“สมชาย” หวานบอกสื่อ “อย่าลืมผม” เผยหลังตกเก้าอี้นายกฯก็จะไปทำงานการกุศล ระบุอีก 1-2 วันถึงกลับกรุงเพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ “เหลิม” ปิดปากไม่ตอบแคนดิเดตนายกฯ พปช.กำชับส.ส.อยู่ในกทม.รับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “เทพเทือก” ชี้ “รบ.แห่งชาติ” เกิดขึ้นได้ยาก
เมื่อเวลา 14.30 น. ที่หน้าบ้านพักใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรีได้เปลี่ยนชุดและเดินออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กับสื่อมวลชนที่ยังคงปักหลักติดตามความเคลื่อนไหวหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคพลังประชาชนว่า พอดีมีคนตกงานพร้อมตนหลายคนทั้งนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายศรีเมือง เจริญศิริ ก็ชวนท่านไปตีกอล์ฟ
ต่อข้อถามที่ว่าจะฝากอะไรถึงประชาชนหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า คงพูดอะไรไม่ได้ เพราะตนไม่มีตำแหน่งแล้วก็ต้องให้คนที่มีหน้าที่ทำงานต่อไป ตอนนี้ตนก็เป็นประชาชนคนหนึ่งมีปัญหาในบ้านเมืองก็เป็นห่วงไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามถึงสมาชิกพรรคพลังประชาชนที่เหลือว่าจะดำเนินการทางการเมืองอย่างไรต่อไป นายสมชาย กล่าวว่า เขาก็ต้องไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ แต่ตนไม่มีสิทธิ์แล้ว
เมื่อถามว่าเป็นอย่างไรบ้างที่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ 2 เดือนก็เจอปัญหามาตลอด นายสมชาย กล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะตนก็ต่อสู้กับปัญหามาโดยตลอด ไม่มีวันใดเลยที่ตนไม่ทำงานหรือคิดแก้ปัญหา แต่จะสำเร็จหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ก็ยังภูมิใจว่าทำงานเต็มที่ไม่เคยหยุดไม่เคยท้อถอย ไม่เคยเสียกำลังใจใด ๆ ทั้งสิ้น แต่วันหนึ่งเมื่อผู้มีอำนาจมาบอกว่าคุณไม่มีสิทธิ์ทำงานแล้วก็ยังมีความรู้สึกว่าเป็นปกติเหมือนเดิม เพราะแม้ไม่มีตำแหน่งก็ยังทำประโยชน์ให้บ้านเมืองในฐานะอื่นต่อไปได้ ตนก็ยังทำงานการกุศลและอื่นๆไปตามเรื่อง ไม่มีความรูสึกโศกเศร้า เสียใจอะไร เพราะถือเป็นภารกิจที่รับผิดชอบต่อบ้านเมือง ไม่ได้เป็นเรื่องที่อยากได้อำนาจวาสนาอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่ารับได้กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ขอไม่วิจารณ์เรื่องนี้
เมื่อถามว่าอยากฝากแนวทางการทำงานให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่อย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ต้องฝากอะไร เพราะเข้ามาใหม่ก็ทำงานเป็น ส่วนอนาคตจะกลับมาเล่นการเมืองอีกหรือไม่นั้น การเมืองเป็นเรื่องของเราทุกคนไม่ใช่เฉพาะคนที่เข้ามาเล่นการเมืองหรือเป็นส.ส.เท่านั้น เพราะการเมืองเป็นเครื่องกำหนดอนาคตและชีวิตของทุกคน อย่างการที่เราไปเลือกตั้งก็เป็นเรื่องที่เราต้องใส่ใจว่านี่คือระบบการเมือง ต้องเลือกคนที่ทำงานดี อย่าไปคิดว่าเราไม่ได้เป็นส.ส.หรือไม่ได้เป็นนักการเมืองแล้วไม่สนใจการเมืองไม่ได้ เพราะได้คนชั่วคนเลวมาเป็น นักการเมืองก็จะไม่ดี
นายสมชาย กล่าวต่อว่าขอบคุณสื่อมวลชนทุกคนที่ได้กรุณาติดตามทำข่าวตลอดเวลา เจอกันทุกวันก็เหมือนเป็นพี่เป็นน้องกันแล้วและมีอะไรก็ขอรับใช้ในนามส่วนตัว ซึ่งวันนี้ตนก็ถือเป็นคนตกงานแล้ว
เมื่อถามว่าจะอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่อีกนานหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ก็ไป ๆ มา ๆ เพราะตั้งแต่ไปประชุมเอเปคที่ประเทศเปรูก็อยู่เชียงใหม่ตลอดไม่ได้เห็นกรุงเทพฯว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งความจริงวันนี้ ( 2 ธ.ค.) ตั้งใจว่าจะกลับ แต่เมื่อพ้นภาระแล้วก็คิดว่าจอยู่อีก 1-2 วัน เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
ต่อข้อถามว่าภรรยาให้กำลังใจอย่างบ้าง นายสมชาย กล่าวว่า “ ภรรยาผมให้กำลังใจตั้งแต่วันแรกตั้งแต่แต่งงานกัน คุณจะเป็นอะไรฉันก็ไม่ทิ้งคุณ เรารู้ว่าเราต่างมีกำลังใจให้กันเสมอ ไม่ต้องพูดก็รู้เขาไม่บอกผมก็รู้ว่าเขาให้กำลังใจผม และผมเองก็ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ว่าผมให้กำลังใจเขา เพราะฉะนั้นไม่มีปัญหา ครอบครัวผมอบอุ่น”
ต่อข้อถามที่ว่าวันนี้ได้คุยกันหรือยังนายสมชาย กล่าวว่า คุยกันทุกวัน ถึงแม้ตัวห่างกันแต่โทรศัพท์ก็ไม่ห่างกัน ใจก็ไม่เคยห่างกัน ความจริงตนทำงานอื่นได้เงินมากกว่านี้ แต่ก็คิดว่างานนี้ทำแล้วได้ประโยชน์กับประชาชน และไม่ได้หมายความว่าพอออกจากตำแหน่งแล้วจะมาพูดเช่นนี้ ตนเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย อย่างตนกับสื่ออยู่ด้วยกันมาด้วยมิตรภาพ วันนี้ก็ขอร้องว่าอย่าลืมตน และชีวิตปถุชนก็ถือเป็นเรื่องปกติอย่าคิดอะไรมาก ออกจากงานนี้ก็ไปทำงานอื่น ถ้าเรามีความหวังก็จะมีอะไรทำ โดยเฉพาะถ้าทำแล้วเป็นประโยชน์กับคนอื่นด้วยก็ดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น เวลา 15.30 น. นายสมชาย พร้อมด้วยนายศรีเมือง นายสมพงษ์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ได้ออกรอบตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟกรีนส์วันเลย์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“เหลิม” ปิดปากไม่ตอบแคนดิเดตนายกฯ
ที่กระทรวงสาธารณสุข ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุขได้เดินทางเข้ามาที่กระทรวงเวลา 09.20 น. จากนั้นได้เดินทางไปยังศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่บริเวณชั้นล่างอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อประชุม ครม.ผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ จากนั้นในเวลา 12.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม ได้ขึ้นไปยังห้องทำงานชั้น 4 โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์บอกว่า “โน นิวส์” พร้อมกับแจ้งว่าจะไปฟังการแถลงของตุลาการรัฐธรรมนูญคดียุบพรรค
จนกระทั่งเวลา 15.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม ได้แต่งชุดขาว สายสะพายเต็มยศ เพื่อไปร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีข่าวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน ร.ต.อ.เฉลิม มีสีหน้ายิ้มแย้ม และไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ กล่าวแต่เพียงว่า ต้องรีบไปสวนสนาม ไม่ทันแล้ว ไว้คราวหน้าค่อยคุยกัน ทั้งนี้แม้ผู้สื่อข่าวได้ติดตามเข้าไปสัมภาษณ์ในลิฟท์เพื่อลงไปขึ้นรถที่จอดรอหน้าอาคารสำนักปลัด แต่ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ
พปช.กำชับส.ส.อยู่ในกทม.รับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม อดีตพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ในที่ประชุมได้หารือถึงการย้ายพรรคไปอยู่พรรคเพื่อไทย ภายใน 60 วันตามที่พ.ร.บ.พรรคการเมืองกำหนด ขณะนี้ส่วนใหญ่ได้กรอกใบสมัครและแนบหลักฐานไปแล้ว นอกจากนี้ที่ประชุมได้ประสานไปยังแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อขอสัตยาบันจับมือตั้งรัฐบาล และยังได้กำชับให้ส.ส.เตรียมพร้อมอยู่ในกทม.รับมือสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกระแสข่าวร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการรมว.สาธารณสุข แรงมากที่จะได้รับการสนับสนุนเป็นนายกฯ นายไพจิตตอบว่า ถ้าอยากให้จบแบบเลือดท่วมจอ เลือดนองแผ่นดิน ต้องร.ต.อ.เฉลิม ที่มีบุคลิกบู๊ล้างผลาญ แต่ถ้าอยากประคับประคองสถานการณ์ อ่อนน้อมต้องนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วน ทั้งนี้ที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่พ้นตำแหน่งนายกฯไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นการเริ่มต้นรบ ต้องรบกันอีกหลายยก ส่วนสถานการณ์จะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่ที่ท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯจะถอยอย่างไร
เมื่อถามว่ามีแนวโน้มพรรคประชาธิปัตย์ จับมือพรรคพลังประชาชนตั้งรัฐบาล นายไพจิตตอบว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้รัฐบาลยุบสภา แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์รวบรวมเสียงข้างมากได้ก็ให้จัดตั้งรัฐบาลไป อย่างไรก็ตามขณะนี้การเมืองมันซับซ้อน อีก 2-3 วันจะโผล่ออกมาให้เห็นที่จะเรียกร้องตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยจะมีการเรียกร้องให้งดใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 171 ถือเป็นการปฏิวัติซ่อนรูป ทำลายนักการเมืองให้กลายเป็นหมาน้อยธรรมดา
ส่วนการโหวตเลือกนายกฯนั้นอยากให้เกิดขึ้นในวันที่ 8 ธ.ค.เพราะช่วงนั้นจะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาสนธิสัญญาและข้อตกลงระหว่างประเทศอยู่เเล้วก็น่าจะทำไปพร้อม ๆ กันเพราะเป็นเรื่องสำคัญของบ้านเมืองเช่นกัน
“บรรหาร”เตรียมเปิดใจพรุ่งนี้เผยมีลางสังหรณ์จะถูกยุบ
ที่พรรคชาติไทย เมื่อเวลา 17.20 น. นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้เดินทางเข้าพรรคภายหลังจากที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคชาติไทยพร้อมทั้งให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกใจหาย เพราะพรรคอยู่มาถึง 34 ปีแล้ว ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ เป็นสถาบันการเมืองเช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็เฉย ๆ เพราะอายุมากแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะฉะนั้นรอวันที่ 3 ธ.ค.จะมีการประชุมพรรคเวลา 15.00 น.เสร็จแล้วจะให้สัมภาษณ์เปิดใจหน้าที่ทำการพรรค เมื่อถามว่าคิดหรือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ได้คาดคิด เพราะมีลางสังหรณ์ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย.ที่ศาลรัฐธรรมนูญขอให้ทางพรรคส่งพยานเอกสารมาเพิ่มเติม ซึ่งเราก็ดีใจ แต่พอถึงวันที่ 28 พ.ย.ก็มีหนังสือมาถึงพรรคอีกหนึ่งฉบับว่า ที่นัดไว้ไม่เอาแล้วงดการไต่สวน และวันที่ 2 ธ.ค.ให้ไปแถลงปิดคดียุบพรรค ก็สงสัยแล้วว่าต้องมีอะไรแน่นอน เพราะฉะนั้นขอให้รอฟังพรุ่งนี้ เมื่อถามว่ามีการมองว่ามีการตั้งธงไว้แล้ว นายบรรหาร กล่าวว่า ก็คงจะเป็นอย่างนั้น ตั้งธงมาตั้งแต่กกต.แล้ว และศาลรัฐธรรมนูญก็อ้างกกต.โดยไม่พิจารณาอะไรเลย
ต่อข้อถามว่าบ้านเมืองหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า จะยุ่ง และนอมินีจะเกิดขึ้นทั่วประเทศ ทุกคนก็หาคนมาแทน ถ้าสามี ภรรยา หรือลูกถูกบล็อกก็ต้องหาคนมาแทน
ผู้สื่อข่าวถามว่าพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีจะไม่มีคนในตระกูลศิลปอาชาอีก นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่เด็ดขาด เพราะนอมินีเกิดขึ้นแล้ว เมื่อถามย้ำว่าได้วางคนในครอบครัวไว้แล้ว ใช่หรือไม่นายบรรหาร กล่าวว่า เรียบร้อยแล้ว ชื่อพรรคก็เรียบร้อยแล้ว รอฟังแถลงรายละเอียดพรุ่งนี้
เมื่อถามว่าจะไปรวมกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า คงไม่มี แต่การเมืองตอนนี้ไม่ดีขึ้น แต่จะแย่ลง มันไม่มีใครยอมใครแล้ว เมื่อถามว่าแสดงว่าจะต้องมีการปะทะกัน นายบรรหาร กล่าวว่า ปะทะก็ต้องปะทะ สิ่งที่สงสัยคือพันธมิตรประกาศว่าวันที่ 4 ธ.ค.จะเข้าเฝ้าไม่ได้ รู้กันหรือเปล่าตอบไม่ได้ ซึ่งความจริงเรื่องนี้น่าจะตัดสินหลังวันเฉลิมพระชนม์พรรษา เพราะถึงอย่างไรพันธมิตรก็ไม่ยอมออกจากดอนเมืองอยู่แล้ว ทำให้การเมืองเลวร้ายมากขึ้นทุกวัน เพราะมาตร 237 วันนี้ตนถึงกับกราบศาลแล้วเกือบร้องไห้ด้วย เสียงเครือแล้ว ขนาดวิงวอนแต่ก็อย่างว่าเขียนมาล่วงหน้าแล้ว
นายบรรหาร กล่าวว่า ในการประชุมพรรคในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ จะสอบถามส.ส.ในพรรคที่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองมีความประสงค์จะอยู่กับพรรค หรือย้ายออกจากพรรค ซึ่งหากใครจะย้ายออกไปก็ไม่ว่า แต่อยากจะทราบว่าจะเหลือใครบ้างที่ยังอยู่กับเรา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมพรรคในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ จะสอบถามส.ส.ในพรรคที่ไม่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองมีความประสงค์จะอยู่กับพรรค หรือย้ายออกจากพรรค เพราะทางพรรคได้เตรียมชื่อพรรคใหม่ไว้แล้ว จึงต้องการทราบจำนวนเบื้องต้นที่มีอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากที่นายบรรหารเดินทางมาที่พรรค ส.ส.พรรคที่โดนตัดสิทธิ์ ได้เดินเข้ามาปรับทุกข์กับนายบรรหาร โดยเฉพาะนายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมธานี พรรคชาติไทย ถึงกับร้องไห้ออกมา ด้วยความอัดอั้นตันใจ ทั้งนี้นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.จ.แพร่ พรรคพลังประชาชน และรมว.วัฒนธรรม เดินทางเข้ามาที่พรรคชาติไทย และหารือกับนายบรรหาร ซึ่งคาดว่าจะขอย้ายมาอยู่กับพรรคชาติไทย
เตรียมขนเสื้อแดงไปรัฐสภา 8 ธ.ค.
เมื่อเวลา 17.30 น. นายจตุพร พรมพันธุ์ และนายวีระ มุสิกพงษ์ ผู้จัดรายการความจริงวันนี้ ร่วมกันแถลงข่าวที่ด้านหลังเวที นปช. ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการ กทม. โดยนายจตุพร กล่าวว่า การชุมนุมของความจริงวันนี้ที่ลานคนเมืองจะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 4 ธ.ค. ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ ทราบเบื้องต้นว่าประกาศไม่ยุติการชุมนุม เพราะได้ตั้งเป้าการเมืองใหม่ไว้แล้ว นายกฯ ต้องไม่มาจากการเลือกตั้ง แม้การยุบพรรคการเมืองทั้ง 3 พรรคไปแล้วก็ไม่ได้ทำให้การยึดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองยุติ และหากในวันที่ 8 ธ.ค. กลุ่มพันธมิตรฯ มีการเคลื่อนย้ายไปปิดล้อมรัฐสภาจนทางการทำอะไรไม่ได้ พี่น้องเสื้อแดงก็จะเคลื่อนไปปิดล้อมอารักขาให้สมาชิกทั้งพรรคประชาธิปัตย์และทุกพรรคเข้าไปทำหน้าที่ประชุมสภาได้
“เทพเทือก” ชี้ “รบ.แห่งชาติ” เกิดขึ้นได้ยาก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองหลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบ 3 พรรคการเมือง ในขณะที่ 6 พรรคร่วมรัฐบาลยังคงจับมือกันเหนี่ยวแน่น ว่า เร็วเกินไปที่จะพูดได้ และตอนนี้พรรคก็ยังไม่ได้คิดกันเลย ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาวิกฤต โดยการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ตนคิดว่ายากที่จะเกิดขึ้นได้
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลยืนยันว่าจะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญในวันที่ 8-9 ธันวาคมนี้เพื่อพิจาณากรอบข้อตกลงอาเซียน ว่า ขณะนี้ยังไม่มีความเร่งด่วนที่จะต้องเปิดประชุมสภา เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว เพราะรัฐบาลได้เลื่อนการประชุมผู้นำอาเซียนไปเป็นเดือนมีนาคม 2552 อีกทั้งยังมีเวลาอีก 2 เดือนที่จะดำเนินการเรื่องดังกล่าว รวมทั้งสถานการณ์ขณะนี้ถือว่าไม่ปกติ เพราะไม่มีรัฐบาลตัวจริง และตามรัฐธรรมนูญก็กำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ชี้แจงกรอบการเจรจา ดังนั้น การที่จะให้นายกรัฐมนตรีรักษาการมาเป็นผู้ตอบคงไม่เหมาะสม ทางที่ดีควรเลื่อนการประชุมดังกล่าวออกไป เพื่อรอรัฐบาลชุดใหม่จะดีกว่า
“เรื่องเร่งด่วนขณะนี้ คือการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เพราะต้องยอมรับว่าไม่ว่าใครก็ตามที่จะมาเป็นรัฐบาล เรื่องที่ใหญ่ที่สุดคือการแก้วิกฤตบ้านเมือง ดังนั้น จะทำเหมือนประเทศนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องสำคัญๆ ไม่ใช่เรื่องเหมาะสมที่จะให้รัฐบาลรักษาการเป็นผู้มาชี้แจง รวมทั้งควรรอดูนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ด้วยว่ามีเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับกรอบการเจรจาอาเซียน” ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึง ความเป็นไปได้ที่ขั้วการเมืองเก่าจะกลับมาเป็นรัฐบาลเหมือนเดิม และอาจทำให้ปัญหาไม่จบ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า มีปัญหาแน่นอน เพราะขณะนี้บ้านเมืองกำลังมีวิกฤตความขัดแย้งอยู่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ที่ต้องรับผิดชอบ และการที่พรรคร่วมรัฐบาลประกาศว่าจะร่วมหัวจมท้ายกันนั้น ตนคิดว่าพรรคร่วมควรกลับไปทบทวนบทบาทของตัวเอง เพราะแม้จะได้เป็นรัฐบาล แต่ถ้าบริหารงานไม่ได้ปัญหาก็จะไม่จบ ส่วนจะใช้จังหวะนี้จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า โอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะพลิกขั้วมาเป็นรัฐบาล ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเสียงจะปริ่มน้ำมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นเจ้าภาพ จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติที่ถือว่าเป็นทางออกของปัญหาหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า พรรคยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้