สส.รัฐปลุกสีแดง สกัดทหารปฏิวัติ ปชป.ฟันธงนายก ยังไม่ยุบสภาแน่
นายกฯ สั่งโฆษกรัฐบาลแถลงดับข่าวลือปลด"อนุพงษ์-พัชรวาท" พ้นผบ.ทบ.และผบ.ตร. วิปรัฐบาลแถลงสั่งส.ส.เตรียมระดมมวลชนต้านปฏิวัติ ให้ส.ส. 1 คนขนคนในพื้นที่มาให้ได้ 20,000 คน เน้นเฉพาะชายฉกรรจ์ พร้อมอาวุธปืน-มีด อ้างไม่ได้จุดชนวนสงครามเสื้อแดง-เสื้อเหลือง แต่เป็นการปกป้องประชาธิปไตย พปช.เตือนกองทัพอย่าคิดทำปฏิวัติ เพราะประเทศจะเสียหายและเจอต้านหนักแน่ อัดผู้นำทหาร-ตำรวจลอยตัวหนีปัญหา โยนภาระให้รัฐบาล เย้ย"อนุพงษ์"ฝันจะเป็นนายกฯ "อภิสิทธิ์"ชี้นายกฯ ตัดสินใจผิดพลาดที่ไม่รับข้อเสนอ"ยุบสภา" "เทือก"แฉแผน"ทักษิณ"ยั่วทหารปฏิวัติ ตัวเองจะได้สวมบทนักประชาธิปไตยเข้ามาต่อต้าน กองทัพบกหนุนคตร. เสนอยุบสภา-ม็อบยุติชุมนุม ยันผบ.ทบ.ไม่กลัวถูกปลด ประชุมครม.เชียงใหม่ รัฐมนตรีขลุกขลักขึ้นเครื่อง บน.6 ต้องเปลี่ยนเครื่องถึง 2 รอบ ผวาทหารอารยะขัดขืน ตร.ตรึงกำลังเข้มบ้านพักนายกฯ ส่วนการประชุมสภาป่วนจนนัดสุดท้าย "ชัย"ตัดบทสั่งอ่านพระบรมราชโองการปิดสมัยประชุมทันที
ตรึงเข้มบ้านนายกฯที่เชียงใหม่
เวลา 07.30 น. วันที่ 27 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากบ้านพักนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในหมู่บ้านกรีนวัลเลย์ อ.แม่ริม จ.เชียง ใหม่ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ริม ได้จัดกำลังสายตรวจตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งด่านตรวจที่หน้าหมู่บ้าน ปากทางเข้าซอยบ้านนายกฯ นอกจากนี้ยังมีกำลังเจ้าหน้าที่นปพ. และชุดสืบสวนภาค 5 นอกเครื่องแบบดูแลโดยรอบรอบบ้านพัก รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและหน่วยรักษาความปลอดภัย ติดตามนายกฯ กว่า 50 นาย
ทั้งนี้ คณะของนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว. วัฒนธรรม เดินทางมาเข้าพบนายกฯ ที่บ้านพักตั้งแต่เช้า จากนั้นนายชุมพร แสงมณี รองผู้ว่าฯเชียงใหม่ นาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ เลขานุการส่วนตัวของนายกฯ และข้าราชการตำรวจระดับสูง ได้ทยอยตามมาสมทบ
นายวรวัจน์ ให้สัมภาษณ์หลังเข้าพบนายกฯ กรณีคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม(คตร.) ที่มีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เป็นประธาน เสนอให้นายกฯยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว ว่า เรื่องนี้กลุ่มพันธมิตรยังไม่มีใครยอมรับ ปัญหาทั้งหมดเกิดจากประเด็นการเมือง แต่ไม่คิดว่าจะกระทำกับประเทศมากขนาดนี้ เชื่อว่าถึงมีเลือกตั้งใหม่ก็ไม่จบ อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีทุกคนได้พูดคุยกันมาตลอดในเรื่องปัญหาบ้านเมือง
ครม.ขลุกขลักขึ้นเครื่องบน.6
ด้านบรรยากาศการประชุม ครม.ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายกฯได้กำชับกับครม.ทุกคนดินทางมาร่วมประชุมในครั้งนี้ให้ได้ อย่างไรก็ตาม ครั้งแรกทางสำนักเลขา ธิการครม. ได้นัดหมายรัฐมนตรีไปรวมตัวกันที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 (บน.6) ในเวลา 10.00 น. แต่ปรากฏว่ามีกลุ่มพันธมิตรปิดถนนวิภาวดีฯ และทางเข้า-ออกบน.6 บางด้าน ทำให้รัฐมนตรีหลายคนมาขึ้นเครื่องไม่ทันตามเวลา โดยรัฐมนตรีที่ขึ้นเครื่องบิน ซี-130 มีประมาณ 10 กว่าคน อาทิ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกฯ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว. คมนาคม นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รมต.ประจำสำนักนายกฯ น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รมว.วิทยาศาสตร์ฯ นายอุดมเดช รัตนเสถียร รมว.การพัฒนาสังคมฯ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เป็นต้น
เมื่อเครื่องบินซี-130 บินขึ้นได้ประมาณ 30 นาที เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องแจ้งให้ทราบว่ามีเครื่องยนต์ขัดข้อง 1 ตัว จำเป็นต้องนำเครื่องกลับมาเปลี่ยนที่กรุงเทพฯ ทั้งนี้ เมื่อเครื่องลงจอด กลับไม่มีเครื่องเปลี่ยนทั้งในส่วนของเครื่องบินทหารและเครื่องบินพาณิชย์ จึงประสานงานไปยังการบินพาณิชย์กระทรวงคมนาคม ขอเครื่องบินสำรอง 2 ลำให้มารับครม.ไปส่งที่จ.เชียงใหม่ อย่างไรก็ตามความขลุกขลักเกิดขึ้นระหว่างที่มีข่าวลือหนาหูว่า อาจจะมีการปลดพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสธ.ทบ. จึงมีการวิจารณ์กันว่าอาจเป็นการอารยะขัดขืน
เปลี่ยนเครื่อง 2 รอบ-รมต.มึน
ทั้งนี้ ความขลุกขลักยังไม่หมดเมื่อรัฐมนตรีซึ่งแบ่งออกเป็น 2 คณะ คณะละ 6 คน ขึ้นเครื่องของการบินพาณิชย์กระทรวงคมนาคมจำนวน 2 ลำ ปรากฏว่าลำหนึ่งเกิดปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้อง เครื่องขึ้นไปได้เพียง 20 นาที ต้องบินกลับมายังบน.6 อีกครั้ง จากนั้นได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ขอใช้เครื่องบิน"เจ็ทตรีม" ของกองทัพบก แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนและบินไป-กลับหลายครั้งทำให้รัฐมนตรีหลายคนเกิดอาการมึนศีรษะ นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ถึงกับบ่นว่า "มึนหัวจริงๆ"
ขณะที่รัฐมนตรีพรรคชาติไทย ได้เดินทางไปเองโดยใช้เครื่องบินเกษตร ไปขึ้นที่สนามบินโรงเรียนการบินกำแพงแสน ส่วนพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รมว. มหาดไทย เดินทางโดยเครื่องบินตำรวจ ด้านนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ เดินทางมาโดยรถยนต์จาก จ.สุโขทัย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.วัฒนธรรม มาโดยรถยนต์จากจ.แพร่ และพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รมช.พาณิชย์ มาโดยรถยนต์จาก จ.นครสวรรค์
สำหรับรัฐมนตรีที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รมว.ยุติธรรม นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวฯ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ต่างประเทศ นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกฯ นางอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง และว่าที่ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมช.คลัง
นายกฯ ย้ำต้องประชุมครม.ให้ได้
ในการประชุมครม.ครั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยเป็นแม่ข่ายถ่ายทอดการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเร้นซ์ จากเชียงใหม่ไปยังกรุงเทพฯ กระจายไปยังกระทรวงต่างๆ ที่รัฐมนตรีไม่สามารถมาร่วมประชุมที่เชียงใหม่ได้ รวมทั้งข้าราชการ ได้แก่ กระทรวงยุติธรรม สาธารณสุข แรงงาน พาณิชย์ สำนักงบประมาณ เป็นต้น
นายประสงค์ โฆษิตานนท์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ท่าทีของพรรคเพื่อแผ่นดินขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกันเป็นทางการ แต่เชื่อมั่นว่าจะสนับสนุนรัฐบาลต่อไป อยากให้เห็นใจส.ส.เพราะกว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคเข้ามาทำหน้าที่ได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนข้อเรียกร้องให้ทหารปฏิวัตินั้น ไม่สามารถทำได้ ชาติตะวันตกไม่ยอมรับเรื่องการปฏิวัติ และเชื่อว่าผบ.ทบ.รู้และเข้าใจเหตุผลนี้ดี หากดำเนินการไปประเทศชาติจะเสียหายมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างรอรัฐมนตรีเดินทางมาประชุมครม. นายสมชาย ได้เรียกรัฐมนตรีที่ทยอยมาถึงก่อนไปพบปะพูดคุยพร้อมรับประทานอาหารกลางวันที่บ้านพัก โดยนายสมชายย้ำว่า อย่างไรก็ต้องประชุมครม.ให้ได้ แม้จะล่าช้าไปบ้าง หรือถ้าประชุมไม่ทันก็จะเลื่อนไปประชุมวันพรุ่งนี้เช้า(28พ.ย.)แทน อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐมนตรีเดินทางมาครบ นายสมชาย ได้เร่งรัดให้ประชุมครม.ทันที โดยการประชุมเริ่มขึ้นเวลา 14.30 น. ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อนายสมชาย มาถึงหน้าศาลากลาง กลุ่มคนเสื้อแดงที่มาปักหลักอยู่ได้ส่งเสียงตะโกน "สมชายสู้ๆ" ตลอดเวลา
แถลงปฏิเสธปลดบิ๊กทหาร-ตร.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม.ว่า เหตุการณ์ที่เครื่องบินซี-130 ขัดข้อง ตนไม่อยากตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะเรื่องอื่น แต่เราได้ประสานกับกระทรวงคมนาคมเพื่อเดินทางมาจนได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงกระแสข่าวปลดพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ว่า ไม่ทราบ ยังไม่ได้ยินมุมมองนี้จากรัฐบาล ขณะนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายอย่าง กระแสการวิพากษ์วิจารณ์จึงเกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ยังไม่เคยได้ยิน แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายกฯ
ต่อมาเวลา 16.30 น. นายณัฐวุฒิ แถลงระหว่างประชุมครม. ว่า ระหว่างประชุมครม. มีกระแสข่าวลือสร้างความสับสนและวิตกกังวลต่อประชาชน 2 ประเด็นสำคัญ คือจะมีการปลดนายทหารระดับผบ.เหล่าทัพหรือไม่ และมีการเคลื่อนกำลังทหาร ยุทโธปกรณ์ รถถัง เพื่อกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน นายกฯ มอบให้แถลงว่าขณะนี้ครม.ประชุมอยู่ที่เชียงใหม่ ถือเป็นการประชุมรอบสัปดาห์ตามปกติ ยืนยันไม่มีวาระการเลื่อนลด ปลดย้ายนายทหาร ไม่ว่าของกองทัพหรือหน่วยงานใด ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวลกระแสข่าวการปฏิวัติ และขอแจ้งไปยังทหารทุกคน ทุกกรมกองว่าขอให้ปฏิบัติภารกิจราชการตามปกติและอยู่ในที่ตั้ง ไม่ให้เคลื่อนกำลังใดๆ ไม่ต้องเตรียมความพร้อม และเพื่อยุติข่าวลือหนาหูว่ามีรถถังเคลื่อนออกมาแล้ว เมื่อถามว่านายกฯ ตรวจสอบข่าวลือนี้หรือไม่ นาย ณัฐวุฒิ กล่าวว่า อาจตรวจสอบในฐานะรมว.กลาโหม
สมชายรีบสยบลือ ยันไม่ปลด อนุพงษ์-พัชรวาท
รายงานข่าวเผยว่า ก่อนหน้านี้นายสมชาย เตรียมออกคำสั่งปลดพล.ต.อ.พัชรวาท พ้นจากผบ.ตร. ตามข้อเสนอของบางฝ่ายที่เห็นว่าผบ.ตร.ใส่เกียร์ว่างต่อปัญหาม็อบพันธมิตรฯ แต่ได้รับการคัดค้านจากรัฐมน ตรีแกนนำจากพรรคชาติไทย เพราะเห็นว่าจะยิ่งทำให้ปัญหาบานปลาย นายสมชายจึงเปลี่ยนใจไม่แตะเก้าอี้ผบ.ตร. รวมถึงเก้าอี้ผบ.ทบ.ของพล.อ.อนุพงษ์ด้วย
ส.ส.รัฐบาลระดมคนต้านรถถัง
เมื่อเวลา 13.45 น. ที่รัฐสภา ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล 50 คน นำโดย นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปรัฐบาล นายเอกพจน์ ปานแย้ม ส.ส.ปทุมธานี พรรคชาติไทย และนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพลังประชาชน เป็นต้น ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุม วิปรัฐบาล โดยอ้างว่าเป็นมติของส.ส.กว่า 200 คน
นายเอกพจน์กล่าวว่า ที่ประชุมเสนอแนวทางแก้วิกฤตการเมืองขณะนี้ 1.ให้นายกฯ หรือรัฐบาลแสดงความเด็ดขาด ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเพื่อจัดการกับผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด เร่งด่วน โดยให้ผู้รับผิดชอบหรือได้รับมอบอำนาจปฏิบัติหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมง 2.ถ้าจำเป็นต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้ผู้รับผิดชอบตามกฎหมายปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากไม่ดำเนินการให้นายกฯ พิจารณาเปลี่ยนตัว และ 3.จากกระแสข่าวที่อาจมีการยึดอำนาจ ขอให้ส.ส.ทุกคนระดมเตรียมความพร้อมประชาชนเพื่อต่อต้านการยึดอำนาจ โดยให้ส.ส.แต่ละคนระดมประชาชนมาคนละไม่ต่ำกว่า 20,000 คน
นายสุทินกล่าวว่า มาตรการต่อต้านการยึดอำนาจ ขอเชิญชวนประชาชนทุกจังหวัดที่อยากปกป้องประชา ธิปไตยประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการยึดอำนาจทุกรูปแบบ ด้วยวิธีการขึ้นป้ายประกาศต่อต้านทุกหมู่บ้าน ใส่เสื้อสัญลักษณ์สีแดง ส่วนใน กทม.ขอให้ผู้ที่มีรถยนต์หรือรถแท็กซี่ออกมาปิดเส้นทางที่รถถังจะผ่าน ป้องกันไม่ให้มีการขนย้ายกำลังของทหารมายึดสถานที่สำคัญ และขอให้ประชาชนออกมาตามท้องถนนด้วยความสงบปราศจากอาวุธ โดยใส่เสื้อสัญลักษณ์สีแดง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเกรงหรือไม่ว่าจะทำให้เกิดการปะทะกับคนเสื้อเหลือง นายสุทินกล่าวว่า อยู่ที่วิธีการ เพราะเรามาโดยความสงบ ไม่มีอาวุธ จึงไม่ถือเป็นการท้าทาย
โต้จุดชนวนสงครามประชาชน
ต่อข้อถามว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้เกิดสงครามกลางเมืองหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า เหตุการณ์วันนี้ถ้าปล่อยไปอย่างนี้สถานการณ์ก็จะเป็นสงครามโดยกลุ่มพันธมิตร แต่ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยอาจเป็นการยุติความขัดแย้งได้ เพราะกลุ่มพันธมิตรอาจเล็งเห็นว่าคนในชาติส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย หวังว่าจะเป็นการยุติปัญหา ไม่ได้หวังว่าการออกมาของประชาชนจะเป็นการท้าทายหรือทำสงครามกัน สิ่งที่เสียหายในวันนี้แม้ประชาชนไม่ออกมา ปล่อยให้มีการยึดอำนาจโดยง่ายก็จะทำความเสียหายให้กับประเทศชาติมากกว่าประชาชนออกมา เมื่อถามว่าหากข้อเสนอเหล่านี้นายกฯ ไม่ได้ดำเนินการจะทำอย่างไรกับนายกฯ หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า เราไม่ทำอะไรกับนายกฯ แต่จะมีมาตรการเสริม ช่วยนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการถามตอบเป็นไปด้วยความตึงเครียด ส.ส.ที่แถลงข่าวไม่ได้เปิดช่องให้สื่อมวลชนได้สอบถาม และพยายามพูดแทรกคำถามโดยตลอด ช่วงหนึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าความหมายของประชาธิปไตยของส.ส.พรรคพลังประชาชนคือการที่นำประชาชนออกมาฆ่ากันหรือ ส.ส.หญิงคนหนึ่งตะโกนใส่ผู้สื่อข่าวว่า นักข่าวไม่รู้จักคำว่าประชาธิปไตยหรือ จากนั้นนายสุทินก็กล่าวตัดบท และรีบแยกย้ายกันกลับทันที
สั่งเกณฑ์ชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธ
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงมติวิปรัฐบาลว่า วิปรัฐบาลมีความเห็นว่าให้ส.ส.แต่ละคนระดมประชาชนคนละ 2 หมื่นคนแยกเป็นตำบลละ 200 คน โดยให้คัดผู้ชายร่างกายกำยำ ใครมีปืนหรือมีดพร้าให้เอามาเพื่อแสดงพลัง เพราะหากจะรอทหารหรือตำรวจคงรอไม่ไหวแล้ว โดยให้มารอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิหรือสนามหลวง
เมื่อถามว่าเป็นการส่งสัญญาณให้ฆ่ากันหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ไม่เกี่ยว แต่เป็นการแสดงพลังเพื่อปกป้องประชาธิปไตยและไม่ใช่เป็นการปกป้องนายกฯ เมื่อถามว่าทำไมไม่แก้ปัญหาในระบอบประชาธิปไตยด้วยการยุบสภาหรือลาออก นายสุชาติกล่าวว่า จะให้นายกฯ ลาออกคงไม่ได้เพราะไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย วันนี้จะปล่อยกลุ่มพันธมิตรคงไม่ได้แล้ว เพราะรัฐบาลใช้อำนาจบริหาร นิติบัญญัติหรือตุลาการไม่ได้แล้วก็ต้องใช้อำนาจของประชาชน เราต้องยอมแลกทุกอย่างเพื่อปกป้องประชาธิปไตย เหตุการณ์ครั้งนี้จะเหมือนพฤษภาทมิฬโดยจะใช้ประชาชน แต่เราจะเป็นฝ่ายอยู่ข้างหลังเพื่อดันประชาชนให้ร่วมสู้ ทราบว่าทหารบางส่วนเริ่มขยับ เช่นที่ จ.ลพบุรี เราจึงต้องเตรียมตัวต่อต้านการปฏิวัติ วันนี้ประเทศวุ่นวายจากอำนาจที่มองไม่เห็น ซึ่งข้อเสนอแนะเหล่านี้ของวิปรัฐบาลนายกฯ รับรู้หมดแล้ว
พปช.เตือนกองทัพอย่าคิดปฏิวัติ
เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงว่า ได้รับทราบข้อมูลว่าจะมีการรัฐประหาร และวันนี้ยังมีเสียงเรียกร้องให้ทหารออกมา ฉะนั้นพรรคพลังประชาชนขอส่งสัญญาณไปยังนายทหารซึ่งกำลังคิดการดังกล่าว ว่าถ้ามีการดำเนินการอย่างนั้นจะทำให้บ้านเมืองวิกฤตหนักหน่วงยิ่งกว่าปัจจุบัน ภาคเอกชนที่ไปประชุมกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐประหาร อย่าคิดง่ายๆ ว่ารัฐประหารแล้วปัญหาจะยุติลงนั้น ขอเตือนว่าข้อเสนอนี้ยิ่งเสี่ยงนำประเทศไปสู่เหวลึก คนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารจะลุกฮือ พรรคพลังประชาชนขอสนับ สนุนท่าทีของส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ที่ได้เตรียมคนเพื่อต่อต้านการรัฐประหารและจะดำเนินการในระยะยาว เพราะเราเชื่อว่าการรัฐประหารจะทำให้ประเทศเสียหายอย่างไม่สามารถที่จะฟื้นฟูได้
ร.ท.กุเทพกล่าวต่อว่า ขณะนี้ทหารและตำรวจต้องดำเนินการยุติการกระทำผิดกฎหมาย ส่วนการตัดสินใจทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นการลาออกหรือยุบสภา เป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองจะดำเนินการ ทั้งนี้วันนี้ต้องเรียกร้องหาความรับผิดชอบของข้าราชการประจำ เพราะปรากฏชัดเจนว่า พันธมิตรทำผิดกฎหมายขั้นร้ายแรง เอาประเทศและประชาชนเป็นตัวประกัน ยึดสนามบิน ภาระเร่งด่วนล่าสุดของทหาร ของตำรวจคือการเข้าไปยุติการกระทำผิดกฎหมายนั้นก่อน แล้วจึงมาดูกันว่าทางการเมืองจะทำอย่างไร ตนเชื่อว่าฝ่ายการเมืองจะไม่ดื้อดึง และสามารถตัดสินใจทางการเมืองเพื่อเอาประเทศนี้รอดจากวิกฤตไปได้
อัดทหาร-ตร.ลอยตัวหนีปัญหา
"ขอเรียกร้องให้ผู้นำทหาร ผู้นำตำรวจมาดำเนินการตรงนี้ก่อน อย่าแข็งข้อแข็งขืนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตร ใช้อารยะขัดขืน เราเสียใจที่ผู้นำทหารลอยตัวหนีปัญหาและมากดดันรัฐบาล โดยเชื่อว่าถ้ารัฐบาลตัดสินใจทางการเมืองการกระทำผิดกฎหมายของพันธมิตรจะยุติ แบบนี้ไม่ใช่การสร้างบรรทัดฐานที่ดี ต่อไปคนที่ทำผิดกฎหมายจะใช้วิธีเดียวกัน เมื่อฝ่ายที่บังคับใช้กฎหมายไม่ทำหน้าที่ โดยหวังว่าจะเอาฝ่ายการเมืองเป็นแพะรับบาป ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ฝ่ายการเมืองจะเป็นคนไปจี้หรือบังคับให้ประชาชนที่ผิดกฎหมายเลิก แต่ฝ่ายการเมืองต้องใช้ตำรวจ ทหารในการแก้ปัญหา แต่ประเทศเราแปลก คือทหารตำรวจอยู่ในฐานะลอยตัว ไม่ยอมแก้ปัญหาแล้วโยนภาระให้ฝ่ายการเมือง ขอให้พวกเราช่วยกันสร้างระบบที่ดี ทหารตำรวจต้องไปจัดการความเรียบร้อย แทนที่จะเอารถถังมาปฏิวัติ" ร.ท.กุเทพกล่าว
รักษาการโฆษกพรรคพลังประชาชนกล่าวต่อไปว่า หากมีรัฐประหารครั้งนี้จะเกิดบรรทัดฐานต่อไปว่าเมื่อยึดสนามบินเป็นชัยชนะ พันธมิตรจะประกาศชัยชนะ จากนั้นจะเกิดการอหังการกำหนดทิศทางของประเทศ เราไม่รู้ว่าการต่อต้านโดยกลุ่มที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพันธมิตรจะรุนแรงขยายผลไปอย่างไร และในฐานะผู้แทนประชาชนก็จะไม่ยอมเช่นกัน และประเทศไทยจะถึงขั้นที่มีการเผชิญหน้ากัน เป็นแผลบาปล้ำลึกกันต่อไป" ร.ท.กุเทพกล่าว
เย้ย"อนุพงษ์"ฝันเป็นนายกฯ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงนายกฯ ยืนยันไม่ยุบสภาและลาออกตามข้อเสนอของผบ.ทบ.และกลุ่มพันธมิตรว่า เชื่อมั่นว่าหลังการประชุมครม.ที่เชียงใหม่ นายกฯ จะประกาศภาวะฉุกเฉินเฉพาะเขตดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ เหมือนสมัยที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ เคยประกาศ โดยไม่จำเป็นต้องไปสั่งผบ.ทบ. เพราะนายกฯ มีอำนาจสั่งการได้ตามกฎหมาย และเชื่อว่าจะมีการสลายการชุมนุมที่บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ โดยดำเนินการตามขั้นใช้มาตรการสากล
"วันนี้ผมได้กลิ่นปฏิวัติ เพราะทหารกำลังเคลื่อนเข้ามา แต่เราในฐานะส.ส.ต้องเตรียมสู้ในสภา ถ้าถูกปฏิวัติจริงรับรองเสื้อแดงมาเต็มเมือง สังคมไทยยอมรับไม่ได้ ผบ.ทบ.อย่าพูดเพื่อตัวเองดี เพื่อจะเป็นนายกฯ อย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ ถ้าอยากเป็นก็ต้องปฏิวัติเอา" นายสุรพงษ์กล่าว
นายสุรพงษ์ยังกล่าวว่า ทุกวันนี้ขนาดตนเป็นส.ส.ยังต้องหาทางป้องกันตัวเอง พกปืนติดรถไว้ มีกระสุนที่เป็นหัวกระสุนระเบิด แต่ยังไม่บรรจุ หากเกิดเหตุรับรองตนบรรจุกระสุนได้ทันแน่ นอกจากนี้ยังทราบว่ามีส.ส.คนอื่นพากันพกปืนเพื่อป้องกันตัวกันหลายคน
"ชัย"ฉะนักวิชาการเป่าหูผบ.ทบ.
ที่รัฐสภา นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เสนอแนะให้นายกฯยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ว่า เห็นใจผบ.ทบ.เพราะทางนี้ก็พี่ทางนั้นก็น้อง เมื่อได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้ติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาระหว่างที่นายกฯไม่อยู่ จึงระดมคนที่มีความรู้และไม่มีความรู้มาหารือจนได้คำตอบดังกล่าว แต่ความจริงผบ.ทบ.ควรมาปรึกษาหารือกับส.ส.และส.ว. เพราะเป็นตัวแทนประชาชน ไม่ใช่หารือกับนักวิชาการ 1-2 คน คนที่ไม่เคยรับเลือกตั้ง ไม่เคยเป็นตัวแทนประชาชนและได้รับอำนาจจากบารมีของผู้ที่ปฏิวัติรัฐประหารมา บุคคลเหล่านี้ไม่เคยเสียสละ เอาแต่ประโยชน์ส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ในวันนี้สภาผู้แทนฯจะหารือว่าจะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างไร ตนจะเสนอให้ขยายเวลาสมัยประชุมจากวันที่ 28 พ.ย.นี้ออกไป แม้มีพระราชกฤษฎีกาออกมาแล้ว ยังไม่ได้อ่าน ดังนั้น หากสภามีมติก็พร้อมดำเนินการ
"เมื่อฝ่ายบริหารทำงานไม่ได้ สภาจำเป็นต้องกระโดดมาช่วยกันเต็มที่ ทั้งวุฒิสมาชิก ผู้นำฝ่ายค้าน รัฐบาล ส.ส. ต้องร่วมมือร่วมแรงใจกันว่าจะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างไร ถ้าสภานี้มีมติให้ประธานรัฐสภาเข้ากราบบังคมทูล ผมจะเข้าไปกราบบังคมทูลเพื่อขยายเวลาประชุม จะได้ปรึกษาหารือกันเพราะไม่มีช่องทางอื่นแล้ว เราจะทะเลาะวิวาทกันไปทำไม คนไทยในชาติพี่น้องกัน ต้องช่วยเหลือกัน แต่ละท่านอาจมีทรรศนะแตกต่างกัน แต่ถ้าเราพูดกันก็จะเข้าใจกัน ถ้าจำเป็นต้องทำอย่างนั้น ซึ่งยังมีเวลา เราอาจจะเรียกประชุมด่วน 28 พ.ย.เลยก็ได้" นายชัย กล่าว
หลุดปากเชียร์ให้ทำรัฐประหาร
เมื่อถามว่าเคยเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อหาทางออกแต่ปัญหายังไม่ยุติ นายชัย กล่าวว่า ครั้งนั้นไม่มีคนกลางที่แท้จริง ดังนั้นหากมีคนกลางที่แท้จริง ซึ่งตนมีบุคคลที่จะเป็นคนกลางอยู่ในใจแล้ว แต่ยังไม่กล้าเปิดเผย คนกลางต้องเป็นบุคคลที่ทุกคนยอมรับไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของประเทศ หากสภาอนุมัติให้ขยายเวลาและเปิดให้พูดคุยกันได้ ตนไปกราบเรียนเชิญมา ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อย แต่จะต้องรอฟังการประชุมคณะรัฐมน ตรีก่อนแล้วจะปรึกษาหารือกันอีกครั้ง จะทำให้เร็วที่สุดเพราะขณะนี้ศาลสั่งก็ยังทำอะไรไม่ได้ กฎหมายไม่มีประโยชน์แล้ว
ต่อข้อถามว่าคนกลางดังกล่าวคือพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษหรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ไม่ใช่ ตนไม่กล้าละลาบละล้วงท่าน แต่คนกลางที่ว่ายังอยู่ในใจ เป็นบุคคลที่มีความเชื่อถือของสังคม เมื่อถามว่ามองว่าหากหาทางออกของปัญหาไม่ได้คงต้องมีการรัฐประหาร นายชัย กล่าวว่า "ถ้ารัฐประหารเลย ผมก็จะดีใจ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการพูดเรื่องรัฐประหารดังกล่าว นายชัยพูดหลังจากสื่อถอนไมโครโฟนออกแล้ว แต่เมื่อถามซ้ำ นายชัยจึงบ่ายเบี่ยงและบอกว่าพูดอะไรไม่ออก
"มาร์ค"ชี้จุดยืนนายกฯผิดพลาด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายชัย ชิดชอบ มีท่าทีสนับสนุนการปฏิวัติ ว่า การปฏิวัติไม่ใช่การยุติปัญหาได้ ไม่ใช่ทางเลือกเพราะปัญหาจะวุ่นวายไม่จบ ขณะนี้ไม่มีมวลชนฝ่ายใดยอมรับการปฏิวัติ ไม่คิดว่าประมุขฝ่ายนิติบัญญัติจะกล้าเสนอทางออกที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และเชื่อว่าแนวทางนี้คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการรัฐประหารคือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนการเจรจาเพื่อยุติปัญหา เท่าที่คุยกับนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกฯ และนายชัย บอกว่านายกฯ เห็นด้วยและจะติดต่อมา แต่เมื่อดูนายสมชายแถลงจุดยืนว่าจะไม่ลาออกหรือยุบสภา แสดงว่าไม่ต้องการเจรจา และถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมาก เพราะวันนี้ยังมองไม่เห็นว่าเหตุการณ์ความรุนแรงจะจบลงอย่างไร ส่วนที่ประธานสภาไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของ คตร.ที่ให้รัฐบาลยุบสภา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ส.ส.ย่อมไม่พอใจการยุบสภา แต่ทางออกขณะนี้คือรัฐบาลต้องยื่นมือไปเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม ถ้าทำแล้วไม่สำเร็จอย่างน้อยสังคมจะได้เข้าใจมากขึ้น
นายอภิสิทธิ์กล่าวยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับพันธมิตรที่บุกยึดสนามบิน แม้รัฐบาลจะได้สนามบินกลับคืนมา ไม่รู้ว่าจะยึดสถานที่อื่นหรือไม่ ปัญหาของประเทศขณะนี้ใหญ่กว่าสนามบิน ไม่อยากให้รัฐบาลตัดตอนมองปัญหาเป็นรายวัน สุดท้ายจะแก้ไม่จบ ดังนั้น รัฐบาลต้องตัดสินใจถึงจะแก้ไขปัญหาได้
แฉแผน"ทักษิณ"ยั่วให้ปฏิวัติ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอยุบสภา ว่า เป็นแนวทางแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เป็นทางออกที่ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ และไม่ควรโกรธผบ.ทบ.และคตร. ส่วนที่ประธานสภาระบุควรหารือกันในเวทีรัฐสภา นายสุเทพ กล่าวว่า นายชัย จะปรึกษาหารือสภาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ต้องคำนึงว่าส.ส.-ส.ว.ไม่มีเรี่ยวแรงจะผลักดันให้รัฐบาลทำอะไรที่เป็นรูปธรรมและเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ อย่ายึดมั่นว่าส.ส.-ส.ว.จะตัดสินใจแทนคนอื่นในประเทศชาติได้ และเสียงส.ส.ส่วนใหญ่เป็นลิ่วล้อของพ.ต.ท.ทักษิณ การทำอะไรเป็นไปในแนวทางเดียว กันอยู่แล้ว ส่วนแนวทางการเจรจาที่รัฐบาลต้องการให้นายอภิสิทธิ์ เป็นตัวกลางนั้น วันนี้การเจรจายังไม่สาย ตอนนี้อาจไม่ฟังกัน แต่เมื่อไปตั้งสติก็อาจฟังกัน
ต่อข้อถามว่านายกฯปฏิเสธทั้งการยุบสภาและลาออก นายสุเทพ กล่าวว่า เมื่อนายกฯปฏิเสธ ต้องแสดงให้ประชาชนเห็นว่าทำอย่างไรให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะสงบสุขได้ ไม่ใช่ลอยไปลอยมา ส่วนการปฏิวัติ ตนไม่เห็นด้วยเพราะบ้านเมืองบอบซ้ำเสียหาย ยังมีวิธีอื่นอีก เท่าที่อ่านสถานการณ์แล้วเห็นว่าฝ่ายพ.ต.ท.ทักษิณ พยายามยั่วยุให้เกิดการปฏิวัติ เขาจะได้สวมบทบาทนักประชาธิปไตยต่อต้านการปฏิวัติ สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้น่ากลัวมาก
บุกด่าส.ส.ฝ่ายค้านถึงในสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาแจ้งว่า ช่วงเช้าก่อนประชุมสภาผู้แทนฯ ได้มีกลุ่มประชาชนผู้รักชาติ จำนวน 4-5 คน นำกระเช้าดอกไม้และดอกกุหลาบมาให้กำลังใจส.ส.พรรคพลังประชาชน โดยมายืนรอให้กำลังใจบริเวณห้องโถง ระหว่างนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินเข้ามาพร้อมกับนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา ของพรรค ได้มีผู้หญิงในกลุ่มตะโกนว่า"มาร์ค ม.7 ไอ้บ้า ทุเรศ" นายศิริโชคหันไปยักคิ้วให้หนึ่งครั้ง ขณะที่นายอภิสิทธิ์ หันมาถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า "ด่าทักษิณเหรอ" ก่อนเดินเลี่ยงขึ้นบันไดไป
ต่อมาเวลา 12.20 น. หลังการประชุมสภา ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ 10 คน นำโดย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานวิปฝ่ายค้าน นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ส.ส.ตรัง พร้อมด้วยนายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนฯ เดินมาสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสภา ว่าปล่อยให้คนกลุ่มนี้เข้ามาในสภาได้อย่างไร ระหว่างนั้นกลุ่มคนดังกล่าวยังตะโกนอีกว่า "ไอ้ส.ส.ทุเรศ" ทำให้ส.ส.ฝ่ายค้านไม่พอใจเข้าไปสอบถามว่าเป็นใครมาจากไหน ใครพาเข้ามา เพราะการแสดงพฤติกรรมอย่างนี้ในสภาไม่เหมาะสม ขณะที่คนกลุ่มดังกล่าวตอบโต้ว่าไม่ได้ว่าใคร พูดกันเล่นเฉยๆ นายสาทิตย์จึงบอกว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสภาพาตัวออกไป
เชื่อยังไม่"ยุบสภา"เร็วๆ นี้แน่
รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่า แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ประเมินสถานการณ์การเมือง ว่า รัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรมีธงเดียวกันคืออยากให้ทหารปฏิวัติ ทำให้พล.อ.อนุพงษ์ โดนกดดันมากจากทั้ง 2 ฝ่าย ธงของพันธมิตรอยากให้ทหารปฏิวัติเพื่อล้มล้างระบอบทักษิณและสร้างระบบการเมืองใหม่ ส่วนธงรัฐบาลต้องการอยู่ในอำนาจต่อไป
นอกจากนี้ยังประเมินว่า นายสมชายจะไม่ตัดสินใจยุบสภาในเร็ววันนี้แน่นอน และเป็นไปได้ที่อาจยื้อสถานการณ์ออกไปจนกระทั่งตั้งพรรคเพื่อไทยได้แล้ว เพราะแนวโน้มที่พรรคพลังประชาชนจะถูกยุบเป็นไปได้สูง ดังนั้น จะมีส.ส.ซีกรัฐบาลทยอยลาออก หลังจากนั้นจะต้องมีการเลือกตั้งซ่อมทีละ 1-2 เขตไปเรื่อยๆ
รายงานข่าวแจ้งว่า มีส.ส.หลายคนเสนอว่าทำไมประชาธิปัตย์ไม่ลาออกทั้งพรรค แต่ผู้ใหญ่ในพรรคเห็นว่าไม่ใช่ทางออก เพราะประชาธิปัตย์จะไม่มีเวทีสภาเพื่อเคลื่อนไหวแสดงความเห็น และไม่แน่ใจว่าหากเลือกตั้งใหม่พรรคจะได้รับเลือกกลับเข้ามาจำนวนเท่าเดิมหรือไม่
ทัพบกหนุนข้อเสนอ"คตร."
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถาน การณ์ร่วม (คตร.) ได้ประชุมสรุปข่าวประจำวัน โดย มีพล.อ.ธีระวัฒน์ บุณรประดับ ผู้ช่วยผบ.ทบ. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสธ.ทบ. พล.ท.พิรุณ แผ้วผลสง รองเสธ.ทบ. และนายทหารชั้นผู้ใหญ่เข้าฟังรายงานสถานการณ์ หลังจากคตร.มีมติเสนอให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ ยุบสภา
ที่สลก.ทบ. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงมติที่ประชุมคตร.ว่า แนว ทางการใช้กำลังทหารเข้าแก้ปัญหาไม่ว่าปฏิวัติหรือรัฐประหาร ต้องเจอการต่อต้านของกลุ่มที่ไม่เห็นชอบคือคนเสื้อแดง ผลที่ตามมาไม่แตกต่างกับการสลายการชุมนุมและเสียหายแบบเดียวกัน รวมถึงอาจเป็นตัวเร่งเวลาให้เกิดปัญหาเร็วขึ้น และไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาที่แท้จริง ดังนั้น การถอยคนละก้าว คืนอำนาจให้ประชาชน พันธมิตรเลิกชุมนุม ทุกอย่างจะคลี่คลายและให้ประชาชนตัดสินใจอีกครั้ง หากตัดสินใจแบบเดิมหรือแบบใหม่ ทุกคนต้องยอมรับการตัดสินใจ ทั้งหมดนี้จึงเสนอเป็นมติที่ประชุม ไม่ใช่การชี้นำของบุคคลใด ซึ่งผบ.ทบ.เสนอแนวทางที่ดีที่สุดในฐานะได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้เป็นประธานคตร. ส่วนจะยกเลิกคตร. หลังได้รับข้อเสนอหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกฯ
เชื่อผบ.ทบ.ไม่กลัวถูกปลด
"มติ 4 ข้อ ที่ประชุมคตร. ผบ.ทบ.ได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำเรียนสรุปถึงนายกฯโดยเร็ว ขณะนี้ฝ่ายยุทธการเสนอให้นายกฯแล้ว โดยผ่านทางสำนักนายกฯ แล้วแต่ดุลยพินิจของนายกฯ แต่หากรัฐบาลไม่เห็นชอบด้วยจะต้องประชุมคตร.ใหม่โดยเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้ เพื่อหาแนวทางหรือข้อเสนอใหม่ หากรัฐบาลจะประกาศพื้นที่ความมั่นคง กองทัพจะบูรณาการกับกำลังของภาคประชาชน และตำรวจ เข้าไปปฏิบัติในฐานะกอ.รมน." พ.อ.สรรเสริญกล่าว
เมื่อถามว่าการที่ผบ.ทบ.เสนอให้ยุบสภา จะส่งผลให้มีการปลดผบ.ทบหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ท่านจะปลดผบ.ทบ.หรือ ท่านเสนอแนะทางออกให้ประเทศชาติด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯ เมื่อถามว่าผบ.ทบ.ไม่กลัวจะถูกปลดออกจากตำแหน่งใช่หรือไม่ พ.อ.สรรเสริญกล่าวว่า ท่านอายุ 58 ปี ผ่านอะไรในชีวิตมามาก และท่านไม่เคยกลัวอะไร
"อ๋อย"ชี้ข้อเสนอคตร.ล้มเหลว
เวลา 12.30 น. ที่รร.เรดิสัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แถลงถึงพล.อ. อนุพงษ์ ในฐานะประธานคตร. เสนอให้นายกฯยุบสภาว่า คำแถลงโดยผบ.ทบ.ถือว่าล้มเหลว เพราะกลุ่มพันธมิตรยังเคลื่อนไหวในจุดยืนเดิม คือให้นายกฯลาออก และเปิดทางให้มีนายกฯคนกลางและมีรัฐบาลแห่งชาติ ขัดแย้งกับแนวทางประชาธิปไตยที่ผบ.ทบ.เสนอโดยสิ้นเชิง แนวคิดดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีการทำรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง จึงขอประณามการกระทำกลุ่มพันธมิตรและเรียกร้องให้สังคมโดดเดี่ยวกลุ่มพันธมิตร
นายจาตุรนต์กล่าวว่า ข้อเสนอของผบ.ทบ.ไม่สอด คล้องกับหลักประชาธิปไตย และไม่เน้นเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่พูดถึงความรุนแรงที่กลุ่มพันธมิตรกระทำ ทั้งการปิดสนามบิน การยึดทำเนียบ ทั้งที่ผิดกฎหมายและเข้าข่ายการร้ายสากล แต่ผบ.ทบ. อ้างว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง จึงยอมให้พันธมิตรทำตามอำเภอใจ แนวคิดของพล.อ.อนุพงษ์จะทำให้ประ เทศเสียหายใหญ่หลวง เสียเลือดเนื้อครั้งใหญ่ตามมา ขอเรียกร้องให้ตำรวจและทหารทำหน้าที่ของตัวเองรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด ตำรวจป้องกันการปะทะโดยใช้วิธีตามกฎหมาย เลิกฟังเสียงผบ.ทบ. ไม่ใช่เจอคนทำผิดแล้วไม่ดำเนินการเพื่อไม่ให้มีเหตุนองเลือดเกิดขึ้น
ชี้ปัญหาตอนนี้มาจากอนุพงษ์
นายจาตุรนต์กล่าวว่า ข้อเสนอของตน ให้ตำรวจและทหารรักษากฎหมายและหลีกเลี่ยงเหตุปะทะให้มากที่สุด โดยทหารอย่าทำรัฐประหาร แต่ถ้ายังไม่รีบรักษากฎหมาย บอกเลยว่าอีกไม่นานคงมีการยึดอำนาจ โดยผบ.ทบ.อาจนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร ที่ผ่านมาการที่ผบ.ทบ.นั่งมองเหตุการณ์นิ่งๆ ดูความเสียหายของประเทศ แสดงให้เห็นว่ามีใจไปทางพันธมิตร ทั้งนี้ หากมีการยึดอำนาจเชื่อว่าพลังของประชาชนจะออกมาต่อต้าน ทำให้เกิดการสูญเสีย และตนไม่เห็นด้วยกับคนเสื้อแดงจะมาชุมนุมเวลานี้ เพราะจะทำให้กลุ่มพันธมิตรนำมาเป็นข้ออ้างก่อเหตุรุนแรงในการทำรัฐประหารได้ แต่หากทหารและผบ.ทบ.ยังนิ่งเฉยอยู่แนวโน้มปฏิวัติจะมีสูงมาก
เมื่อถามว่าหากผบ.ทบ.ยังนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการใดๆ นายกฯควรสั่งปลดหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การปลดผบ.ทบ.ทำได้ยากมาก ถึงแม้จะสั่งปลดปัญหาก็ยังไม่จบ เพราะพันธมิตรยังไม่ยอมหยุด แต่หากจะให้เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายได้ รัฐบาลควรให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ด้วยการออกกฎหมายคือพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อถามว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังคอยสั่งการพล.อ.อนุพงษ์ หรือไม่ นายจาตุรนต์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่บอกได้ว่าต้นตอปัญหาในขณะนี้มาจากพล.อ.อนุพงษ์
ชาวบ้านตกใจ-รถถังเคลื่อน
วันเดียวกัน ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ได้จัดสาธิตและการแสดงรถถังในรุ่นต่างๆ ให้นักเรียนเสนาธิการทหารบกชม เพื่อศึกษาถึงสมรรถนะ โดยเฉพาะรถถังแบบสกอร์เปี้ยน จนชาวบ้านในพื้นที่ละแวกใกล้เคียงเกิดความตื่นตระหนกว่าจะมีการปฏิวัติเกิดขึ้น
ทั้งนี้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีที่มีผู้พบเห็นรถถังและเข้าใจว่าทหารจะปฏิวัติว่า รถถังดังกล่าวเป็นรถถังสกอร์เปี้ยน ของกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 1 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ นำมาแสดงให้นักเรียนเสนาธิการทหารบกฝึกทางยุทธวิธีตามหลักสูตร โดยนำมาจัดแสดงที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เขตบางเขน และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจจึงเคลื่อนย้ายกลับที่ตั้งซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ บางกระบือจึงขอเรียนให้ประชาชนโดยทั่วไปรับทราบและอย่าตื่นตระหนกหรือเข้าใจผิดใดๆ