เป็นสัญญาณส่งตรงถึงรัฐบาล "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" เค้นคอให้ตัดสินใจยุติปัญหาการเมืองเสียที!!
เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคารไทย อธิการบดี ฯลฯ ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.)
โดยอาศัยเวทีคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) ซึ่ง "พล.อ.อนุพงษ์" นั่งเป็นประธานตามคำสั่งแต่งตั้งของ "นายกฯสมชาย"
"...จากหารือทุกฝ่ายในวันนี้แล้ว กรรมการ คตร.เห็นตรงกันว่า จะเสนอทางออกวิกฤตบ้านเมืองขณะนี้ ด้วยการเสนอให้นายกฯยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินจะดีกว่า แล้วพันธมิตรก็ถอนออกจากสนามบินสุวรรณภูมิและจุดอื่นที่เข้ายึด เพื่อความสงบสุขของประเทศชาติ และถ้ารัฐบาลไม่ดำเนินการ ก็จะปฏิเสธความชอบธรรมในการบริหารของรัฐบาลต่อไป..."
คำประกาศหลังจากเกิดเหตุจลาจลขึ้นทั่วพื้นที่ กทม. เมื่อกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึดหลายพื้นที่ ตั้งแต่ทำเนียบรัฐบาลตัวจริง ถนนพิษณุโลก ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ท่าอากาศยานดอนเมือง และจุดที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศที่สุดคือ...สนามบินสุวรรณภูมิ
หากมองตามหลักสากล ถือว่าเป็นภาวะที่ร้ายแรง หากเป็นในต่างประเทศ การเข้ายึดหอบังคับการบิน วิทยุการบิน รวมถึงตารางการบิน อาจเข้าข่ายการก่อการร้ายสากลไปแล้ว
เงื่อนไขร้อนแรงเหล่านี้ ยังไม่รวมเหตุความรุนแรงทั้งการปะทะและกรณีระเบิดรายวัน...?!
โนติสจาก "พล.อ.อนุพงษ์" ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเคยปฏิวัติหน้าจอมาแล้ว เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ซึ่งครั้งนั้นเป็นการนำการทีม ผบ.เหล่าทัพแถลง ซึ่งถึงกับออกปากว่า "...หากผมเป็นนายกฯก็ลาออกไปแล้ว อยู่ได้อย่างไรบนกองเลือดประชาชนในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม"
แต่กลายเป็นปฏิวัติแป้ก! เพราะ "สมชาย" ดื้อแพ่ง "ไม่ยุบสภา-ไม่ลาออก" และวัดใจว่าทหารไม่กล้าปฏิวัติ โดยหวังว่าจะอยู่ยาว
เป็นความหวังที่จะ "อยู่ยาว" จนหลายฝ่ายอดฉงนไม่ได้ว่า เหตุใด "พล.อ.อนุพงษ์" จึงกลายเป็น "ทองไม่รู้ร้อน" ได้อย่างอัศจรรย์ แม้ในระยะเวลาต่อมาจะเกิดเหตุรุนแรง นองเลือด ได้สร้างความชอบธรรมในการ "ตัดสินใจ" ยิ่งกว่าเหตุปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 เสียด้วยซ้ำ จนถูกฝ่ายพันธมิตรก่นด่าทุกเวทีที่มีการปราศรัย
วันนี้กับคำพูดที่ว่า "พันธมิตรเองก็ต้องมาทบทวนว่าตัวเองเคลื่อนไหวชอบธรรมหรือไม่ ไม่อย่างนั้นเสื้อเหลืองเสื้อแดงก็ไม่จบ นายกฯเองก็ไม่ได้เสียอะไร เพราะท่านยังมีอำนาจบริหารต่อไป และก็ทราบดีกันว่า พรรคการเมืองดังกล่าวก็มีโอกาสกลับเข้ามาใหม่ได้อีก และขอให้ประชาชนทั้งหลายช่วยกันแสดงออกทุกวิถีทาง ให้รัฐบาลเอาข้อเสนอเราไปทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ให้ประเทศชาติต้องบอบช้ำไปมากกว่านี้"
การรอคอยให้ "ทหาร" ออกมาดำเนินการอะไรบางอย่าง กลายเป็นความท้าทายที่ส่งไปถึง "พล.อ.อนุพงษ์" ว่าจะรับประกันได้แค่ไหนว่า "สงครามประชาชน" จะจบได้จริง ในเมื่อเงื่อนไขเดียวที่ฝ่ายพันธมิตรยื่นให้รัฐบาลก็คือ "สมชาย" ลาออกสถานเดียว
และถ้ามีการยุบสภา-ลาออกจริง ก็ต้องวัดใจฝ่ายพันธมิตรว่าจะทำตามพันธสัญญาที่ "คนกลาง" ออกมาไกล่เกลี่ยหรือไม่ แต่หาเปลี่ยนเกมไปกดดันให้ กกต.ลาออกไปจนจัดการเลือกตั้งใหม่ไม่ได้ บ้านเมืองจะเดินไปทิศทางไหน
"ปฏิวัติเงียบ" หรือ "Silent coup" ครั้งนี้ จะเป็นยาสุดท้ายที่ใช้รักษาความบอบช้ำของประเทศไทยได้จริงหรือ?
เมื่อคนเสื้อแดงประกาศพร้อมรบ เคลื่อนพล นปก.แล้ว โดยเฉพาะหากทหารตัดสินใจปฏิวัติ คงได้เห็นประชาชนนอนขวางรถถังกันที่หน้าค่ายทหารเป็นแน่แท้ หรือวันนี้เป็นเพราะคนชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" ไม่ยอมจบ...สงครามประชาชนจึงไม่ยุติ!!
อนุพงษ์ปฏิวัติเงียบภาค 2 สงครามประชาชน...ยากจะยุติ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง อนุพงษ์ปฏิวัติเงียบภาค 2 สงครามประชาชน...ยากจะยุติ