กรุงเทพธุรกิจ
2 กรกฎาคม 2549 20:24 น.
สุริยะใส เปิดแผน 5 ขั้น จัดตั้งกองกำลังพิทักษ์ระบอบทักษิณ พร้อมเผชิญหน้ากับทุกฝ่าย ดึงเอาสงครามมวลชนเข้ามาแทนที่เพื่อกลบเกลื่อนและหลีกหนีความผิดของผู้นำ
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวถึงยุทธศาสตร์ของการพิทักษ์และต่ออายุของระบอบทักษิณว่ามีแผน 5 ขั้นด้วยกันคือ
ปล่อยข่าว ใช้ทั้งวิธีปั้นข่าวปิดและข่าวเปิด โดยข่าวปิดนั้นหวังผลล้างสมองมวลชนและบูชาว่า พตท.ทักษิณเป็นเทวดาเป็นคนดีที่ถูกรังแก ส่วนข่าวเปิดปล่อยผ่านสื่อหรือ พตท.ทักษิณ ลงมือปล่อยด้วยตนเอง เช่น พูดว่ามีผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ หัวหน้าบางองค์กรยอมทำสิ่งไม่ถูกต้อง ปล่อยข่าวให้สังคมสับสนแล้วชิ่งหนี หรือผูกเรื่องอ้างข้อมูลใหม่ตลอดเวลาเพื่อกล่อมสมาชิกพรรคไม่ให้ตีจาก
กล่าวหา โดยพุ่งเป้าไปที่แกนนำพันธมิตรและบุคคลสำคัญทางสังคมเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ ด้วยวิธีกล่าวหาเรื่องส่วนตัว ลดทอนเจตนารมณ์การเคลื่อนไหวของขบวนการกู้ชาติให้เป็นความขัดแย้งหรือความไม่พอใจส่วนตัว และออกใบสั่งให้ตำรวจดำเนินคดีได้กับทุกคน เพื่อปกปิดความผิดตนเองที่คอรัปชั่นโกงบ้านกินเมือง ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์เครือญาติ และคุกคามรังแกฝ่ายตรงกันข้าม ซึ่งเป็นต้นตอวิกฤตการณ์ทั้งหมด
ปลุกระดม ด้วยการจัดตั้งกองกำลังพิเศษพิทักษ์ระบอบทักษิณ เดินเรื่องโดยใช้กลไกรัฐราชการทั้งกระทรวงมหาดไทยและกรมป่าไม้ผสมกับอำนาจอิทธิพลนอกระบบ และมีงบประมาณทั้งงบราษฏร์และงบหลวงออกแบบและวางระบบด้วยคนมีสีทั้งในและนอกราชการ โดยกำหนดแกนนำและสร้างกองกำลังมวลชนที่แน่นอนและเตรียมพร้อมรอคำสั่งเคลื่อนไหว 24 ชั่วโมง
ชี้เป้า โดยกำหนดตัวศัตรูและฝ่ายตรงกันข้ามที่แน่นอนตายตัว แขวนป้ายอีกฝ่ายเจอเมื่อไหร่คุกคามได้ตามใจชอบ รวมทั้งใช้วิธีกดดันทั้งทางตรงและทางอ้อม กำหนดพื้นที่สะสมและขยายกำลังที่แน่นอนและเขตต้องห้ามสำหรับฝ่ายพันธมิตรฯ เช่น ห้ามเข้าอุดรและเชียงใหม่ เป็นตน
เอามวลชนออกมาเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่การเตรียมชุมนุมใหญ่ในเวลาเดียวกับที่มีการนัดหมายชุมนุมของพันธมิตร หวังผลทั้งในทางจิตวิทยาคือนำพามวลชนออกมาให้มากกว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯและเป้าหมายสูงสุดพร้อมเผชิญหน้า เพราะหากถึงขั้นรุนแรงกองกำลังในอุ้งมือของระบอบทักษิณพร้อมเข้ามาควบคุมสถานการณ์ทั้งในนามของการรัฐประหารตัวเองหรือสลายการชุมนุมด้วยข้ออ้างเพื่อความมั่นคงแห่งรัฐ
แผนทั้ง 5 ขั้นถือเป็นสงครามมวลชนที่คนในรัฐบาลถนัดและมีประสบการณ์หลายคน โดยคนกลุ่มนี้ไม่สนใจที่จะตอบคำถามและอธิบายข้อกล่าวหาและความล้มเหลวในการบริหารงานของ พตท.ทักษิณ เช่น การคอรัปชั่นทางนโยบาย เอื้อประโยชน์พวกพ้อง การแทรกแซงสื่อ การขายรัฐวิสาหกิจ การเลี่ยงภาษี ซึ่งจนป่านนี้ยังชี้แจงไม่ได้ แต่กลับหนีมาทำสงครามมวลชนที่ตัวเองได้เปรียบเพราะมีอำนาจรัฐในมือ