นายกฯ ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น. (27 พ.ย.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที

ระบุ ขณะนี้จะยังคงทำงานอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ และเพื่อไม่ให้การประชุมคณะรัฐมนตรีต้องเลื่อนออกไป จึงได้เรียกองค์ประชุมคณะรัฐมนตรีทั้งหมดขึ้นมาประชุมที่เชียงใหม่ ซึ่งจะเหมือนกับการประชุมที่กรุงเทพฯ ทุกประการ สำหรับวาระการประชุมยังเป็นวาระเดิมที่ค้างไว้

นายสมชาย กล่าวต่อว่า บ้านเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติ มีความเสียหายเกิดขึ้น ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมืองไม่สามารถเปิดใช้บริการได้

คิดเป็นมูลค่าความเสียหายจากการถูกปิดวันละ 1 แสนล้านบาท เรื่องดังกล่าวเป็นภัยร้ายแรงต่อชาติบ้านเมือง จึงอยากขอร้องผู้ปิดกั้นให้ออกจากพื้นที่สนามบิน อยากให้บ้านเมืองกลับสู่สภาวะปกติ เพราะการกระทำดังกล่าวทำให้ความเชื่อมั่นสูญหายไป ซึ่งผู้รับกรรมคือพี่น้องทั้งประเทศ ขณะนี้ศาลแพ่งรับฟ้องจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ขอให้ศาลบังคับกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากสถานที่ดังกล่าว หวังว่าคงทำตามคำสั่งศาล

“ผมมีความจำเป็นต้องประกาศภาวะฉุกเฉินร้ายแรงเป็นบางจุด การประกาศครั้งนี้ไม่ได้มีความมุ่งร้ายที่จะทำร้ายใคร แต่เพื่อให้เจ้าหน้าที่สะดวกในการทำงาน และเคลียร์กับประชาชนให้เข้าใจ ซึ่งเป็นการประกาศใช้ชั่วคราว สนามบินดอนเมือง มอบให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้รับผิดชอบ โดยขอให้กองทัพอากาศสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ ส่วนสนามบินสุวรรณภูมิ มอบให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 รับผิดชอบ โดยขอกำลังสนับสนุนจากกองทัพเรือ และขอกองทัพบกสนับสนุนกำลังช่วยประชาชนในยามจำเป็นตามที่ได้รับร้องขอ พร้อมแต่งตั้งพลตำรวจเอกโกวิท วัฒนะ ดูแลโดยรวม” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวต่อว่า รัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงานถูกต้องตามครรลองระบอบประชาธิปไตย มีความมั่นคง ให้การคุ้มครองคนทั้งชาติ

ประเทศไทยได้พัฒนาความเจริญรุ่งเรืองมาเป็นเวลานาน เราจำเป็นต้องเดินไปข้างหน้าตามระบอบที่ถูกต้อง ประชาชนเห็นพ้องต้องกัน นายสมชาย กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีการปล่อยข่าวว่าทหารมีการเคลื่อนไหวทำให้ประชาชนแตกตื่น ได้คุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพแล้ว ยืนยันว่าไม่มีอะไร ในวันนี้เราทุกคนต้องทำงานด้วยกัน ด้วยความอดทน อดกลั้น มีเหตุผลในการวิเคราะห์ ผมขอให้กำลังใจทุกคนในการทำมาหากิน ดูแลทุกข์สุข ผมในฐานะรัฐบาลจะดูแลผลประโยชน์ชาติ และปกป้องประชาธิปไตย เพื่อให้อยู่ถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีใช้เวลาในการแถลงการณ์ 10 นาที.