ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่มีข่าวระบุว่า พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล เตรียมพร้อมการสลายตัวของการชุมนุมกลุ่มพันธมิตร ภายในวันนี้เวลา 20.00 น.
ปรากฎว่าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจภูทรภาค 2 จำวน 1 กองร้อยๆละ 150 นาย พร้อมโล่และกระบอง และสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสุวรรณภูมิ ได้มาตรึงกำลังบริเวณทางเข้าอาคารสำนักงานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
พร้อมกันนี้ได้มีสุนัขตรวจหาวัตถุระเบิดจำนวน 3 ตัว จากการตรึงกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สร้างความไม่พอใจแก่กลุ่มพันธมิตร โดยเฉพาะการ์ดที่บริเวณทางยกระดับทางเข้าอาคารผู้โดยสาร ช่วงบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยการ์ดพันธมิตรประกาศทางโทรโข่งให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่หรือเป็นเจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกจากพื้นที่ดังกล่าว พร้อมกับยานพาหนะ เพราะทางพันธมิตรจะไม่รับรองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นมา ซึ่งพันธมิตร ได้มีการตักเตือนแล้วจะมาโทษไม่ได้
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรึงกำลัง ทำให้พันธมิตรเคร่งครัดประตูทางเข้าภายในอาคารโดยสารมากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปภายในอาคารเพื่อที่จะทำการสลายการชุมนุมได้
ที่สนามบินดอนเมืองก็เตรียมพร้อม
เมื่อเวลา 16.00 น.ที่ผ่านมา ผู้ดำเนินรายการของกลุ่มพันธมิตร ได้ประกาศแจ้งให้ผู้ชุมนุมที่สนามบินดอนเมืองทราบ พร้อมย้ำในการเตรียมอุปกรณ์แว่นตา และผ้าชุบน้ำ 1 ผืน และน้ำ 1 ขวดติดตัวไว้ เพื่อป้องกันหากมีการใช้แก๊สน้ำตาในการชุมนุม พร้อมทั้งยังได้ติดใบประกาศแจ้งเตือนดังกล่าวไว้ ที่บริเวณหน้าห้องสุขาด้วย
ส่วนการรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ซึ่งใช้เป็นเวทีชุมนุมนั้น ได้นำลวดหนามมาติดตั้งไว้บนรั้วกั้นตลอดแนว เพื่อป้องกัน การใช้กำลังเจ้าหน้าที่บุกเข้ามาจากถนนวิภาวดีรังสิต ผ่านเข้ามายังอาคารดังกล่าว และขณะนี้ได้นำยางรถยนต์จำนวนมาก มากั้นปิดทางเข้า-ออก ประตูใหญ่ที่จะเข้าสู้อาคารผู้โดยสารภายในประเทศไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งนำรถบรรทุก 6 ล้อ และรถยนต์ขนาด 4 ที่นั่งมาจอดขวางตามแนวยางรถยยนต์ อีกชั้นหนึ่งด้วย ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่จากพันธมิตรจำนวนหลายร้อยคน ได้เฝ้าเข้มทุกประตูทางเข้า-ออก รวมทั้งการตรวจค้นตัวผู้ที่เข้าไปยังบริเวณที่ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้บนเวทีปราศรัยได้ประกาศแจ้งเตือนให้กลุ่มผู้ชุมนุมทราบว่า ขณะนี้บุคคลซึ่งสวมเสื้อดำ ได้เข้ามาสร้างความวุ่นวาย ด้วยการแจ้งข่าวกับผู้ชุมนุมว่าภายในบริเวณชุมนุมมีระเบิดติดตั้งอยู่ จึงขอให้ผู้ชุมนุมอย่าหลงเชื่อ ขณะเวลา 16.00 น.เป็นต้นมา ประชาชนได้ทยอยเดินทางเข้ามาร่วมชุมสุมอย่างต่อเนื่อง และพบว่ามีประชาชนบางส่วน ซึ่งสัญจรไปได้ยื่นเฝ้าติดตามเหตุการณ์อยู่บนสะพานหน้าอาคารโดยสารภายในประเทศ
ตร.พร้อมอาวุธครบมือปิดถนนเข้าสุวรรณภูมิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจจาก สภ.ราชาเทวะ ได้นำกำลังมาปิดถนนเส้นที่จะเข้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ(สายลาดกระบัง-สุวรรณภูมิ) โดยไม่อนุญาตให้รถทุกคันผ่านเข้าไปในสนามบิน โดยให้ผู้สัญจรเปลี่ยนเส้นทางไปใช้ถนนสายกิ่งแก้ว ทั้งนี้ จนท.ตำรวจได้ติดอาวุธครบมือ มีอาวุธปืน เอ็ม 16
นครบาลประกาศเตือนม็อบออกจากสนามบิน
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. กล่าวภายหลังประชุมนายตำรวจเพื่อวางแผนประเมินสถานการณ์ควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ว่า ทางเจ้าหน้าที่จะแจ้งข่าวให้ผู้ชุมนุมทราบโดยเร็ว โดยจะแจ้งทุกทาง อาทิ ใบปลิว การใช้รถกระจายเสียง ส่ง SMS ทุกระบบ นอกจานี้ จะตั้งชุดเจรจาเข้าไปต่อรอง ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานทางกองทัพบกเพื่อให้ชุดต่อรองจากพลร่มป่าหวายเข้ามาช่วยเจรจา
พล.ต.ท.สุชาติ กล่าวต่อว่า ความเสียหายเกิดขึ้นมหาศาล วันที่ 2-3 ธ.ค.นี้ จะมีพิธีสวนสนาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินาถ จะเสด็จเข้าร่วมพิธี หลังจากนั้นอีก 2 วัน จะเป็นวันเฉลิมพระชนพรรษา ทุกฝ่ายคงต้องถอยกันคนละก้าว ในช่วงนี้ในหลวงและพระราชินีทรงเสด็จมาทรงงานในกรุงเทพฯ เราทุกคนไม่อยากให้ท่านระคายเคืองพระยุคลบาท
“เราไม่ได้บอกว่าใครผิดใครถูก แต่เราอยากให้ทุกคนเห็นแก่พ่อของเรา การคุยด้วยสันติวิธีน่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด อยากฝากไปถึงอาจารย์จำลอง ศรีเมือง ซึ่งเป็นอาจารย์ของผม และเพื่อน วีระ สมความคิด ซึ่งเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก อยากให้เห็นแก่ลูกศิษย์และเพื่อน” พล.ต.ท.สุชาติ กล่าว
ผบช.น. กล่าวอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากสนามบินให้เร็วที่สุด เพื่อให้สนามบินเปิดใช้ได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เป็นห่วงกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งนี้ เท่าที่ทราบตอนนี้ประเทศไทยถูกจัดอันดับประเทศที่มีความเสี่ยงเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศอินเดีย อยากวอนขอให้พี่น้องประชาชนเห็นแก่ประเทศชาติ สำหรับขั้นตอนทางเจ้าหน้าที่จะเน้นการเจรจา และแจกใบปลิวตามจุดต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้รับรู้ ไม่ใช่ผู้ชุมนุมอย่างเดียว หลังจากนี้ไปจะแจกประกาศฉบับที่ 2 เพื่อกำหนดเวลาตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากถึงตอนนั้นผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหน้าที่คงต้องใช้กำลังเข้าไปผลักดัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล ออกประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ฉบับที่ 1 เรื่องให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ชุมนุม
แถลงการณ์เครือข่ายสานเสวนาฯ เตือนรัฐอย่าใช้กำลังสลายม็อบ
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน เครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4 ดังนี้ ตามที่รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ซึ่งอาจนำไปสู่การสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอาจเกิดความรุนแรงก่อให้เกิดการเสียชีวิตเลือดเนื้อขึ้นได้อีกครั้งหนึ่งนั้น เครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม จึงขอเรียกร้อง ดังต่อไปนี้
1.การยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง แม้จะผิดกฎหมายและสร้างความเสียหาย ให้เกิดขึ้น ก็ไม่ก่อให้เกิดความชอบธรรมในการสลายผู้ชุมนุมด้วยความรุนแรง ซึ่งอาจก่อให้เกิดการเสียชีวิตเลือดเนื้อขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น เครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและตัวแทนผู้มีอำนาจเต็มของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 1 คน มาร่วมกันสานเสวนาเพื่อหาทางออกให้ประเทศโดยสันติวิธี โดยเครือข่ายสานเสวนาฯ พร้อมที่จะเป็นคนกลางจัดสถานที่และวิธีการสานเสวนาให้
2.ในระหว่างการสานเสวนายังไม่ได้ข้อยุติที่ยอมรับกันได้ ทุกฝ่ายจะต้องไม่สร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้น
3.ขอให้ตำรวจและทหารในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ตั้งด่านตรวจค้นอาวุธและปลดอาวุธทุกฝ่ายในทุกจังหวัด เพื่อป้องกันมิให้เกิดความรุนแรง และต้องป้องกันมิให้มีการยิงหรือใช้อาวุธลอบทำร้ายซึ่งกันและกันรายวันอย่างที่ผ่านมา รวมทั้งต้องป้องกันมิให้กลุ่มประชาชนผู้ขัดแย้งปะทะกันโดยเจ้าหน้าที่วางเฉย หากเจ้าหน้าที่วางเฉยย่อมเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานละเว้น การปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา
เครือข่ายสานเสวนาเพื่อสันติธรรม ขอย้ำว่า ความรุนแรงไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากฝ่ายใดก็ตามไม่ใช่ทางออกของปัญหาที่ซับซ้อน มีแต่จะสร้างความร้าวฉานที่ยากจะเยียวยา และเป็นบาดแผลที่ยิ่งลึกและกว้างของสังคมไทย การสานเสวนาและสันติวิถีเท่านั้นที่จะเป็นทางออกของทุกฝ่าย
อนึ่ง เพื่อยืนยันหลักการนี้ สภาพัฒนาการเมือง ตามพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. 2551 จึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์ “ยุติความรุนแรง แสวงสันติด้วยการสานเสวนา” ขึ้นในวันที่ 1 ธันวาคม 2551 ใน 37 จังหวัดทั่วประเทศ
ปิดสุวรรณภูมิ-ดอนเมืองทำปชช.เบนเข็มใช้รถทัวร์เพิ่ม
นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองส่งผลให้สายการบินทุกเที่ยวบินงดเที่ยวบิน ซึ่งการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทั้งนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และผู้มีธุระต้องเดินทางไปยังกรุงเทพได้เป็นอย่างดี ซึ่งในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาก็พบว่ามีประชาชนหันมาใช้บริการรถเมล์เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ขนส่งฯ เชียงใหม่ ยังได้ร่วมกับท่าอากาศยานเชียงใหม่ ตั้งศูนย์ประสานงานการเดินทางและช่วยเหลือผู้โดยสารที่เดินทางมายังสนามบินเชียงใหม่เพื่อเดินทางต่อไปกรุงเทพ โดยเริ่มตั้งแต่วานนี้ (27 พ.ย.) เป็นต้นมา ซึ่งจะมีการจัดรถทัวร์โดยสารไว้คอยบริการสามารถออกจากสนามบินเชียงใหม่ได้ตลอดเวลา แต่หากไม่สะดวกก็รับติดต่อจองตั๋วโดยสารให้ ทั้งนี้ โดยพบว่ามีผู้ใช้ตลอดทั้งวันมีผู้เมล์ออกไปแล้วจำนวน 5 คัน จำนวนกว่า 150-200 คน
ขณะที่นายวีระศักดิ์ ขวัญยืน นายสถานีรถไฟจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า บรรยากาศการใช้บริการของผู้โดยสารรถไฟยังคงเป็นปกติไม่เพิ่มปริมาณขึ้นแต่อย่างใดแม้ว่ากลุ่มพันธพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยปิดสนามบินทั้ง 2 แห่งก็ตาม ทั้งนี้ เนื่องจากปกติแล้วผู้ที่จะโดยสารทางรถไฟต้องทำการจองตั๋วล่วงหน้าเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 60 วัน ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีประชาชนจองเกือบเต็มแล้วจนถึงสิ้นเดือนธ.ค. เหลือเพียงรถไฟชั้น 3 เดินทางเชียงใหม่-กรุงเทพนั้น มีจำนวน 2 ขบวน รองรับผู้โดยสารได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 คน ที่ผู้โดยสารจะสามารถใช้บริการได้
นครบาลประกาศเตือนม็อบออกจากสนามบิน
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!