บทสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตีพิมพ์ใน"อะราเบียน บิสสิเนส" นิตยสารธุรกิจรายสัปดาห์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ฉบับวันที่ 30 พฤศจิกายน โดย "อานิล โบอีรุล" ผู้สื่อข่าวของ"อะราเบียน บิสสิเนส"
อานิล โบอีรุล ตั้งชื่อข้อเขียนของเขาเลียนชื่อภาพยนตร์ดัง "แคทช์ มี อีฟ ยู แคน-(Catch Me If You Can) ในชื่อภาษาไทยว่า "จับให้ได้ ถ้านายแน่จริง"
เพราะประเด็นแรกที่สนทนากับอดีตนายกรัฐมนตรีไทย คือ พ.ต.ท.ทักษิณรู้สึกถึงอะไรๆ ที่รุมเร้าอยู่หรือไม่ ตั้งแต่หมายจับเรื่อยไปจนถึงการถอนวีซ่าจากประเทศอังกฤษ และเขาพบว่า ถ้ามี พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมาให้เห็น สิ่งที่อดีตผู้นำไทยทำก็คือ ยักไหล่และยิ้มให้กับหมายจับที่ว่านั้น
"คุณรู้หรือเปล่าว่าโลกนี้มีอยู่กี่ประเทศ? 197 ประเทศ และมีแค่ 17 ประเทศเท่านั้นที่มีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย...ที่ดียิ่งกว่านั้นก็คือ มีแค่ 10 ประเทศเท่านั้นที่สนธิสัญญามีผลบังคับใช้ เพราะฉะนั้น คุณไม่ต้องห่วงผม ผมยังมีอีกหลายที่ที่อยู่ได้"
หนึ่งในจำนวนประเทศที่อยู่ได้นั้นก็คือ ดูไบ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณยังใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติสุข
แต่หลังจากวีซ่าถูกถอน มีการหย่าร้างติดตามมา อานิล โบอีรุล บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณถึงกับหัวเราะเยาะให้กับชะตากรรมของตัวเอง
"ต้องถือว่าสองสามเดือนที่ผ่านมายุ่งสักหน่อย" เขาบอก
แต่วันเวลาถัดไป พ.ต.ท.ทักษิณคงยุ่งมากยิ่งขึ้น เพราะอดีตผู้นำไทยประกาศ "รายการที่ต้องทำ- ทู ดู ลิสต์" ไว้หลายประการ เริ่มตั้งแต่ การดำเนินความพยายามเพื่อแก้ปัญหาความยากจนในระดับโลก, การเสนอตัวจะเข้าไปจัดระเบียบระบบสาธารณสุขให้กับประเทศในตะวันออกกลาง และการดำเนินกิจกรรมของมูลนิธิที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ควบคู่กันไปด้วย
และที่สำคัญก็คือ การกลับคืนสู่เวทีการเมือง!
อานิล โบอีรุล บอกว่า ในบรรดาหลายอย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องทำ คือการกลับไปเล่นการเมืองซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเหลี่ยมคูมากที่สุดและไม่แน่นอนมากที่สุด
เพราะไม่เพียงอยู่ระหว่างคำพิพากษาต้องโทษจำคุก 2 ปีอยู่เท่านั้น ยังมีศัตรูทางการเมืองเป็นหางที่ไม่ต้องการให้เขากลับมาเล่นการเมือง การเคลื่อนไหวเพื่อการนี้จึงดูไม่น่าจะเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดที่สุด?
"ผมไม่มีทางเลือก" พ.ต.ท.ทักษิณยืนกราน "ตอนแรกสุดหลังจากที่ผมพ้นจากตำแหน่ง ภรรยาผมขอร้องไม่ให้ผมกลับไปเล่นการเมืองอีก เธอไม่ชอบการเมือง ทั้งครอบครัวก็ประสบปัญหายุ่งยากก็เพราะเรื่องการเมือง ดังนั้น ผมถึงไม่กลับไป แต่ตอนนี้ผมถูกต้อนเข้ามุม เพราะประเทศจมดิ่งลงไปลึกมาก...ความเชื่อมั่นไม่มี ความไว้วางใจในหมู่ประชาคมนานาชาติไม่มี ประชาชนยากจนในชนบทก็ยากลำบาก"
"มีผมถือหางเสือ ผมสามารถนำความเชื่อมั่นกลับสู่ประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว และนี่เองคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงจำเป็นต้องหากลไกสักอย่างที่จะช่วยให้ผมกลับคืนสู่การเมืองได้"
อานิลถามว่า แล้วภรรยาคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้?
พ.ต.ท.ทักษิณสวนคำทันที-ประโยคเดียวแล้วตัดบทไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ว่า "เธอหย่าผม" !
รัฐประหารผ่านกระบวนการยุติธรรม
พ.ต.ท.ทักษิณบอกกับผู้สื่อข่าวของ อะราเบียน บิสสิเนส ว่า สามารถใช้ชีวิตอยู่ในดูไบ ทำธุรกิจอะไรๆ ไปได้ แถมยังสามารถ "เอ็นจอย" กับชีวิตที่นี่ได้อีกด้วย แต่ "ต้องกลับไปหาประชาชนและผู้สนับสนุนผม"
ข้อกังขาก็คือ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณจะสามารถกลับไปเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกครั้งจริงๆ ละหรือ? คำตอบคือคำยืนยันที่หนักแน่นอย่างยิ่งว่า สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้
"การรัฐประหารยังมีอยู่ มันเปลี่ยนรูปจากการรัฐประหารโดยทหารมาเป็นการรัฐประหารผ่านกระบวนการยุติธรรม...ผมคิดว่าหลายอย่างมันขึ้นอยู่กับพลังของประชาชน ถ้าประชาชนคิดว่าพวกเขาตกอยู่ในภาวะยากลำบากและต้องการผมให้ช่วย ผมก็จะกลับไป"
"
หากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรู้สึกว่าเป็นประโยชน์ ผมก็จะกลับ และพระองค์อาจพระราชทานอภัยโทษให้ ถ้าหากประชาชนไม่ต้องการ และพระองค์เห็นว่าผมกลับไปก็คงไม่ต่างอะไรออกไปจากที่เป็นอยู่ ผมก็จะอยู่ที่นี่และทำธุรกิจไป ผมจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับเพื่อนๆ"
อย่างที่ปรากฏเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณโจมตีรัฐบาลอังกฤษหนักหน่วงไม่น้อย อานิล โบอีรุล บอกว่า เขาเลือกใช้คำพูดอย่างระมัดระวังเพื่อการนี้ เพื่อบอกว่า รัฐบาลอังกฤษน่าจะเข้าใจว่า ตนคือเหยื่อของการรัฐประหาร เป็นเหยื่อของเผด็จการ แม้จะอยู่ในรูปของคำพิพากษาของศาลก็ตาม
"มันเหมือนกับผลของต้นไม้พิษ ต้นไม้ทั้งต้นถูกวางยาพิษและผมก็เป็นผลของมัน อังกฤษต้องเข้าใจดีกว่านี้ แต่โชคไม่ดีที่พวกเขากำลังยุ่งกับปัญหาของตัวเองจนลืมเรื่องค่านิยมประชาธิปไตยไป
"แต่ผมก็ไม่แคร์หรอกนะ ผมขอบคุณเขาเพราะผมไปที่นั่น ซื้อสโมสรฟุตบอลแล้วก็ขายไปทำกำไรได้อยู่บ้างในระหว่างนั้น...พวกเขาให้ผมได้อยู่ แม้ว่าจะระยะสั้นก็ตาม ลูกๆ ก็ไปเรียนหนังสืออยู่ที่นั่น... วันหนึ่ง พวกเขาจะเข้าใจได้ดีขึ้น และจะรู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่ได้ทำลงไปเพราะพวกเขาไม่ได้เคารพในค่านิยมประชาธิปไตยของตัวเอง"
ตอนท้าย พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่า เหนือสิ่งอื่นใด เขากำลังคิดถึงการกลับบ้าน แต่ย้ำว่าเขาไม่เคยแก้ตัว ไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำมาในอดีต
"ผมอยู่ในประเทศของตัวเองไม่ได้ มีความพยายามลอบสังหารผม ครอบครัวผมก็แตกแยก เพราะเราทั้งหมดต้องใช้ชีวิตอยู่ในประเทศแตกต่างกันออกไป ผมเสียใจกับผลลงเอย แต่ไม่เคยเสียใจในสิ่งที่ได้ทำลงไป เข้าใจไหม ผมรักคนไทย"
คำสัมภาษณ์ ทักษิณ ชินวัตร ฉบับสมบูรณ์ใน อะราเบียน บิสสิเนส ส่งซิก รัฐประหารแปรรูป
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง คำสัมภาษณ์ ทักษิณ ชินวัตร ฉบับสมบูรณ์ใน อะราเบียน บิสสิเนส ส่งซิก รัฐประหารแปรรูป