สภาพการณ์ การเมือง การเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้น ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก

สภาพการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ในขณะนี้บ่งชี้อย่างไม่มีข้อสงสัยว่าจะต้องนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้พ้น

ทั้งยังเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชนิดที่เรียกได้ว่า ระเบิดเปรี้ยง

คล้ายกับปัญหาทั้งหมดเริ่มจากการแตกแยกทางความคิด แล้วนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง

จากนั้น การเคลื่อนไหวทางการเมืองก็ค่อยๆ ขยายกรอบและขอบเขตใหญ่โตขึ้นเป็นลำดับ

จากความไม่พอใจเฉพาะตัวรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลกลายเป็นความไม่พอใจต่อรัฐบาลโดยรวม

จากการชุมนุมโดยการยึดถนนอันเป็นที่สาธารณะกลายเป็นการยึดสถานที่ราชการในลักษณะชั่วคราว แล้วก็ยึดทำเนียบรัฐบาลอันเป็นหัวใจของอำนาจบริหารอย่างเป็นการถาวร ไม่ว่ารัฐบาลจะย้ายไปที่ใดก็ตามไปยึด

โดยตำรวจและทหารซึ่งเป็นคนรักษากฎหมายและรับผิดชอบในเรื่องความมั่นคงได้แต่มองแล้วทำตาปริบๆ

ทำตาปริบๆ และปล่อยให้บ้านเมืองมีสภาพเหมือนกับไม่มีขื่อ ไม่มีแป

อย่างไรหรือคือสภาพที่บ้านเมืองอยู่ในลักษณะอันเรียกได้ว่า-ไม่มีขื่อ ไม่มีแป

คำตอบที่เห็นได้อย่างเด่นชัดก็คือ ประชาชนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน กฎหมายก็ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์

ความไม่ศักดิ์สิทธิ์นั้นมาจาก 2 ปัจจัยร่วมกัน

ปัจจัย 1 คือ ปัจจัยที่มีการละเมิดกฎหมายอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ปัจจัย 1 คือ เจ้าหน้าที่ซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเป็นจริง

ถามว่าการยึดสถานที่ราชการผิดกฎหมายหรือไม่

อย่าว่าแต่จะยึดสถานีโทรทัศน์ NBT อันเป็นของกรมประชาสัมพันธ์เลย แม้กระทั่งการยึดทำเนียบรัฐบาล ยังสามารถยึดได้โดยไม่มีใครไปใช้กฎหมายดำเนินการให้ออกไปจากสถานที่เหล่านั้นได้

อย่าได้แปลกใจหากจะมีการยึดสนามบินทั้งที่สุวรรภูมิและดอนเมือง

ประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินก็แล้ว ประกาศพระราชกำหนดภาวะฉุกเฉินเฉพาะพื้นที่ก็แล้วก็เหมือนกับเป็นการสั่งน้ำมูก

ประชาชนก็ไม่เชื่อฟัง เจ้าหน้าที่ของรัฐก็ไม่ยอมปฏิบัติ

สภาพการณ์ทางสังคม สภาพการณ์ทางการเมืองเช่นนี้คือสัญญาณอันเด่นชัดยิ่งที่จะต้องเกิดความเปลี่ยนแปลงติดตามมาอย่างแน่นอน

คำถามก็คือเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

ความเชื่อมั่นโดยพื้นฐานก็คือ 1 มีแนวโน้มที่รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะต้องพ้นไปหากไม่โดยการลาออกก็อาจจะประกาศยุบสภา

1 มีแนวโน้มที่หากรัฐบาลไม่ยอมลาออกหรือประกาศยุบสภาก็อาจถูกรัฐประหาร

กระนั้น ก็ยังมีปัจจัยทางการเมืองเที่ยากแก่การสะสางอย่างน้อยก็ 2 ปัจจัยที่อาจเป็นตัวแปรได้ในทุกขณะ

ปัจจัย 1 ก็คือ ปัจจัยจากพรรคพลังประชาชน ปัจจัยจากรัฐบาล

ปัจจัย 1 ก็คือ ปัจจัยจากการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าหากรัฐบาลลาออกหรือประกาศยุบสภา การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะยุติลงหรือไม่

ขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าหากมีการรัฐประหาร นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอันเป็นที่พอใจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขณะที่ปัจจัยจากพรรคพลังประชาชน ปัจจัยจากรัฐบาลที่ถูกโค่นล้มก็ยังดำรงอยู่

แล้วในที่สุดสภาพของรัฐบาลใหม่ สภาพของประเทศไทยจะดำเนินไปอย่างไร

ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้

กระนั้น การเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปในทิศทางใด ใครจะเป็นฝ่ายกำหนดทิศทาง และจะสามารถกำหนดทิศทางได้ยาวนานเพียงใด ยังไม่มีใครให้คำตอบได้

ตรงนี้เองคือภาวะยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกักอันเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในสังคมประเทศไทย

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์