กลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาอย่างแม่นยำ สำหรับคำทำนายที่พูดกันเล่นๆ ในคืนพระจันทร์ยิ้มกลางท้องฟ้าที่ว่า บ้านเมืองกำลังจะดีขึ้น ความสงบสุขกำลังจะคืนมา
เป็นบรรยากาศการปลอบขวัญคนไทย ที่เบื่อหน่ายกับวิกฤตความขัดแย้ง ที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและไม่เอาด้วย
เช้าวันถัดมา เป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรค และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค ส่งผลให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ร่วงจากเก้าอี้นายกฯ
ทั้งส่งผลต่อความขัดแย้งทางการเมืองอย่างตรงเป้า เป็นการดับชนวนวิกฤตได้อย่างฉับพลัน
โดยเฉพาะม็อบพันธมิตร ได้จังหวะเวลาอันเหมาะสมในการประกาศชัยชนะ และยุติการชุมนุม
สำคัญที่สุดคือ ยุติการชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ซึ่งสร้างผลกระทบต่อประชาชนคนส่วนใหญ่และประเทศชาติอย่างมหาศาล
เมื่อสมชายตกเก้าอี้ ปิดฉากพรรคพลังประชาชน พร้อมกับการยอมจบของพันธมิตร
ปฏิกิริยาจากทั่วทั้งสังคมไทยคือ โล่งอกอย่างมากที่สุด!
ประเทศชาติจะได้ก้าวพ้นจากปลักโคลน ที่ย่ำกันอยู่กับที่ ไม่ไปไหนเสียที มีแต่ความเลอะเทอะ
ชาวบ้านแสดงความชื่นชมในผลการชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญ
ช่วยให้ปัญหายุติลง ผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้ชนิดฉิวเฉียดการนองเลือดครั้งใหญ่
เอาง่ายๆ ถ้าแกนนำพันธมิตร ไม่ยอมเลิกปิดสนามบิน ภายใต้การประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ร้ายแรงแล้ว
ถึงจุดหนึ่งเจ้าหน้าที่รัฐก็ไม่มีทางเลือก ต้องผลักดันประชาชนพ้นจากสนามบินที่เป็นประตูประเทศให้ได้!
ที่ทอดเวลากันมาก่อนหน้านี้ ก็เพื่อหาทางออกด้านอื่น จะได้ไม่ต้องสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อประชาชนผู้รักชาติบ้านเมือง ที่แกนนำม็อบนำพามาปักหลักชุมนุมที่นี่
แต่สุดท้ายถ้าไม่ยุติชุมนุมก็ไม่แน่
เพราะทั่วโลกเรียกร้องและกดดัน ถามหาความเข้มแข็งของรัฐ ในมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยในสนามบินนานาชาติของเรา
กรณีสนามบินที่ผ่านพ้นไปได้อย่างฉิวเฉียด จึงเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายตระหนักให้ดี และพึงระลึกถึงผลกระทบที่ติดตามมาอย่างร้ายแรง
แม้แต่พันธมิตรเองก็ต้องทบทวนว่า การยึดสนามบิน ได้กลายเป็นแรงกดดันย้อนกลับมาอย่างหนักหน่วงใช่หรือไม่
ในอนาคตข้างหน้า หากพันธมิตรจะใช้สิทธิในการต่อต้านอำนาจรัฐบาลอันไม่ชอบธรรมอีก น่าจะพินิจพิจารณาให้รอบคอบ
เพราะหมายถึงแรงต้านหรือแรงสนับสนุนจากสังคม!?
ทุกๆฝ่าย ต้องศึกษาบทเรียนจากวิกฤตหนนี้
อาจจะไม่มีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญมาช่วยได้ทุกครั้ง
แถมปรากฏการณ์พระจันทร์ยิ้ม ก็ต้องอีก 44 ปีจึงจะวนมาอีก!