ชงครม.ของบกลาง1.5พันล.ช่วยต่างชาติตกค้าง แท็กซี่-รถตู้ พลิกคว่ำสาว สวีดิช-แดนาเดี้ยน ดับ


เสนอครม.ของบกลางอีก 1.5 พันล้านช่วยเหลือคนต่างชาติตกค้าง นักท่องเที่ยวซวยไม่เลิก แท็กซี่-รถตู้ นำส่งภูเก็ตเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ "สาวสวีดิช-แคนาเดี้ยน"เสียชีวิต ขณะที่รถทัวร์ขนลูกเรือเกาหลี-แอร์ฯไปอู่ตะเภาเสยเก๋ง โชคดีเจ็บเล็กน้อย ส่วนรถบัสไปสนามบินเชียงใหม่ไฟไหม้ หนีตายจ้าละหวั่น

ขอ1.5พันล.ช่วยนักเที่ยวตกค้าง

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง โดยมีนายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมประชุม ที่กระทรวงต่างประเทศ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง

นายโอฬารกล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางการช่วยเหลือภาคท่องเที่ยวในระยะสั้น โดยจะเสนอ ครม.วันที่ 2 ธันวาคม ของบฯกลางเป็นกรณีพิเศษ 1.5 พันล้านบาท ช่วยชาวต่างชาติที่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศและคนไทยที่ยังไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ 

ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เรียกผู้ประกอบการโรงแรมทั่วประเทศเข้ารับฟังคำชี้แจงเพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ติดค้างอยู่ในประเทศไทย โดยมีผู้ประกอบการโรงแรมเข้าร่วมประมาณ 400 คน

น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการโรงแรมระบุว่า มีปัญหามาก เนื่องจากต้องรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ติดค้างอยู่ประมาณ 350,000 คน ซึ่งต้องใช้ห้องพัก 1-1.7 แสนห้อง ดังนั้น จึงต้องการให้โรงแรมทุกแห่งดูแลนักท่องเที่ยว และรับภาระค่าใช้จ่ายจำนวน 2,000 บาท ในการเข้าพัก 1 คืน อาหาร 3 มื้อ ให้กับนักท่องเที่ยวไปก่อน หลังจากนั้นให้นำหลักฐานต่างๆ เบิกกับทางกระทรวงต่อไป

ทอท.ให้ไปเช็คอินล่วงหน้า7ชั่วโมง

นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ท่าอากาศยานอู่ตะเภาคับแคบไม่เพียงพอต่อการระบายผู้โดยสารที่ตกค้าง ทาง ทอท.จึงประสานขอใช้ศูนย์ประชุมไบเทคบางนา สำหรับเช็คอินผู้โดยสาร หรือซิตี้เทอร์มินัล โดยนำเครื่องเอ็กซเรย์จากสนามบินสุวรรณภูมิไปติดตั้งชั่วคราวที่ศูนย์ไบเทคบางนาและท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา อย่างละ 2 ชุด รวม 6 ตัว เฉพาะให้บริการกับผู้โดยสารต่างประเทศเดินทางกลับประเทศเท่านั้น นายเสรีรัตน์กล่าวว่า ผู้โดยสารที่จะไปใช้บริการควรเดินทางไปเช็คอินล่วงหน้าอย่างน้อยประมาณ 7 ชั่วโมง รวมทั้งขอให้สอบถามไปยังสายการบินที่ใช้บริการว่า สายการบินดังกล่าวให้บริการที่ศูนย์เช็คอินไบเทคบางนาด้วยหรือไม่ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.0-2749-3974, 0-2749-3982 โทรสาร 0-2749-3983

นายเสรีรัตน์กล่าวว่า กรณีสายการบินต่างๆ ที่จอดอยู่ที่สุวรรณภูมิ 88 ลำ ทยอยนำเครื่องบินเปล่าบินออกจากสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่เวลา 19.23 น. เมื่อคืนวันที่ 30 พฤศจิกายน จนถึงรุ่งเช้าวันที่ 1 ธันวาคม รวม 37 ลำ ส่วนอีก 51 ลำ ขึ้นอยู่กับแต่ละสายการบินจะพร้อมส่งนักบินมานำเครื่องบินออกไปเมื่อไหร่ ทั้งนี้ สายการบินแต่ละแห่งจะเร่งนำเครื่องบินไปรับผู้โดยสารตกค้างที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา และสนามบินเชียงใหม่นับหมื่นคน

ทอ.ยันให้ใช้สนามบินกองทัพ

ที่กองทัพอากาศ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงษ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าทางกองทัพอากาศไม่ให้ความช่วยเหลือในการใช้พื้นที่สนามบิน เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยกับพื้นที่ของกองทัพอากาศว่า ไม่เป็นความจริง เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โทรศัพท์มาคุยกับตนว่า มีเครื่องบินจำนวนมากตกค้างอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เรื่องนี้กองทัพอากาศยินดีที่ให้การสนับสนุน ทั้งการขนผู้โดยสารที่ตกค้างออกไปต่างประเทศ ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน

พล.อ.อ.อิทธพรกล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม การบินไทยก็ใช้พื้นที่ของกองทัพอากาศ ซึ่งนอกจากดอนเมืองแล้ว ในต่างจังหวัด เช่น กองบิน 1 จ.นครราชสีมา ทางปลัดกระทรวงกีฬาและท่องเที่ยว มีหนังสือขอรับการสนับสนุนสนามบินที่ กองบิน 1 ซึ่งเรายินดีในการสนับสนุน

"อู่ตะเภา"จัดระเบียบใหม่

ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ตกค้างจำนวนมากยังคงเดินทางมาขึ้นเครื่องบินกลับประเทศ โดยบรรยากาศทั่วไปภายในห้องโดยสารขาเข้าและขาออก มีการจัดระเบียบใหม่ จะให้เพียงผู้โดยสารและสัมภาระที่กำลังจะขึ้นเครื่องบินเข้าไปในอาคารที่พักผู้โดยสารเท่านั้น 
น.อ.สมนึก แก้วมะเริง หัวหน้ากองรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา กล่าวว่า ช่วงระยะ 6 วันที่ผ่านมา มีเครื่องบินขึ้นลงทางท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาแล้วประมาณ 400 เที่ยว นักท่องเที่ยวผ่านเข้าออกจำนวน 50,000 คน แยกเป็นนักท่องเที่ยวขาเข้า 20,000 คน ขาออก 30,000 คน
ต่างชาติ-2

สนามบินหัวหินยันพร้อมรับโบอิ้ง

พันจ่าเอกเมืองชล วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเครื่องบินขนาดใหญ่จากสายการบินในประเทศใช้พื้นที่ของท่าอากาศยานหัวหิน เพื่อแบ่งเบาภาระของสนามบินอู่ตะเภา โดยมีสายการบิน พีบีแอร์ และบางกอกแอร์เวย์สลงจอดประมาณ 10 ลำ ทำให้สนามบินต้องปิดทางวิ่งชั่วคราวเพื่อให้เครื่องจอดพัก โดยมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นกรณีพิเศษ ส่วนการรองรับเครื่องบินโบอิ้ง 737 ยืนยันว่า รันเวย์มีมาตรฐานรองรับได้ แต่ยังไม่มีสายการบินใดแจ้งความประสงค์บินมาจอดรับส่งผู้โดยสาร ถ้าหากขอมาก็สามารถลงจอดรับผู้โดยสารได้ แต่ต้องบินขึ้นทันที เนื่องจากสถานที่จอดมีจำกัด

นายประวัติ ดวงกันยา ผู้อำนวยการท่าอากาศยาน จ.นคราชสีมา เปิดเผยว่า ทางท่าอากาศยานฯได้รับการร้องขอจากนายกสมาคมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้เปิดสนามบินเพื่อช่วยระบายชาวต่างชาติกลับสู่ประเทศ สนามบินนครราชสีมาสามารถรองรับเครื่องบินขนาดกลางในช่วงเร่งด่วนได้ครั้งละ 3-4 ลำ แต่หากเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่กว่านั้นคงต้องไปลงที่กองบิน 1 จ.นครราชสีมา ทั้งนี้ สนามบินนครราชสีมาได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี และเจ้าหน้าที่พร้อมปฏิบัติงาน

"ทีจี"ทยอยเปิดเที่ยวบินพิเศษ

ด้านบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า บริษัทได้จัดเที่ยวบินพิเศษไปแล้วหลายเที่ยวบินเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารเดินทางกลับประเทศได้โดยเร็ว และเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ก็จัดเที่ยวบินพิเศษ สำหรับผู้โดยสารที่ได้รับการยืนยันการเดินทางจากกองสำรองที่นั่ง จำนวน 32 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินขาออกจากท่าอากาศยานอู่ตะเภา 13 เที่ยวบิน ไปยังภูเก็ต, หาดใหญ่, เชียงใหม่, ฮ่องกง, แฟรงก์เฟิร์ต, โคเปนเฮเกน, ซิดนีย์, นาริตะ, โซล, เดลลี และเที่ยวบินขาเข้า 14 เที่ยวบิน จากแฟรงก์เฟิร์ต, โคเปนเฮเกน, โซล, กัวลาลัมเปอร์, มอสโก, ซิดนีย์, เดลลี, นาริตะ, ภูเก็ต, เชียงใหม่, หาดใหญ่ ปลายทางที่อู่ตะเภา นอกจากนี้ ยังมีเที่ยวบินเชียงใหม่-ภูเก็ต หาดใหญ่-มัสกัต และแฟรงก์เฟิร์ต-ภูเก็ต ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลและสำรองที่นั่ง โทร.0-2356-1111 หรือ 0-2545-4000

แท็กซี่ไปภูเก็ตคว่ำสาวสวีเดนดับ

ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน รถแท็กซี่สีเขียว-เหลือง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอินโนวา ทะเบียน มจ 8485 กรุงเทพฯ มีนายปานทอง แซ่ตัน อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 33/1056 ถนนงามวงศ์วาน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เป็นคนขับนำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เช่าเหมารถให้ไปส่งที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต ประสบอุบัติเหตุจากฝนตกลื่นพลิกคว่ำบนถนนทางหลวงเอเชีย 41 หน้าปั๊มน้ำมันจิงโจ้ หมู่ 2 ต.บ้านควน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ทำให้ น.ส.มอนโล อีวาแดนเชสเตอร์ อายุ 34 ปี สัญชาติสวีเดน เสียชีวิต ส่วนนายปานทองและผู้โดยสารชาวต่างชาติไม่ทราบชื่ออีก 1 คนบาดเจ็บเล็กน้อย

อีกรายรถตู้คว่ำชาวแคนาดาสิ้น

อีกราย เมื่อเวลา 02.17 น. วันที่ 1 ธันวาคม รถตู้ทะเบียน ชช 9315 กรุงเทพมหานคร มีนายสมศักดิ์ ทวีสิทธิ์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 180/96 เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร เป็นคนขับ พานักท่องเที่ยวต่างชาติ 6 คน ซึ่งเป็นผู้โดยสารสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิก ออกจากท่าอากาศสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต เมื่อถึงทางหลวงเอเชีย 41 บริเวณ ก.ม.ที่ 108 หน้าลานปาล์มโก๊ะตี๋ หมู่ 3 ต.คลองพา อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำเนื่องจากฝนตกถนนลื่น ทำให้นายเดวิด ยิค อายุ 49 ปี สัญชาติฮ่องกง และนายโรเบิร์ต เบาว์แมน อายุ 60 ปี สัญชาติแคนาดา เสียชีวิต

ส่วนผู้บาดเจ็บมี น.ส.แอน บูธ อายุ 38 ปี สัญชาติไอร์แลนด์ บาดเจ็บสาหัสกระดูกซี่โครงหัก นำส่งโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี นายกีราโร โอแนล อายุ 49 ปี แฟน น.ส.แอน, นางอริสแนน ยิค อายุ 49 ปี สัญชาติฮ่องกง ภรรยานายเดวิค และนายสมศักดิ์ คนขับรถบาดเจ็บเล็กน้อย แพทย์อนุญาตให้กลับกรุงเทพฯ

นายโอแนลกล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย จึงต้องการจะกลับประเทศแต่ไม่สามารถขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิได้ ทางสายการบินจึงบริการรถตู้ไปส่งขึ้นเครื่องบินที่ จ.ภูเก็ต แต่เกิดประสบอุบัติเหตุซ้ำอีก

นายภานุ วรมิตร ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานสุราษฏร์ธานี ให้สัมภาษณ์ว่า ประสานงานกับสถานทูตประเทศของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมทั้งสายการบินทราบเหตุ เพื่อดูแลด้านค่าใช้จ่ายและนำศพผู้เสียชีวิตส่งกลับประเทศ

รถทัวร์ชน-ลูกเรือเกาหลีแอร์ฯเจ็บ

ที่ จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถทัวร์โดยสารปรับอากาศหมายเลข 31-6040 กรุงเทพมหานคร ของบริษัท น้ำเพ็ชร จำกัด บรรทุกพนักงานสายการบินเกาหลีแอร์ไลน์ เดินทางจากโรงแรมสยามเบย์วิว เมืองพัทยา มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานอู่ตะเภา พยายามแซงรถคันหน้าแต่ไม่พ้นเกิดเสียหลักพุ่งชนรถเก๋งของพันจ่าตรี พัฒน์ เคน อายุ 32 ปี สังกัดกองกิจการพิเศษ ฐานทัพเรือสัตหีบ ทำให้พันจ่าตรีพัฒน์เคนได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบนถนนสาย 332 หลักกิโลเมตรที่ 3 เส้นทางตัดระหว่างแยกเจ-แยกเกษมพล หมู่ที่ 9 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้โดยสารในรถทัวร์เป็นนักบินสายการบินเกาหลีแอร์ไลน์ จำนวน 8 คน และแอร์โฮสเตส 8 คน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนคนขับไม่ทราบชื่อได้อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนี

วันเดียวกัน ที่ จ.ตาก รถบัสโดยสาร หจก.เอส.วี.บราเดอร์ส เทรดดิ้ง ทะเบียน 30-9261 กรุงเทพมหานคร ที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติจากกรุงเทพฯไปขึ้นเครื่องบินที่ จ.เชียงใหม่ เกิดเพลิงลุกไหม้บริเวณถนนพหลโยธิน เชิงสะพานกิตติขจร ฝั่งตะวันออก ต.เชียงเงิน อ.เมืองตาก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองตากนำรถดับเพลิงกว่า 10 คัน เข้าช่วยเหลือ ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างหนีตายลงจากรถกันจ้าละหวั่น เจ้าหน้าที่ใช้เวลาฉีดน้ำสกัดเพลิง 30 นาทีเพลิงจึงสงบ ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

สธ.สั่งรพ.รักษานักท่องเที่ยวฟรี

ด้าน นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยแพทย์ที่บริการนักท่องเที่ยว 2 แห่ง ที่สนามบินอู่ตะเภา จ.ชลบุรี ว่า ให้โรงพยาบาลในสังกัด สธ. และโรงพยาบาลเอกชน ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดย สธ.จะเป็นผู้รับผิดชอบ นอกจากนี้ ที่สนามบินอู่ตะเภามีนักท่องเที่ยวรอขึ้นเครื่องบินกลับประเทศ วันละกว่า 5,000 คน ทำให้ห้องน้ำ-ห้องส้วมไม่เพียงพอ จึงให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ชลบุรี ประสานกับเมืองพัทยา จัดรถสุขาเคลื่อนที่มาให้บริการ 4-5 คันและเพิ่มถังขยะ 20 จุด

"ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน-1 ธันวาคม มีผู้เข้ารับบริการที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในสนามบินอู่ตะเภา 282 ราย ส่งตัวไปรักษาต่อ 1 ราย ด้วยโรคหอบหืด ที่ รพ.กรุงเทพ-พัทยา โรคที่ป่วยอันดับ 1 คือ ปวดศีรษะ อาเจียน เป็นลม 137 ราย รองลงมา ไข้หวัด 65 ราย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ 29 ราย ผิวหนังอักเสบ 6 ราย อาหารเป็นพิษ 4 ราย ที่เหลือเจ็บป่วยอื่นๆ"

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์