ผบ.เหล่าทัพเมินร่วมถก“คกก.ฉุกเฉิน”ส่งผู้แทนร่วม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานประชุมคณะกรรมการตามประกาศพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่นาย สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบหมายแต่งตั้งให้เป็นประธานควบคุมสถานการณ์ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท. สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท. ฉลอง สนใจ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบตามประกาศ พรก.ฉุกเฉิน
นอกจากนี้ พล.ต.อ.โกวิท ยังเชิญผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าร่วมหารือ แต่ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบหมายให้ พล.อ. จิรเดช คชรัตน์ รองผู้บัญชาการทหารบก มาแทน และ พล.อ.อ. อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้ พล.อ.อ. มานิต สพันธุพงษ์ เสนาธิการทหารอากาศ เป็นผู้แทน มีเพียงพล.ร.อ. กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่เดินทางมาร่วมประชุมด้วยตนเอง
จากนั้นเวลา 14.30 น. พล.ท. พีระพงษ์ มานะกิจ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมว่า พล.ต.อ.โกวิท ให้นโยบายการประชุมว่า กลุ่มพันธมิตรที่เข้ายึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติภายใต้กรอบกฎหมาย รวมถึงเมตตาธรรม เพราะผู้ประท้วงเป็นคนในชาติเดียวกัน การประท้วงยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ส่งผลให้ต่างชาติไม่สามารถกลับประเทศได้ ส่งผลเสียหายนานาประการต่อเศรษฐกิจ ชื่อเสียงของประเทศชาติ
“ต่างประเทศวิเคราะห์การกระทำดังกล่าวว่า กลุ่มประท้วงได้จับชาวต่างชาติเป็นตัวประกัน ทำให้มีลักษณะคล้ายการก่อการร้ายสากล เป็นไปตามมาตรฐานการตีความของต่างชาติ แต่จุดยืนของรัฐบาลไทยและประธานการประชุมให้มองว่า เป็นการกระทำของกลุ่มประท้วงที่เกินเลยกว่าขอบเขตกฎหมายไทยยอมรับได้เท่านั้น"โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว
พล.ท.พีระพงษ์ กล่าวว่า การปฏิบัติใดจากนี้อาจใช้ห่วงระยะเวลาหนึ่งดำเนินการ ซึ่งไม่สามารถกระทำการได้อย่างรวดเร็ว รุนแรง เหมือนกรณีการปฏิบัติกับโจรก่อการร้ายที่ยึดสนามบินก็ตาม แต่การกระทำผิดกฎหมายครั้งนี้จะถูกเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการตามกรอบกฎหมายไทยอย่างตรงไปตรงมา โดย พล.ต.อ.โกวิท มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบการปฏิบัติแต่ละพื้นที่ แยกย้ายไปทำการประชุม เพื่อกำหนดประสานและเริ่มปฏิบัติการได้ตั้งแต่บัดนี้
“การปฏิบัติของรัฐครั้งนี้จะกระทำตามหลักมนุษยธรรม โปร่งใส ยินดีจะเปิดเผยข้อมูล โดยจะเริ่มต้นขั้นแรกด้วยการเจรจา และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนรายละเอียดการปฏิบัติ ผู้บัญชาการแต่ละเหตุการณ์ แต่ละท่านจะพิจารณาสภาพตามความเหมาะสม ส่วนระยะเวลาการปฏิบัติงานไม่ได้บังคับกำหนด ที่สำคัญเราคำนึงไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย ทั้งนี้ หากมีผู้ก่อการร้ายภายนอกมายึดสนามบินคงทำภายในวันเดียวได้ เพราะยอมรับความสูญเสียได้ แต่ขณะนี้เป็นเพื่อนร่วมชาติเรา คงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง แต่ต้องใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด”โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว
พล.ท.พีระพงษ์ กล่าวว่า คนมองความเสียหายที่ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีความเสียหายด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นทุกวัน เป็นความเสียหายต่อชื่อเสียงของประเทศชาติ สะท้อนถึงกลไกรัฐหรือรัฐไทยใช้ธรรมรัฐหรือไม่ และกฎหมายเป็นกฎหมายไทยหรือไม่ เราต้องกระทำการให้ตรงไปตรงมา สำนึกของผู้ปฏิบัติก็คุยกันว่าไม่อยากกระทำการที่รุนแรง หวังว่าพูดจากันรู้เรื่อง ทั้งนี้ พล.ต.อ.โกวิท แต่งตั้งผู้แถลงข่าวที่เป็นทางการจากฝ่ายการเมือง 1 นาย โดยมีผู้ช่วย คือ โฆษกกระทรวงกลาโหม
เมื่อถามว่า ต่างชาติมองคล้ายการก่อการร้ายสากล พล.ท.พีระพงษ์ กล่าวว่า การกระทำบางเรื่องกลุ่มผู้ประท้วงหวังดีก็จริง แต่บางเรื่องเวลาเลือกจุดเป้าหมาย โดยไม่ดูถึงผลกระทบ ต่างชาติมองว่าเมื่อไรที่ใครยึดเอาพลเมืองของชาติไว้เหมือนเป็นตัวประกัน เราก็ตีความอย่างนั้นได้ แต่การตีความของเราถือเป็นเพื่อนร่วมชาติ แต่การทำเกินขอบเขตกฎหมาย เราคงผ่อนผันให้ไม่ได้ แต่ถ้าจะผ่อนผันคงต้องไปในลักษณะของการเมือง ซึ่งผู้ปฏิบัติคุยเรื่องเป้าประสงค์ทางการเมืองไม่ได้ ต้องให้นักการเมืองเป็นคนคิดเอง ผู้ปฏิบัติเป็นกลไกรัฐทำหน้าที่อย่างเดียว
พล.ท.พีระพงษ์ กล่าวว่า การดำเนินการกลุ่มผู้ชุมนุมที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าน ผบช.น.เป็นผู้วางแผนหลัก กำลังเสริมตามที่มีในคำสั่งคือกองทัพอากาศ ส่วนกองทัพเรือสนับสนุนที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้ รองผบ.ทบ. กล่าวในที่ประชุมว่า กรอบการปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล หากต้องการกำลังเสริมก็มีกำลังพลให้ แต่ไม่ขอระบุรายละเอียด เพราะเป็นความลับทางราชการ
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.โกวิท อธิบายสาเหตุที่ไม่ใช้กำลังทหารบกเป็นหลักหรือไม่ พล.ท.พีระพงษ์ กล่าวว่า คิดกันไปเอง เพราะการปราบจลาจลต้องเริ่มจากตำรวจ เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญ เราให้ตำรวจเป็นหลัก ทหารคอยเสริม ทั้งนี้ กองทัพบกอยู่ตรงกลาง อย่าลืมว่าพระนครมีผู้ชุมนุมในพื้นที่ทำเนียบด้วย หากทุ่มกำลังไปทั้ง 2 แห่ง พื้นที่ทำเนียบรัฐบาลอาจมีปัญหาอีก กองทัพบกมีภารกิจอยู่แล้ว
พล.ท.พีระพงษ์ กล่าวว่า ส่วนอาวุธที่จะใช้สลายกลุ่มผู้ชุมนุม ผบ.เหตุการณ์จะคุยรายละเอียดการใช้อาวุธอะไร ซึ่งมีข้อห่วงใยให้ปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรม เพราะเขาเป็นเพื่อนร่วมชาติ แต่การใช้อาวุธขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตามกรอบกฎหมายตามหลักสากล เมื่อถามว่า หากใช้แก๊สน้ำตากับตะบองไม่ได้ผลจะทำอย่างไร พล.ท.พีระพงษ์ กล่าวว่า ขอเลี่ยงตอบ แต่จะใช้ตามหลักสากล เมื่อถามว่า ยอมรับความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น พล.ท.พีระพงษ์ กล่าวว่า เป็นไปตามขั้นตอนตามหลักสากล โดยจะเพิ่มน้ำหนักขึ้นเรื่อย

"ปลัดกห.”ยันกลางที่ประชุมทหารไม่ปฎิวัติ

นายนัที เปรมรัศมี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมรับทราบนโยบายจาก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยผ่านทางวีดิทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียม(วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ )จากศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ว่า ไม่มีอะไรสำคัญ เพียงแต่นายกรัฐมนตรีต้องการรับฟังความเห็นจากข้าราชการ โดยนายกรัฐมนตรี ได้กำชับข้าราชการใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรักษาสถานที่ราชการให้ดี 2.ให้ดูแลนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติตกหล่น จำนวน 900 ที่พัทยา จ.ชลบุรี ที่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้ผู้ว่าช่วยการสอดส่องหากงบประมาณไม่พอก็มาขอได้ 3.เรื่องเศรษฐกิจโดยให้ผู้ว่าราชการช่วยกันโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
นายนัที กล่าวอีกว่า หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีก็ได้รับฟังความคิดเห็นจากปลัดกระทรวงต่าง ๆ จำนวน 39 กระทรวง และเปิดโอกาสให้รายงานสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้น โดยพล.อ.อภิชาต ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นรายงานสถานการณ์ และรับรองกับนายกรัฐมนตรีว่าจะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งนี้ปลัดกระทรวงกลาโหม และ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้พูดคุยกันรุนแรง และไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน และนายกรัฐมนตรีก็อารมณ์ดีไม่มีปัญหา ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีห่วงในเรื่องความปลอดภัยของชาวต่างชาติเป็นพิเศษ เพราะนายกรัฐมนตรีห่วงชื่อเสียงของประเทศ พล.อ.อภิชาต ได้ยืนยันว่าจะไม่มีการปฏิวัติเท่านั้น
นายนัที กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้สอบถามปลัดกระทรวงคมนาคมว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ซึ่งปลัดกระทรวงคมนาคมก็ได้ชี้แจงถึงเรื่องสนามบินอู่ตระเภา ว่ามียอดนักท่องเที่ยวค้างอยู่เท่าไหร่ และจะจัดรถอย่างไรในการอำนวยความสะดวก หลังจากนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติม ซึ่งบรรยากาศในการหารือเป็นไปอย่างราบรื่น และนายกรัฐมนตรีก็ได้กล่าวขอบคุณการทำงานของข้าราชการ และปลัดกระทรวงต่าง ๆ และไม่ได้เคร่งเครียดอะไร โดยใช้เวลาในการประชุมหารือ 1 ชั่วโมง 30 นาที
“รัฐบาลกับกองทัพร่วมทำได้ไม่มีปัญหา ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีให้ตำรวจสลายการชุมนุมโดยที่ไม่ใช่กำลังทหารเนื่องจากเป็นพื้นที่ความรับผิดชอบของตำรวจ จึงไม่จำเป็นจะต้องใช้ทหาร ส่วนพื้นที่ที่ดอนเมืองนายกรัฐมนตรีได้ให้เกียรติกองทัพอากาศในการดูแล เพราะเป็นพื้นที่ของกองทัพอากาศ ส่วนที่สนามบินสุวรรณภูมิให้เกียรติกองทัพเรือ เนื่องจากพื้นที่ใกล้กับ จ.สมุทรปราการ เพราะเป็นเขตทหารเรือ ส่วนทหารบกคอยเสริมไว้ข้างหลัง
ทางด้าน พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังจากประชุมวิดีทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียม (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์) กับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ว่าจากจังหวัดเชียงใหม่ว่า การที่พล.ต.อ.โกวิทใช้กระทรวงกลาโหมเป็นที่ประชุม ถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากว่ากระทรวงมหาดไทยติดการประชุมกับนายกฯ จึงต้องใช้พื้นที่อื่น
แต่ในส่วนที่ไม่มีผู้นำเหล่าทัพเข้าร่วมประชุม ไม่ได้มีนัยยะอะไร เพราะถามดูพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯแล้วจะเห็นว่ามีคำสั่งแต่งตั้งผบ.ตร. และผบช.น. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ดังนั้นเมื่อตั้งนายตำรวจยศพลโทเป็นหัวหน้า จะให้ผบ.เหล่าทัพเข้าร่วมประชุมได้อย่างไร ผบ.ไม่ใช่ลูกน้อง จึงต้องมอบให้ รองผบ.ร่วมประชุมแทน


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์