึ่งจะเป็นวันประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรค จะมีการสรุปยอด ส.ส.ของพรรค หากพรรคเพื่อไทยมีจำนวน ส.ส.มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง พรรคเพื่อไทยก็จะต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นคนที่มาจากพรรคเพื่อไทย "นายศักดา กล่าว

"ยิ่งลักษณ์"มีสิทธิ์วืดนั่งหน.เพื่อไทย
 
เมื่อถามถึงผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะเป็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายศักดา กล่าวว่า ไม่น่าจะใช่ แต่น่าจะเป็นบุคคลอื่นมากกว่า เพราะเท่าที่คุยกันก็มีคนที่มีความเหมาะสมหลายคน แต่คงต้องรอดูมติพรรคในวันที่ 7 ธันวาคม และคนที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นหัวหน้าพรรคเช่นกัน
 
นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะ ส.ส.เลย อดีต พปช. กลุ่มอีสานพัฒนา กล่าวว่า สาเหตุที่ส.ส.หลายคนยังไม่เข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย เพราะติดภาระชกิจการลงพื้นที่ที่ต่างจังหวัด ซึ่งทุกคนตั้งใจจะมาสมัครสมาชิกในวันที่ 7 ธันวาคมนี้ ก่อนการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคคนใหม่ ส่วนบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ยังไม่มีการหารือกัน แต่ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะต้องเป็นคนของพรรคเพื่อไทย

ยื่น195ส.ส.เปิดสภาเลือกนายกฯ
 
นายวิทยา บูรณศิริ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา อดีต พปช. ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล กล่าวถึงความคืบหน้าการเข้าชื่อส.ส .เพื่อขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า ในการประชุมแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อช่วงค่ำขอวันที่4 ธันวาคมที่ผ่านมา ได้มีการประสานตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลให้รวบรวมรายชื่อส.ส.เพื่อยื่นขอเปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งคาดว่าจะสามารถรวบรวมได้ครบตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ คือไม่น้อยกว่า 1ใน 3 ของจำนวนสมาชิกรัฐสภา หรือไม่น้อยกว่า 195 คน  ซึ่งในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ เวลา 10.00 น. จะยื่นต่อนายชัย  ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เพื่อกราบบังคมทูลโปรดเกล้าฯกำหนดเปิดสมัยประชุมสภาต่อไป