ส่อเลื่อนประชุมสภาหากปิดล้อมรุนแรงพธม.ลั่นกระจายจุดอื่นด้วยไม่ใช่แค่รัฐสภาสมชายตั้งอนุพงษ์รับ


พันธมิตรฯ ยันชุมนุมใหญ่ 24 พ.ย. จำลองเผยอาจกระจายจุดอื่นไม่ใช่ปิดล้อมแค่รัฐสภา "ชัย"ชี้หากรุนแรงก็อาจต้องเลื่อนประชุมสภาหรือมไกปิดสมัยประชุมไปเลย นายกฯตั้งผบ.ทบ.ข้ามประเทศ คุมม็อบล้อมรัฐสภา24พ.ย. แจงประชุม2สภาเพื่อประโยชน์ชาติ ใครขวางจงใจขัดรธน. รมว.บัวแก้ววอนพธม.คิดถึงชาติบ้านเมือง

"ชัย"ชี้อาจเลื่อนประชุมสภา หากปิดล้อมส่อเค้ารุนแรง


นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวเมื่อวันที่ 23 พ.ย. ถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นัดชุมนุมใหญ่ เพื่อเข้าปิดล้อมรัฐสภา ในเช้าวันที่ 24 พ.ย. นี้  ซึ่งจะมีการประชุมร่วม 2 สภา  เพื่อพิจารณากรอบข้อตกลงอาเซียน ว่า    ในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) จะต้องมีการประชุมสภา อย่างแน่นอน โดยไม่มีการบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าเป็นวาระแต่อย่างใด และตนก็จะเดินทางเข้าร่วมประชุมตามปกติ เพราะฝ่ายนิติบัญญัติต้องมีหน้าที่รักษากฎหมาย ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้มีการเตรียมรับมือพันธมิตรฯ เพราะตนกับพันธมิตรฯ ไม่ใช่ศัตรูกัน
 
อย่างไรก็ตาม ประธานสภาฯ  กล่าวว่า หากการชุมนุมของพันธมิตรฯ  ส่อเค้าจะเกิดความวุ่นวายหรือรุนแรง ก็อาจต้องเลื่อนการประชุมออกไปก่อน หรือไม่ก็สั่งปิดสมัยประชุมไปเลย  เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงขึ้นภายในบ้านเมืองในช่วงนี้ เพราะใกล้จะถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธ.ค. แล้ว  ทั้งนี้  เรื่องดังกล่าวตนยังไม่ได้มีการหารือกับนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา แต่อย่างใด  
 
 
"จำลอง"ลั่นพธม.กระจายชุมนุมจุดอื่นด้วยไม่ใช่แค่รัฐสภา
 
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงเมื่อวันที่ 23 พ.ย.ภายหลังประชุมร่วมกับแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 1 และรุ่น 2 ว่า พันธมิตรฯยืนยันการนัดชุมนุมใหญ่ เพื่อเคลื่อนไปปิดล้อมรัฐสภา ไม่ให้ประชุมร่วม 2 สภาในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์และแนวทางการเคลื่อนไหวยังไม่สามารถเปิดเผยได้ จึงขอให้ติดตามในวันพรุ่งนี้ โดยพันธมิตรฯอาจจะเคลื่อนไปชุมนุมคัดค้านรัฐบาลในจุดอื่นด้วย ไม่ใช่เฉพาะรัฐสภาเพียงที่เดียว

เมื่อถามว่า ประธานรัฐสภายืนยันว่า จะไม่พิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้ ทำไมเพิ่งมาพูดวันนี้ ไม่พูดตั้งแต่ 3 วันที่แล้ว คำพูดดังกล่าวคงเชื่อไม่ได้ เพราะเคยเปลี่ยนกลับไปกลับมา ถ้ารัฐบาลจริงใจจะไม่แก้รัฐธรรมนูญต้องทำมาก่อนแล้ว โดยไม่บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่วาระการประชุม เพราะการเสนอร่างผิดกฎหมาย เนื่องจากยังไม่มี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเสนอกฎหมายของประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามถึง กระแสข่าวพันธมิตรฯ จะบุกยึดสถานีโทรทัศน์ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ยังไม่ได้ปรึกษาหารือกัน และไม่มีใครพูดเรื่องนี้ พันธมิตรฯ คัดค้านรัฐบาล คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จะไปทำอะไรกับสื่อเอกชนของรัฐไม่ได้เด็ดขาด ส่วนสื่อของรัฐพันธมิตรฯ ยังไม่ได้คิด และยังไม่ได้มีการหารือถึงเรื่องนี้
 
"สมชาย"ตั้ง"อนุพงษ์"ข้ามประเทศ คุมม็อบล้อมรัฐสภา
 
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างการเข้าร่วมประชุมเอเปค ที่สาธารณรัฐเปรู ถึงการปิดล้อมรัฐสภาของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) ว่า รู้สึกกังวลกับเรื่องนี้ โดยได้ยืนยันแล้วว่า จะไม่พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แต่จะเป็นประชุมขอความเห็นชอบในเรื่องของกฏหมาย ที่จะต้องลงนามร่วมในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เดือนธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 190 หากใครขัดขวางก็เป็นการจงใจขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่เรื่องของนายกฯ แต่เป็นการลงนามเรื่องการค้าที่จะสร้างรายได้ให้ประชาชนคนไทย 

"หากไม่สามารถพิจารณากฏหมายที่จะต้องลงนามในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนได้ จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากกับประเทศชาติและประชาชน จึงอยากให้ทุกคนได้เข้าใจ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศ ส่วนจะย้ายสถานที่ประชุมรัฐสภาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประธานรัฐสภาจะพิจารณา" นายสมชาย กล่าว
 

ส่วนกรณีที่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบุจะใช้กำลังและอาวุธ ในการชุมนุมครั้งนี้ เพราะเจ้าหน้าที่มีการใช้อาวุธและกำลังเช่นกัน นายกฯ กล่าวว่า ไม่อยากพูดเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้มาถกเถียงกันว่า ใครเป็นคนทำร้ายหรือป้องกันตัว เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดความเสียหายทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้วว่า ไม่ให้ใช้กำลังและทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บ แต่ขอให้ผู้ชุมนุมอย่าสร้างความวุ่นวาย ซึ่งตนไม่ปรารถนาให้เกิดความรุนแรง และขอร้องทุกฝ่ายไม่ควรใช้ความรุนแรงเข้ามาแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง

นายกฯ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันได้มีการติดตามสถานการณ์ในประเทศไทย โดยได้พูดคุยกับผู้เกี่ยวข้อง และได้ตั้งกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อติดตามสถานการณ์บ้านเมืองโดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธาน แต่ไม่ได้มีหน้าที่ปราบปรามใคร เป็นเพียงการทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ ที่จะคอยให้คำแนะนำ ต่างๆ กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง และเจ้าหน้าที่ตำรวจหากทำอะไรไม่ถูกต้อง ก็ต้องรับผิดภายใต้กรอบของกฏหมายเช่นกัน

"สมพงษ์"วอนพธม.เห็นแก่ชาติบ้านเมืองอย่าล้อมรัฐสภา

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวขณะเดินทางไปร่วมประชุม รัฐมนตรีเอเปค ที่กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ถึงท่าทีของ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่อาจเดินทางไปปิดล้อมอาคารรัฐสภา เพื่อไม่ให้มีการประชุมร่วม 2 สภา ในวันที่ 24 พ.ย.ว่า อยากให้กลุ่มพันธมิตรฯ คิดถึงประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ปล่อยให้รัฐสภาได้ทำหน้าที่พิจารณากฎหมาย เพราะจะมีกฎหมายและกรอบการเจรจาความตกลงกับต่างประเทศเข้าสู่การพิจารณาถึง 24 ฉบับ ทั้งนี้ เรื่องทั้งหมดเป็นของบ้านเมือง ไม่ใช่ของรัฐบาล ของฝ่ายค้าน หรือ ของวุฒิสภา หากสภาอนุมัติเรียบร้อย ก็จะได้เดินหน้าเจรจาความตกลงกับประเทศต่างๆ ได้ ซึ่งจะเกิดประโยชน์แก่ประเทศ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน
 
 
การ์ดพันธมิตรฯถูกระเบิดยังโคม่า ก้านสมองตาย

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการบาดเจ็บ ของนายยุทธพงษ์ เสมอภาค อายุ 22 ปี การ์ดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เข้ารับรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสบริเวณศีรษะมีรอยร้าวแตกจากการถูกแรงกระแทกอย่างแรง กระทบกระเทือนถึงก้านสมองถูกทำลาย จากเหตุระเบิด ที่แยกมิสกวัน เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี  ว่า อาการยังคงไม่ดีขึ้น โดย แพทย์ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา   โดยมีบาดแผลที่คอทะลุศีรษะ  และขณะนี้พบว่า  ก้านสมองตาย

 
 
พธม.รวมตัวคึกคัก เกือบล้นทำเนียบ รอเคลื่อนพล

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 23 พ.ย. ถึงบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า  กลุ่มพันธมิตรฯ จากต่างจังหวัดต่างๆ  ได้ทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมากแล้ว จนพื้นที่ภายในทำเนียบรัฐบาลเกือบจะเต็ม     ทำให้ผู้ชุมนุมจำนวนมากไปแออัดอยู่บริเวณ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) และ ตึก  ก.พ.   อย่างไรก็ตาม  แกนนำพันธมิตรฯ  ได้จัดเต็นท์ที่พักไว้รองรับทางด้านถนนราชดำเนินนอกบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อกระจายกลุ่มผู้ชุมนุม   ที่มาจากต่างจังหวัดเพื่อเข้าพักตามเต็นท์ดังกล่าว ก่อนที่ในช่วงบ่ายจะมีการรวมตัวกันครั้งใหญ่ เพื่อไปร่วมชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภา เรียกร้องให้รัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลาออก และยกเลิกการแก้รัฐธรรมนูญ วันที่ 24 พ.ย. นี้

 

ขณะที่บรรยากาศบนเวทีปราศรัย พิธีกรรายการก็ได้ขึ้นปราศรัยและพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างคึกคัก โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ ยังคงเป็นการโจมตีการทำงานของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายยงยุทธ ติยะไพรัช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และบุคคลอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ แทบทั้งนั้น

 
แกนนำพธม.อุบแผนบุกสภา

ที่บ้านพระอาทิตย์ เมื่อวันที่ 22 พ.ย.  แกนนำกลุ่มพันธมิตร ประกอบไปด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ได้ร่วมกันประชุมเพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนขบวนไปที่ด้านหน้าอาคารรัฐสภา ในช่วงเช้าวันที่ 24 พฤศจิกายน จากนั้นได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงยุทธวิธีการเคลื่อนขบวน ในช่วงเช้าวันที่ 24 พฤศจิกายน โดยเฉพาะการบุกเข้าไปในสภาผู้แทนฯ

พล.ต.จำลองกล่าวว่า ที่ประชุมมีมติว่าจะเดินทางเคลื่อนไปที่หน้าอาคารรัฐสภาในเช้าวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ แน่นอน เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลฉวยโอกาสแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เนื่องจากรัฐสภาได้บรรจุวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องด่วน

"สนธิ" ระบุจับอาวุธป้องตัวเอง

นายสนธิกล่าวว่า การชุมนุมวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ มีความหมายมาก เพราะว่ารัฐบาลเป็นตัวการที่สร้างความแตกแยกขึ้นมา การใช้ความรุนแรงโดยใช้อาวุธสงครามที่ประชาชนไม่มีสิทธิมีได้ มีแต่ทหารเท่านั้นที่มีได้ ไม่ว่าจะเป็นการยิงระเบิดด้วยเอ็ม 79 ซึ่งมีอยู่ในความครอบครองของทหารเท่านั้น และล่าสุดเช้าวันนี้มีบุคคลขี่รถจักรยานยนต์ และขว้างปาระเบิดเข้ามาบริเวณสี่แยกสวนมิสกวัน แสดงว่าต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในการรบ
 
"เรื่องนี้พิสูจน์ให้เห็นชัดว่า มีทหารนอกแถวที่อยู่ภายใต้การใช้งานของอันธพาลรัฐบาล มาใช้ เป็นการบีบประชาชน ที่ใช้วิธีสันติ อหิงสา ในการชุมนุมอาจจะต้องจับอาวุธขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเอง และวันนั้นจะเป็นวันที่สังคมไทยนองเลือดอย่างแน่นอน และเมื่อมีการนองเลือดก็ต้องมองย้อนหลังว่า ผู้ใดเป็นคนสร้างให้เกิดสภาวะที่อีกฝ่ายต้องจับอาวุธขึ้นมา เพราะรัฐบาลไม่ได้ป้องกันอะไรเลย และยังสมรู้ร่วมคิดรู้เห็นเป็นใจ แม้กระทั้งคนบางคนที่อยู่ในหน่วยงานรัฐบาล ก็เข้าไปมีส่วนร่วมในการทำร้ายประชาชน"  นายสนธิกล่าว 
 
"สมชาย" จี้ตร.เร่งหาตัวคนบึ้ม
 
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางถึงกรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ครั้งที่ 20 ในเวลา 15 .20 น. ของวันที่ 21 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับประเทศไทยเวลา 03.20 น. ของวันที่ 22 พฤศจิกายน ทั้งนี้ นายสมชายให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยที่ติดตามไปทำข่าวว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่ามีเหตุปาระเบิดใส่กลุ่มพันธมิตร ที่แยกมิสกวัน ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 22 พฤศจิกายน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งติดตามหาผู้ก่อเหตุโดยเร็ว เชื่อว่าการสอบสวนเหตุระเบิดครั้งนี้น่าจะสะดวกขึ้น เพราะเกิดบริเวณ 4 แยก ตำรวจสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ ไม่เหมือนเหตุที่ผ่านมาที่ระเบิดภายในทำเนียบรัฐบาล และไม่สามารถเข้าไปที่เกิดเหตุได้โดยเร็ว

"ผมไม่ปรารถนาจะให้เกิดเหตุรุนแรงเช่นนี้ และไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายในประเทศ นี่เป็นเรื่องของคนร้าย ตำรวจต้องติดตามจับกุม และอยากขอร้องว่าเรื่องที่จะทำให้เกิดความรุนแรง ใครที่กระทำควรยุติได้แล้ว" นายกรัฐมนตรีกล่าว

ปัดใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-แค่ฆาตกรรธรรมดา

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้ทหารต้องออกมาควบคุมสถานการณ์หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า "ทหารไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ไม่คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่ปัจจัยที่ทหารต้องมาควบคุมสถานการณ์บ้านเมือง ยังเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ มันเป็นเรื่องการฆาตกรรมกันธรรมดา ผมก็อยากให้จับคนร้ายให้ได้ จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร ความจริงจะได้กระจ่าง มันคงไม่เป็นเหตุให้นำไปสู่เหตุการณ์อย่างอื่น" เมื่อถามว่า หากสถานการณ์ในประเทศเกิดเหตุรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมได้ จะประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ลักลอบขว้างระเบิดกัน ไม่ใช่ว่าจะเกิดความวุ่นวายจนต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต แต่สถานการณ์ขณะนี้คงไม่ถึงกับควบคุมไม่ได้

"รู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์การเมืองในประเทศ โดยเฉพาะกรณีพันธมิตรเตรียมปิดล้อมรัฐสภาตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน เพราะไม่ต้องการให้มีการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายและสนธิสัญญาสำคัญ 24 ฉบับที่ต้องลงนามร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนในเดือนธันวาคม 2551" นายสมชายกล่าว

สิงคโปร์ข้องใจยึดทำเนียบ

นายสมชายกล่าวว่า ถ้ากฎหมายไม่ได้รับการพิจารณาจากที่ประชุมรัฐสภา จะส่งผลกระทบต่อประโยชน์ของประเทศชาติ เพราะในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ไทยต้องแสดงบทบาทการเป็นผู้นำ และยังมีประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ที่เป็นคู่เจรจาคอยจับตามองประเทศไทยอยู่ อย่างประเทศอย่างสิงคโปร์ก็แสดงความแปลกใจที่ไทยไม่มีการดำเนินการกับผู้บุกรุกสถานที่ราชการ โดยเฉพาะทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นที่บริหารราชการแผ่นดิน โดยต่างชาติเห็นว่าเรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องรุนแรง ที่บุคคลบางกลุ่มทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย
 
บึ้มอีก-"จำลอง" ระบุเอ็ม79

แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศเคลื่อนขบวนจากทำเนียบรัฐบาลไปยังรัฐสภาในช่วงเช้าและช่วงบ่ายของวันที่ 24 พฤศจิกายน โดยมีแนวโน้มว่าจะชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภาไปจนถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันปิดสมัยประชุมสภานิติบัญญัติ พร้อมประกาศว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ชุมนุมมีสิทธิจับอาวุธขึ้นป้องกันตัวเอง เนื่องจากได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีกครั้งบริเวณแยกมิสกวัน ถนนพิษณุโลก เป็นเหตุให้การ์ดพันธมิตรบาดเจ็บ 8 ราย โดย 3 รายบาดเจ็บสาหัส ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยอมรับว่าเป็นระเบิดเอ็ม 79 ชนิดเดียวกับที่ยิงใส่กลุ่มพันธมิตรเมื่อคืนวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่วนแกนนำจัดกิจกรรม "ความจริงวันนี้" ที่วัดสวนแก้ว ในวันที่ 23 พฤศจิกายน ระบุว่า หลังจากจัดกิจกรรมเสร็จจะให้ผู้ชุมนุมกลับบ้านทันที ไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมกลุ่มพันธมิตร

ทั้งนี้ เหตุระเบิดล่าสุด เกิดเมื่อเวลา 02.00 น.ของวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ต.ท.สำเริง ส่งเสียง รอง ผกก.ปป.สน.ดุสิต รับแจ้งคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่การ์ดพันธมิตร บริเวณแยกสวนมิสกวัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบพื้นถนนถูกแรงระเบิดจนเป็นหลุมกว้าง 10 เซนติเมตร นอกจากนี้พบกองเลือดและสะเก็ดระเบิดจำนวนหนึ่ง

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร กล่าวว่า จากการตรวจพื้นที่ของ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พบว่ามีแนวยิงมาจากบริเวณมุมของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แทบทั้งสิ้น และระเบิดที่ยิงมาเป็นเอ็ม 79 ทั้งหมด ห่างจากแนวการชุมนุมประมาณ 50 เมตร

สาหัส3-บาดเจ็บอีก5

วันเดียวกัน กองบัญชาการตำรวจนครบาลรายงานเหตุระเบิดที่แยกสวนมิสกวัน เมื่อเวลา 02.10 น. ท้องที่ สน.ดุสิต ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย โดย 3 รายยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี คือ 1.นายยุทธพงษ์ เสมอภาค อายุ 22 ปี เลือดออกในสมอง บริเวณคอมีแผล 2.นายเอกพล สหวัฒน์ อายุ 37 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่หลัง แขนและขาทั้ง 2 ข้าง แพทย์ผ่าชิ้นส่วนโลหะออกแล้ว 3.นายวิรัตน์ เพีบรสัจจะ อายุ 54 ปี มีบาดแผลที่ฝ่ามือซ้าย กระดูกนิ้วกลางซ้ายหัก ขณะที่อีก 5 รายบาดเจ็บเล็กน้อย คือ นายสมชาย วงศ์สนธิ อายุ 44 ปี นายณรงค์ นาคเอี่ยม อายุ 64 ปี นายประคอง หาชัย อายุ 38 ปี นายสำเริง บัวจันทร์ อายุ 26 ปี นายพงษ์ชนก กาญจนอมรเดช อายุ 31 ปี

หนุ่มวัย 22 โคม่า-พ่อทำใจแล้ว

นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า มีผู้บาดเจ็บถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลรามาฯ 8 ราย เป็นชายทั้งหมด โดยมีผู้บาดเจ็บสาหัสต้องนอนรักษาตัวอยู่ 3 ราย รายที่สาหัสที่สุดได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะมีรอยร้าวแตกจากการถูกแรงกระแทกอย่างแรง กระทบกระเทือนถึงก้านสมองถูกทำลาย ทำให้เนื้อสมองช้ำ มีเลือดออกในสมอง ไม่สามารถหายใจเองได้ แพทย์ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ อย่างไรก็ตาม ทีมแพทย์ลงความเห็นจะยังไม่มีการผ่าตัดสมอง เพราะจะยิ่งมีความเสี่ยงและเป็นอันตรายต่อผู้บาดเจ็บได้ โดยแพทย์ให้ยาปฏิชีวนะและรอดูอาการทางสมอง และโอกาสที่จะเสียชีวิตมีสูง

สำหรับผู้บาดเจ็บที่ก้านสมองถูกทำลายนั้นคือ นายยุทธพงษ์ เสมอภาค อายุ 22 ปี ถูกนำไปพักรักษาตัวในห้องศัลยกรรมชาย-หญิง โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าเยี่ยม ยกเว้นญาติผู้ป่วย

ขณะที่นายชุมพล เสมอภาค อายุ 44 ปี บิดานายยุทธพงษ์ มีอาชีพรับซื้อของเก่า อยู่ที่ 120/3 ถนนดำรงรักษ์ แขวง-เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. เปิดเผยว่า ลูกชายยังไม่รู้สึกตัว นอนให้ออกซิเจนอยู่ มีบาดแผลบริเวณกล้ามเนื้อสมองตาย ต้องให้เครื่องหายใจตลอดเวลา และตนเองก็พยายามทำใจ

ตร.รับเอ็ม79-แค่สร้างสถานการณ์

เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) กล่าวภายหลังประชุมชุดสืบสวนจากกองกำกับการสืบสวนตำรวจนครบาล 1 (กก.สส.บก.น.1) และฝ่ายสืบสวน สน.ดุสิต ว่า จากการตรวจสอบพร้อมกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์ระเบิด กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (บก.ตปพ.) กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ พบชิ้นส่วนที่เป็นโลหะ และน่าจะเป็นระเบิดแบบเอ็ม 79 และเมื่อดูวิถีการยิงลักษณะแบบเฉียง และทิศทางน่าจะเป็นการยิง ไม่ใช่แบบขว้าง เพราะการขว้างเป็นไปได้ยาก และน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์มากกว่า หากคนร้ายประสงค์ต่อชีวิตแล้วต้องปาหรือยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ไม่น่ายิงเจาะจงไปใส่กลุ่มการ์ดพันธมิตร และจากการสอบพยานพบว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นคนขี่รถจักรยานยนต์มา 1 คัน และเกิดระเบิดขึ้น ขณะพยานอีกคนบอกว่า เห็นคนขี่จักรยานยนต์มา 2 คัน แล้วเกิดระเบิดขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณแยกจุดเกิดเหตุ และใกล้เคียงเพื่อหาภาพคนร้ายและบุคคลต้องสงสัย

"จงรัก" อ้างเอ็ม79ใครก็มีได้

เวลา 14.00 น. ที่ บช.น. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์หลังจากเรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้องว่า จากการตรวจสอบทีวีวงจรปิด เห็นแค่ภาพประกายไฟของระเบิดและแสงไฟรถยนต์ที่วิ่งผ่านไปมา ซึ่งไม่ชัดเจนว่าคนร้ายยิงมาจากที่ใด จากยานพาหนะหรือยืนยิง ต้องตรวจสอบต่อไป แต่พนักงานสอบสวนพอรู้แนวว่ายิงมาจากทิศใด ทั้งนี้ ผู้ชำนาญด้านวัตถุระเบิดยืนยันว่าเป็นระเบิดชนิดเอ็ม 79 เหมือนกับที่คนร้ายใช้ยิงด้วยเครื่องยิงเมื่อวันก่อนเข้าไปในทำเนียบ ที่ผ่านมาตำรวจเคยจับกุมคนร้ายที่ใช้เครื่องยิงระเบิดแบบเอ็ม 79 ในคดีอื่นๆ แสดงว่าคงมีที่มาหลายทาง

คาดยิงจากหลังตึกบช.น.

พล.ต.อ.จงรักกล่าวถึงข่าวจะเรียก พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง มาสอบปากคำว่า เคยประสานไป แต่ได้รับการปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เป็นคนทำ จึงไม่ยอมมา เท่าที่ทราบ พล.ต.ขัตติยะคาดคะเนเหตุการณ์ต่างๆ เป็นเพียงข้อสงสัย ยังถือไม่ได้ว่ามีส่วนรู้เห็นหรือร่วมกระทำความผิด มิฉะนั้นหมอดูที่ทำนายว่าบ้านเมืองเกิดการนองเลือดจะต้องถูกจับดำเนินคดีหมด

จากนั้น พล.ต.อ.จงรักพร้อมคณะไปตรวจดูบริเวณถนนพิษณุโลก ด้านหน้าสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ที่ตั้งอยู่ติดด้านหลังกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อดูจุดที่น่าเชื่อว่าจะเป็นจุดที่คนร้ายมายืนยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปยังบริเวณสี่แยกสวนมิสกวัน จนมีผู้บาดเจ็บ 8 คน โดยจุดที่ยิงห่างจากจุดที่ระเบิดประมาณ 150 เมตร

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์