หลายฝ่ายจี้นายกฯสมชายลาออกตั้งรัฐบาลใหม่

คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ออกแถลงการณ์จี้เปิดทางพรรคการเมืองอื่นเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล หากรัฐบาลสมชายไม่สามารถบริหารงานได้ พร้อมให้ พธม.ถอนตัวจากการปิดสนามบินทั้ง 2 แห่ง หากยังล้มเหลวเสนอจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ ภาคี 8 เครือข่ายแสดงพลังจี้สมชายลาออก "จาตุรนต์" แนะลาออกแล้วตั้งรัฐบาลใหม่

กกร.จี้เปิดทางพรรคอื่นตั้งรบ.

 ยังคงมีความพยายามที่จะเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาวิกฤติของบ้านเมืองต่อรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง แม้จะยังไม่ได้รับการตอบรับจากนายกรัฐมนตรีก็ตาม ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ว่า กกร.ได้ออกแถลงการณ์ที่ 3 สถาบันให้การยอมรับ 3 ข้อ คือ 1.การแก้ปัญหาทางการเมืองต้องเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย เบื้องต้นหากรัฐบาลไม่สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรให้พรรคการเมืองอื่นเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล โดยภาคเอกชนหวังว่าพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบันจะหาแนวทางให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการจัดตั้งรัฐบาล และถ้าพรรคการเมืองไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้

 2.กกร.ต้องการบอกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า การยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ และต้องการเรียกร้องให้พันธมิตรถอยออกจากสนามบินทันที 3.หากแนวทางข้างต้นไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ จะมีข้อเสนอของ กกร.ที่จะสรุปออกมาอีกครั้ง

 นายประมนต์กล่าวต่อว่า การออกแถลงการณ์ดังกล่าวจะยึดหลักประชาธิปไตยในการแก้ปัญหา จนกว่าประชาธิปไตยจะแก้ไขปัญหาไม่ได้ และเป็นแนวทางแตกต่างจากความเห็นของสังคมในช่วงที่ผ่านมา กกร.ได้ส่งแถลงการณ์ให้สื่อมวลชนในเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าวคงไม่เสนอให้รัฐบาลโดยตรง แต่ต้องการเสนอผ่านสื่อมวลชน เพราะเป็นเรื่องที่กระทบกับคนหลายกลุ่ม และเมื่อสื่อออกไปแล้วจะทำให้สาธารณะรับทราบความเห็นของภาคเอกชน

 แหล่งข่าวจากที่ประชุม กกร.กล่าวว่า เดิม กกร.จะออกแถลงการณ์ในช่วงเย็นวันที่ 1 ธันวาคม แต่ข้อเสนอแนวทางสุดท้ายของ กกร.เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ส่งผลให้นายประมนต์ต้องการให้ประธานของแต่ละสถาบันพิจารณาถ้อยคำอย่างละเอียด และจะออกแถลงการณ์ก่อนเที่ยงวันที่ 2 ธันวาคม ซึ่งในการประชุม กกร.มีการหารือว่า ปัญหาการเมืองของประเทศไม่มีท่าทียุติและประชาชนมีความแตกแยกอย่างรุนแรง รวมทั้งรัฐบาลไม่สามารถใช้อำนาจปกครองประเทศได้ ทำให้ กกร.ต้องออกแถลงการณ์เพื่อให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หรือมีการยุบสภาและให้พันธมิตรออกจากสนามบินเร็วที่สุด

 อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอตามแถลงการณ์พยายามให้อยู่ในกรอบประชาธิปไตยไปจนกว่าการแก้ปัญหาตามกรอบประชาธิปไตยจะล้มเหลวก็อาจต้องหาแนวทางอื่นขึ้นมา มีรายงานว่า ในที่ประชุมมีการเสนอให้ระงับการใช้รัฐธรรมนูญเป็นการชั่วคราว เพื่อจัดระเบียบการปกครองประเทศใหม่ โดยให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่สังคมยอมรับและไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องเข้ามาบริหารประเทศ

 ทั้งนี้ แถลงการณ์ข้อสุดท้ายของ กกร.อาจจะเป็นการเสนอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจขึ้นมาบริหารประเทศเป็นการชั่วคราว โดยอาจจะไม่เหมือนแนวคิดรัฐบาลแห่งชาติที่ให้พรรคการเมืองทุกพรรคมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศในช่วงวิกฤติ

ภาคี 8 เครือข่ายจี้สมชายออก

 ขณะเดียวกัน ภาคี 8 เครือข่าย คือ มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย เครือข่ายประชาชนเพื่อการเลือกตั้ง (พีเน็ต) เครือข่ายปัญญาสยาม มูลนิธิเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้ง (ANFREL) เครือข่ายปวงชนต่อต้านอธรรม มูลนิธิพัฒนาสิทธิมนุษยชน และชมรมนักวิชาการนักธุรกิจและประชาชน ได้ออกแถลงการณ์ประกาศไม่ยอมรับการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อีกต่อไป โดยระบุว่า ประการแรกรัฐบาลนายสมชายละเลยต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด และได้ปล่อยปละละเลยให้เกิดการใช้อำนาจนอกกฎหมายเข้าทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นระยะๆ โดยไม่ได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหา จนบ้านเมืองได้เข้าสู่วิกฤติอย่างรุนแรง

 ประการที่สอง รัฐบาลเป็นผู้เริ่มต้นสร้างความขัดแย้งในสังคม เช่น การเสนอประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การใช้สื่อของรัฐ (เอ็นบีที) นำเสนอข่าวสารที่มีอคติก่อให้เกิดความร้าวฉานและความรุนแรงตลอดเวลา อีกทั้งรัฐบาลไม่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของชาติในกรณีปราสาทพระวิหาร ตลอดจนการขาดความจริงจังในการดำเนินคดีต่อกลุ่มหรือบุคคลที่ก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์

 ประการที่สาม รัฐบาลปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยไม่ได้แสดงความรับผิดชอบขั้นสูงที่ไม่สามารถดูแลรักษาสถานการณ์ไว้ได้

 ประการที่สี่ เมื่อสถานการณ์อันเกิดจากความย่อหย่อนของประสิทธิภาพของรัฐบาลพัฒนาไปถึงจุดวิกฤติร้ายแรงสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างในกรณีปิดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิและได้มีการเสนอจากหลายภาคส่วนสังคมให้รัฐบาลยุบสภาหรือลาออกและให้พันธมิตรยุติการชุมนุม แต่นายสมชายก็ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว ทำให้ปัญหายังคงอยู่โดยไม่มีการรับผิดชอบจากรัฐบาล

 ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงขอประกาศไม่ยอมรับการปฏิบัติหน้าที่ของนายสมชาย ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยอีกต่อไป รวมถึงคณะรัฐบาลทั้งชุดด้วย และขอเรียกร้องให้ทุกองค์กรและกลุ่มดังกล่าวที่มีความเห็นในแนวทางเดียวกันได้แสดงออกต่อสาธารณะโดยสงบและสันติ และร่วมกันกดดันทุกวิถีทางให้นายสมชายพ้นจากตำแหน่งโดยวิธีการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป และขอให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงแนวทางหรือวิธีการที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงทุกรูปแบบและเสียสละร่วมกันเจรจาเพื่อยุติสถานการณ์ต่างๆ โดยเร็วต่อไป ทั้งนี้เครือข่ายจะเดินขบวนรณรงค์เรื่องนี้ที่ถนนสีลมในเวลา 10.30 น. และจะอ่านแถลงการณ์ที่หน้าตึกสีลมคอมเพล็กซ์ด้วย

 รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนเพื่อการเลือกตั้ง(พีเน็ต) กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องออกจากความเป็นกลาง เพราะในปัจจุบันเรื่องผลประโยชน์แห่งชาติและเรื่องความถูกต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า เพื่อที่จะนำความสงบสุขมาให้สังคมในที่สุด รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองและเสียสละด้วยการลาออก เพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน และเปิดโอกาสให้กลุ่มอื่นเข้ามาบริหารบ้านเมืองแทน

 ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขาฯ นายกแพทยสภา กล่าวว่า นายสมชายย้ำเสมอว่าเป็นคนที่ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง ขณะนี้ส่วนตัวคิดว่าถึงเวลาแล้วที่นายสมชายจะต้องลาออกจากตำแหน่ง เพราะนายสมชายเป็นนายกฯ ก็เหมือนไม่ได้เป็นนายกฯ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เมื่อบริหารไม่ได้ก็ควรออกไป

 ศ.นพ.ประมวล วีรุตมเสน อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ผู้บริหารประเทศต้องเป็นคนที่มีจิตใจสูง แต่เหตุการณ์ที่รัฐบาลทำร้ายประชาชนในวันที่ 7 ตุลาคม เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ที่รัฐบาลไม่มีความรับผิดชอบ ทั้งนี้ส่วนตัวเป็นคนที่ยอมรับระบบการเลือกตั้ง แต่ก็คิดว่าคนที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามา ไม่มีสิทธิ์ที่จะชั่วโดยเด็ดขาด

"จาตุรนต์"แนะ"สมชาย"ลาออก

 นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีข้อเสนอของหลายฝ่ายให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งมองว่าหากทำเช่นนั้นก็ถือเป็นการกระทำนอกรัฐธรรมนูญ ขัดต่อหลักกฎหมายอย่างร้ายแรง จึงขอเรียกร้องให้สังคมออกมายืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ นอกจากนี้ยังขอตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเรื่องแปลกที่พันธมิตรก็รู้ก่อนล่วงหน้าว่าพรรคพลังประชาชนจะถูกยุบ แต่ก็ยังไปปิดสนามบิน จึงมองว่าพันธมิตรมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงที่ไม่ใช่ต้องการล้มล้างรัฐบาล แต่ต้องการเปลี่ยนประเทศไปสู่การเมืองใหม่มากกว่า

 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยกล่าวว่า รัฐบาลควรจะเร่งหาทางแก้ปัญหาด้วยการให้นายสมชายลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งรัฐบาลใหม่ให้เร็วที่สุดก่อนที่จะมีการตัดสินยุบพรรค เพราะ ส.ส.ยังไม่กระจัดกระจาย สามารถจะรวมกันเป็นพรรคการเมืองได้ง่ายกว่า

 ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้คุยเป็นการส่วนตัวที่จะเสนอให้นายสมชายลาออกหรือไม่ นายจาตุรนต์กล่าวว่าไม่ได้คุยกับนายสมชายมา 2-3 วันแล้ว แต่คุยกับแกนนำพรรคและรัฐมนตรีของพรรคพลังประชาชนมาก่อนหน้านี้ ซึ่งแกนนำพรรคเหล่านั้นก็มีท่าทีเห็นด้วย แต่ในบางช่วงก็ยังลังเล เพราะคิดว่าขั้นตอนการพิจารณาคดีจะใช้เวลานาน จึงยังไม่เร่งรีบดำเนินการที่จะวางตัวเพื่อตั้งรัฐบาลใหม่

นายกฯ ยันฟังทุกฝ่าย-แต่ไม่รู้จบเมื่อไร

 หลังจากนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เนชั่น แชนแนล โดยเสนอให้นายสมชายขอพระราชทานทางออกจากวิกฤติสถานการณ์การเผชิญหน้าของสังคมไทยในขณะนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "ตอนนี้ใครบอกอะไรตนก็รับฟังทั้งนั้น" ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ไม่คิดจะกลับกรุงเทพฯ เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ หรือ นายสมชายตอบด้วยท่าทีอิดโรยว่า "อยู่ตรงไหนปัญหาก็ต้องแก้ไขเหมือนกัน ตอนนี้ก็เผชิญเต็มที่อยู่แล้ว"

 นายสมชายกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองขณะนี้ว่า จะแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จวันใด เมื่อใด คงพูดไม่ได้ ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงานกันไป แต่ย้ำไปแล้วว่าให้ทำตามขั้นตอน ตามระบบสากล ไม่ให้เกิดความเสียหาย ซึ่งเขาคงมีรายละเอียดแบบแผนการทำงาน ตนคงไม่สามารถบอกรายละเอียดได้

 นายกรัฐมนตรียอมรับว่า ลำพังรัฐบาลคงทำอะไรไม่ได้มาก ต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพราะวิกฤติชาติหนนี้เป็นปัญหาใหญ่ มีทั้งคนภายนอกและคนที่เราแต่งตั้งขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร พลเรือน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและประชาชนที่จะต้องช่วยกัน ซึ่งข้อเสนอต่างๆ ที่ให้มาอย่างเช่น นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ให้รัฐบาลยุบสภาเราก็ฟัง

นายกฯยันเข้าเฝ้าในหลวง2ธค.

 นายสมชาย กล่าวในเวลาต่อมาว่า หลังจากที่สนามบินสุวรรณภูมิ ถูกคนกลุ่มหนึ่งไปยึดอยู่ จนทำให้เครื่องบินไม่สามารถขึ้นบินได้ ทั้งที่ดอนเมืองและสุวรรณภูมิ จนต้องปิดสนามบินไป ทำให้สูญเสียรายได้วันละนับแสนล้านบาทแล้ว ยังมีผู้คนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย และคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส  จึงให้ไปสำรวจว่า มีคนไทยตกค้างที่ไหน ก็ให้ส่งเครื่องบินไปรับกลับมา  และเราที่อยู่ในประเทศไทย ก็เป็นคนไทยด้วยกัน จะทำอะไรก็ให้มาพูดจากัน จะประท้วงก็ไม่ว่า ให้เป็นไปตามกฎเกณท์กติกา แต่ทำอย่างนี้เสียหายทั้งชาติ

 เมื่อถามว่า จะกลับไปเจรจาด้วยตัวเองไหม นายกฯ กล่าวว่า พร้อมตลอดเวลา แต่อย่ามาบอกว่า ให้ลาออกกับยุบสภา

 "ผมจะเดินทางกลับกทม. ในวันที่ 2 ธ.ค. เพื่อเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจะกลับมาเชียงใหม่ทันที จากนั้น วันที่ 4ธ.ค. จะเดินทางไปเข้าเฝ้าอีกครั้งหนึ่ง จนถึงวันที่ 7 ธ.ค. ที่รัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพจัดงานสโมสรสันนิบาต แต่หลังจากนั้น จะไปไหน ขณะนี้ ยังบอกไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ปิดเป็นความลับ เพราะเราก็ไม่รู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้น" นายกรัฐมนตรี กล่าว

 เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ คืนทำเนียบให้ นายกฯ ย้อนถามว่า จะคืนให้หรือ ทำเนียบเป็นของรัฐบาล

 นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวสั้น ๆ ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดแถลงปิดคดียุบพรรคในวันพรุ่งนี้ว่า มีคณะทำงานดูแลอยู่

ทหารปัดวิจารณ์แนวคิดส.ศิวรักษ์

 ขณะที่ พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงแนวทางของ ส.ศิวรักษ์ แนะนำให้นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอพระราชทานทางออกให้แก่บ้านเมืองว่า ไม่ขอวิจารณ์ ไม่อยากให้ดึงพระองค์ท่านเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องความขัดแย้ง

 เมื่อถามว่า ทุกฝ่ายควรถอยคนละก้าวเพื่อหาจุดร่วมเดียวกัน พล.อ.อภิชาตกล่าวว่า เป็นเรื่องที่เสนอแนะมาว่าควรต่างคนต่างถอย จะไม่มีใครแพ้ ทั้งสองฝ่ายจะเป็นผู้ชนะ เป็นชัยชนะของประชาชนในภาพรวม คือ ความสงบที่เกิดขึ้นในประเทศชาติ

เสนอตั้งสภากรรมการปวงชนชาวไทย

 เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 1 ธันวาคม พระสงฆ์ 50 รูป นำโดยพระมหาบุญถึง ชุตินธโร ประธานรัฐสภาวนาราม ประธานสภาธรรมาธิปไตยแห่งชาติ เดินทางมายังกองบัญชาการกองทัพบก ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และประธาน คตร. โดยมี พ.อ.พลภัทร วรรณภักตร์ รองเลขานุการกองทัพบก เป็นผู้รับเรื่อง

 ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวเห็นด้วยกับข้อเสนอของ คตร.ที่ให้นายกรัฐมนตรียุบสภา และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยุติการชุมนุมทุกพื้นที่ เพราะเป็นความพยายามรับผิดชอบต่อบ้านเมือง แต่ได้รับการปฏิเสธจากทั้งสองฝ่าย ดังนั้น เมื่อรัฐบาลของระบอบเผด็จการรัฐสภาไม่ยอมสร้างประชาธิปไตย โดยการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ไม่ยุบสภา ไม่ลาออก จึงเหลือทางเดียวคือสถาบันกองทัพ เพราะมีกำลังอำนาจในการรักษาเอกราชอธิปไตย ความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 ตามมาตรา 1, 2, 3, 7 และ 77 โดยขอพระราชทานพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสภากรรมการปวงชนชาวไทย ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากทุกอำเภอ อำเภอละ 1 คน และผู้แทนจากสาขาอาชีพ ผู้แทนจากชนชั้นเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ตามแบบอย่างสภากรรมการองคมนตรีของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

อ.มหิดล-จุฬาฯล่าชื่อถอดสมชายครบแล้ว

 นางมณฑา เก่งการพานิช อาจารย์ประจำคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากการที่กลุ่มพวกตนแสดงเจตจำนงในการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งต่อประธานวุฒิสภา ขณะนี้คณะทำงาน ซึ่งนำโดยนางจิราพร ลิ้มปานานนท์ อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รายชื่อประชาชนครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนดแล้ว 24,900 คน จึงได้กำหนดนัดยื่นต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ในวันที่ 2 ธันวาคม เวลา 11.00 น.

 นางมณฑากล่าวต่อว่า ได้ตั้งข้อกล่าวหานายสมชายไว้ 4 ข้อกล่าวหา คือ 1.ส่อว่าทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ 2.ส่อว่าทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม 3.ส่อว่าใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และ 4.ส่อว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยข้อกล่าวหาดังกล่าวมาจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมในวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา และกรณีคลิปฉาว ซึ่งถือว่าผิดจริยธรรมและใช้เวลาราชการไปประพฤติในสิ่งที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการใช้อำนาจแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมด้วย โดยหลังจากประธานวุฒิสภาตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนแล้วก็จะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์