สื่อต่างประเทศก็ยังคงเกาะติดสถานการณ์ม็อบพันธมิตรใช้กลยุทธ์ดาวกระจายบุกยึดสถานที่ต่างๆ อย่างใกล้ชิด
ทว่าสื่อแต่ละสำนักต่างมีมุมมองเรื่องนี้แตกต่างกันออกไป โดยบรรษัทกระจายเสียงแห่งชาติอังกฤษ (บีบีซี) มองสถานการณ์ครั้งนี้เอาไว้ว่า เป็นการแสดงให้เห็นว่าพันธมิตรเริ่มแผ่วลงแล้ว
บีบีซีรายงานว่า ดูเหมือนรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ตัดสินใจที่จะปล่อยให้ม็อบพันธมิตรเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระตามใจปรารถนา และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ซึ่งเคยทำให้มีผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนมากมาแล้วเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยบีบีซีมองว่าแท็กติกดังกล่าวของรัฐบาลดูเหมือนจะใช้ได้ผล เพราะเมื่อไม่มีการปะทะกันอย่างรุนแรงเกิดขึ้น โอกาสที่จะเกิดการรัฐประหาร ซึ่งโดยปกติก็น้อยอยู่แล้วนั้นจึงไม่มีเลย ทั้งยังได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า หลังจากที่ก่อหวอดประท้วงอย่างต่อเนื่องมานาน 6 เดือนก็ดูเหมือนว่าขุนพลเสื้อเหลืองจะเริ่มแผ่วลงแล้ว
ด้านหนังสือพิมพ์เฮรัลด์ ทรีบูน กลับมีความเห็นต่างจากบีบีซี โดยมองว่าการใช้แผนดาวกระจายของม็อบพันธมิตรในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
เพราะสามารถขัดขวางให้เลิกล้มการประชุม ครม. นัดสำคัญได้เป็นผลสำเร็จ แถมยังต้องล่าถอยออกจากสนามบินดอนเมืองที่รัฐบาลใช้เป็นที่ทำการชั่วคราวในช่วงที่พันธมิตรยึดทำเนียบเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา เฮรัลด์ ทรีบูนยังมองด้วยว่า ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มพันธมิตรประกาศว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้ายกับรัฐบาล แต่การระดมม็อบครั้งนี้กระจายออกไปในหลายจุด เป็นวงกว้างกว่าเมื่อครั้งก่อนๆ ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของพันธมิตรในการขัดขวางรัฐบาลได้เป็นอย่างดี
ด้านนายชอว์น ดับเบิลยู คริสปิน จากเอเชีย ไทม์ส รายงานอ้างแหล่งข่าววงในรัฐบาลที่กล่าวว่า การปาระเปิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลติดต่อครั้งหลายครั้งนั้น ถือเป็นหายนะสำหรับกลุ่มพันธมิตร
เพราะทำให้ไม่สามารถรวบรวมกำลังคนได้ถึงแสนคนตามที่หวังเอาไว้ พร้อมทั้งอ้างการรายงานข่าวจากเอพี ที่บอกว่ามีผู้ชุมนุมอยู่ราวๆ 2.5-3.3 หมื่นคนเท่านั้น ซึ่งแหล่งข่าวในรัฐบาลได้แสดงความกังขาว่า จำนวนคนเพียงเท่านี้จะเพียงพอต่อการบุกยึดที่ทำการรัฐบาลสองแห่งพร้อมกันหรือไม่ และว่ากลยุทธ์เดินหน้าต่อไปของรัฐบาลจะทำให้พันธมิตรกลายเป็นตัวตลกไป