ในส่วนบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตดุสิตได้เข้ามาทำความสะอาดภายในทำเนียบฯ และบริเวณโดยรอบอีกครั้ง
โดยนำรถขนขยะ รถหกล้อเข้ามาขนยางรถยนต์ แผงไม้ ออกไปทิ้ง พร้อมทั้งทำความสะอาด ภายนอกอาคารและเร่ง ลอกท่อระบายน้ำที่อุดตันให้กลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างเร่งด่วน และในเวลา 09.30 น. พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผบก. น.1 นำเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งนอกเครื่องแบบและในเครื่องแบบประมาณ 60 คน เข้ามาตรวจบริเวณรอบตึกทำเนียบรัฐบาล นอกจากนี้มีตำรวจ กก. 5 บก.ตปพ.นำสุนัขตำรวจตรวจหาวัตถุระเบิดจำนวน 4 ตัว และหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด จากกองสรรพาวุธกองทัพบก กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแหงช่าติ นำอุปกรณ์ตรวจหาวัตถุระเบิด เข้าตรวจค้นวัตถุระเบิดทุกอาคารในทำเนียบฯ พบระเบิดปิงปองหลายสิบลูก ไม้ติดปลายมีด ไม้คมแฝก ไม้กอล์ฟ ท่อนเหล็ก เสื้อเกราะ โล่ ระเบิดเพลิง กระสุนปืน สนับแขนที่ทำจากท่อพีวีซี หลายร้อยชิ้น รวมทั้งพลุที่มีอำนาจระเบิดที่รุนแรงรัศมีกว้าง 10 เมตร สามารถทำให้ อวัยวะฉีกขาดได้ถ้าโดนในระยะใกล้ๆ และลูกปืนขนาด .380 อีก 110 นัด ซึ่งเจ้าหน้าที่สรรพาวุธของกองทัพอากาศ ได้นำไปมอบให้พนักงานสอบสวน สน.ดุสิตเป็นหลักฐานประกอบในการดำเนินคดี
เวลา 12. 00 น. นายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นำข้าราชการในทำเนียบรัฐบาล เข้าตรวจสอบอาคารในทำเนียบฯ ทั้งหมด
โดยเรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม ได้เข้าไปเจรจาส่งมอบทำเนียบฯ คืน แต่นายลอยเลื่อนได้ปฎิเสธและโต้กลับว่าไม่จำเป็นเพราะทำเนียบฯ ไม่เคยส่งมอบพื้นที่ให้ใคร ที่มาวันนี้เพราะพันธมิตรฯ ได้ออกจากพื้นที่ไปแล้ว จึงเข้ามาตรวจสอบความเสียหาย ไม่ต้องมีพิธีการส่งมอบ ให้กลุ่มพันธมิตรฯที่เหลือกลับได้เลย จากนั้นนายลอยเลื่อนให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวว่ามาสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ยังคงประเมินค่าความเสียหายไม่ได้ขณะนี้ เพราะต้องใช้ เวลาตรวจสอบก่อน ส่วนการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย คงต้องรอผลการตรวจสอบให้ชัดเจน คาดว่าวันที่ 8 ธ.ค. นี้จะสามารถเปิดใช้ทำเนียบรัฐบาลได้ตามปกติ จากวันนี้เป็นต้นไปจะระดมกำลังเจ้าหน้าที่มาช่วยกันทำความสะอาดอย่างหนักเพราะทำเนียบสกปรกมาก ส่วนข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ขอไม่ให้ดำเนินคดีนั้น คงทำไม่ได้ เพราะเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ต้องส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอน
จากนั้นนายลอยเลื่อนได้ให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลกระจายกันออกสำรวจความเสียหายทั้งหมด ในส่วนของตึกบัญชาการ ทั้งตึก 1 และตึก 2
ปรากฏว่าทุกชั้นทุกห้องที่เป็นของคณะทำงานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พบร่องรอยงัดแงะรื้อค้นข้าวของ รวมถึงมีการทำลายทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก ลิ้นชักโต๊ะทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกราย ถูกรื้อค้นนำทรัพย์สินไปจนหมด เจ้าหน้าที่หลายคนที่เห็นสภาพดังกล่าว ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ พากันกอดคอร้องไห้เสียงดังระงมไปทั่ว เบื้องต้นทรัพย์สินที่สูญหายไปประกอบด้วยทีวีขนาดใหญ่ 42 นิ้ว เครื่องโปรเจกเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ บางส่วนถูกชำแหละถอดชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์ แรม ออกหมด และนำซากคอมพิวเตอร์ เมากองไว้หน้าห้องทุกห้องเกือบ 30 เครื่อง รวมทั้งมีเศษอาหาร ขวดเครื่องดื่ม กล่องโฟมใส่อาหารที่เหม็นเน่าบูดขึ้นรา ทิ้งไว้กลาดเกลื่อนไปทั่วทั้งตึก 5 ชั้น